ตอนที่ 1857

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,857 : ข้อเรียกร้องของต้วนหลิงเทียน

เจอท่าทียั่วยุของตี้จิ่วเช่นนี้ ไม่แปลกที่สีหน้าของต้วนหลิงเทียนจะเปลี่ยนไป

 

ในแววตายามนี้แผ่พุ่งรังสีอำมหิต เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารมืดดำ

 

“ผู้นำตู้กู จ้าวตำหนักต้วน”

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง ตี้ชานที่นำพาทุกคนมาถึง ก็เริ่มทักทายตู้กูผู้นำตลาดมืดหยินชานกับจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิงทันที

 

แม้ต้วนหรูเฟิงจะเป็นคนทำสัญญาประลอง 5 ปี แต่ทีท่าของมันก็ไม่ได้เผยความไม่พอใจอะไรแม้แต่น้อย

 

นั่นเพราะเมื่อสองสามวันก่อนมันได้รับทราบเรื่องราวประการหนึ่งจาก ชิงเหยียน…

 

บุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ผู้โชคดีที่มีตราผนึกมารในครอบครอง ที่แท้ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตอริยะเซียน!

 

ผู้ฝึกตนที่ยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์คิดประลองกับตี้จิ่ว? ตอนที่ตี้จิ่วยังไม่บรรลุเซียนปฐพีก็นับว่าไร้หนทางสู้แล้ว จะมานับประสาอะไรกับหลังทะลวงถึงเซียนปฐพี?

 

เช่นนั้นในสายตาของตี้ชานและเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลาย สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีของต้วนหรูเฟิง ก็เสมือนกับการหาทางลงในวันนั้นกลายๆ…

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหรูเฟิงก็มีเรื่องบาดหมางกับเผ่าพันธุ์มังกร

 

ส่วนที่ไฉนต้วนหรูเฟิงถึงได้หาทางลงด้วยวิธีนี้ พวกมันก็พอเข้าใจได้…นั่นเพราะเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน มีเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบนหนุนหลัง! ต้วนหรูเฟิงย่อมไม่คิดให้เรื่องราวบาดหมางบานปลาย!!

 

“ผู้นำตี้ชาน”

 

ตู้กูพยักหน้าให้ตี้ชาน พร้อมกล่าวทักทายออกไปด้วยเสียงเฉยเมยคล้ายไม่ได้สนใจอะไรตี้ชานสักเท่าไหร่…

 

อันที่จริงมันก็ไม่ได้เห็นตี้ชานอยู่ในสายตาจริงๆ

 

ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน ตี้ชานผู้นี้ ก็แค่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บธรรมดาๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าสู่สระชำระมังกร…

 

พลังฝีมือ ความสามารถกระทั่งศักยภาพอะไร จึงนับว่าอ่อนด้อยกว่ามันมาก

 

สำหรับขุมพลังที่หนุนหลังตี้ชานอยู่ อย่างเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบน ตู้กูก็ไม่ได้แยแสสักกะผีก!

 

นั่นเพราะตลาดมืดหยินชานของพวกมัน ก็มีขุมพลังที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าเผ่าพันธุ์มังกรดำรงอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนเช่นกัน!

 

ส่วนต้วนหรูเฟิงไม่ได้กล่าวอะไร เพียงเหลือบมองตี้ชานที่กล่าวทักด้วยสายตาไม่แยแส พยักหน้ารับเบาๆ

 

ตี้ชานเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้มีโมโหอะไร ยังยิ้มออกได้อยู่

 

กิริยานี้เผยให้เห็นว่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนนี้ใจกว้างเพียงใด…

 

อย่างน้อยๆ ก็ผิวเผิน

 

ส่วนในใจมันคิดอะไร ยากที่ใครจะรู้ได้

 

ต่างจากความสงบไม่นำพาของตี้ชาน อาวุโสทั้ง 3 ของเผ่าพันธุ์มังกร เฉวี่ยฉาน สื่อชิง และชิงเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังตี้ชาน พอเห็นว่าผู้นำถูกปฏิบัติด้วยทีท่าแบบนั้น พวกมันอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง โทสะยังเอ่อล้นท่วมอยู่ในใจ!

 

หากแต่แม้พวกมันจะมีโทสะเพียงใด ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนเอาไว้เท่านั้น

 

หากไม่ให้กล้ำกลืนฝืนทนแล้วจะให้พวกมันทำอะไรได้อีก?

 

หรือจะให้พวกมันลงมือสั่งสอนบทเรียนต้วนหรูเฟิง?

 

แต่พวกมันกล้าลงมือกับผู้อื่นเขาหรือ? และถึงกล้าจะสู้ได้รึเปล่า?

 

เรื่องนี้ทั้ง 3 คนย่อมสำเหนียกตัวเองดีว่าไร้สามารถ! ถึงได้ต้องจำทนอยู่อย่างนี้!!

 

“จ้าวตำหนักต้วน นี่หรือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม?”

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สายตาของตี้ชานยามนี้ได้หล่นลงร่างบนต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย มองสำรวจพักหนึ่งค่อยหันไปถามต้วนหรูเฟิงออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

ได้ยินคำถาม ต้วนหรูเฟิงเพียงพยักหน้าตอบรับไปเบาๆ

 

ตี้ชานย่อมคุ้นชินกับกิริยาท่าทางนี้ดีจึงไม่ได้มีอาการไม่พอใจอะไร หันกลับมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มว่า “จ้าวตำหนักน้อยช่างมีความสามารถนัก…นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่าจ้าวตำหนักน้อยยังมีวาสนาได้รับ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างตราผนึกมารมาครอบครอง ตราผนึกมารนั้น…กระทั่งผู้คนในภูมิภาคเบื้องบนยังอยากได้…”

 

คำพูดท้ายประโยคของตี้ชานแฝงความหมายไม่น้อย

 

ถึงแม้ในอดีตเผ่าพันธุ์มังกรจะเคยออกตามหาต้วนหลิงเทียนเพราะคำร้องขอจากตี้จิ่ว แต่พวกมันส่วนใหญ่รู้เพียงว่า…คนที่ต้องตามหาชื่อต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ทว่าไม่ทราบเลยว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้เป็นใคร!

 

ดังนั้นในภายหลังถึงแม้พวกมันจะได้เห็นรูปภาพ ต้วนหลิงเทียน ที่ถือครองตราผนึกมาร พวกมันจึงไม่ทันได้ตระหนักว่า ต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นคนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนที่ตี้จิ่วให้ตามหา!

 

จนกระทั่งมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ แลเห็นต้วนหลิงเทียนเมื่อวันก่อน!

 

แน่นอนว่าหากตี้จิ่วไม่รีบร้อนปิดด่านไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันย่อมรู้เรื่องตราผนึกมารนี้ด้วยเช่นกัน

 

เมื่อมันรู้เรื่องตราผนึกมาร มันก็ย่อมต้องได้เห็นภาพผู้ครองตราผนึกมาร คราวนี้มันก็ย่อมสามารถยืนยันได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนที่มีตราผนึกมารในครอบครอง…ที่แท้ก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!

 

ด้วยเหตุนี้คนเผ่าพันธุ์มังกรที่ได้รู้หน้าค่าตาของต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือต้วนหลิงเทียนที่ได้รับตราผนึกมารเมื่อหลายปีก่อน!

 

ในที่แห่งนี้หากจะมีใครรู้ว่าต้วนหลิงเทียนที่ครอบครองตราผนึกมาร คือนายน้อยตำหนักเมฆาครามล่ะก็ เห็นทีจะมีก็แต่ตู้กูเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามถึงตู้กูจะรู้ แต่มันก็ไม่ได้บอกใคร

 

นอกจากนี้มันยังคิดตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนให้เจอด้วยตัวเอง เพื่อชิงตราผนึกมารมาเสีย

 

ถึงแม้ตัวมันจะไม่อาจใช้ตราผนึกมารได้ แต่มันก็ไม่อยากให้ของสิ่งนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

 

“ผู้นำตี้ชานกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ข้ามิกล้ารับ…”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปตอบคำตี้ชานด้วยสีหน้าปกติ

 

และเมื่อตระหนักได้ว่าสายตาที่มองมาโดยรอบนั้น ล้วนเต็มไปด้วยความโลภเขาก็พูดกับตี้ชานออกมาทันที “ผู้นำตี้ชาน หากเป็นไปได้ข้าคิดประลองตามสัญญา 5 ปีกับตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรโดยเร็วที่สุด”

 

ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก!

 

“ในเมนื่อจ้าวตำหนักน้อยกล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีใดคัดค้าน…และข้าเชื่อว่าตี้จิ่วเองก็ไม่มีใดคัดค้านเช่นกัน”

 

ตั้งแต่ต้นจนจบรอยยิ้มบนใบหน้าของตี้ชานไม่เคยห่างหายไปไหน

 

เพราะในสายตาของมัน ผลของการประลองในวันนี้ได้ถูกตัดสินแล้ว!

 

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันต้องชนะแน่นอน!!

 

สำหรับนายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้ เห็นชัดว่ารู้ตัวดีว่าต้องแพ้พ่าย อีกฝ่ายคงคิดรีบๆประลองจะได้รีบๆยอมแพ้ให้จบๆ เพื่อจะได้กลับบ้านโดยไว

 

“เช่นนั้นก็…”

 

ในขณะที่ตี้ชานกำลังจะกล่าวประกาศให้ต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วเริ่มสู้กันได้นั้นเอง มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวขัดคำออกมาเสียก่อน “ผู้นำตี้ชาน ก่อนที่พวกเราะจะเริ่มประลองกัน ข้าขอเปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อย…ให้การประลองระหว่างข้ากับตี้จิ่วในวันนี้เป็นการประลองเป็นตายเถอะ! อีกทั้ง…หากพวกเราคนใดคนหนึ่งไม่ตายไม่เลิกรา!!”

 

สิ้นคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน สายตาของเขาก็หันไปมองจ้องตี้จิ่วอย่างเยียบเย็น จิตสังหารเผยให้เห็นชัดเจน!

 

5 ปีที่แล้ว นิกายหลิงเทียนของเขาถูกตี้จิ่วทำลายจนพินาศวอดวาย!

 

นิกายหลิงเทียนล่มสลายไม่เป็นไร หากแต่ผู้คนติดตามข้ามทะเลมากับเขากลับล้มตายไปแทบหมดสิ้น เหลือรอดมาแค่ 20 กว่าชีวิต…

 

ความแค้นนี้ที่มีต่อตี้จิ่ว เขาได้เก็บมันเอาไว้ในใจมานานปีแล้ว

 

วันนี้ในเมื่อเขาจะได้สู้กับตี้จิ่วในสัญญาประลอง 5 ปี เขาจึงไม่คิดจะเก็บกักความแค้นไว้อีกสืบไป!

 

ความเคียดแค้นชิงชังในใจ บัดนี้ประหนึ่งทำนบทลายน้ำเชี่ยวไหลหลาก ยากจะหยุดยั้ง!

 

‘ตี้จิ่วมันต้องตาย!’

 

ในใจของต้วนหลิงเทียนคงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

 

มีเพียงฆ่าตี้จิ่วให้ตาย ใช้ชีวิตมันเซ่นสังเวยวิญญาณคนนิกายหลิงเทียนเท่านั้น บรรดาศิษย์และเหล่าอาวุโสของนิกายหลิงเทียนถึงจะตายตาหลับ!

 

ประลองเป็นตาย!?

 

ไม่ตายไม่เลิกรา?!

 

รอยยิ้มตี้ชานถึงกับชะงักลงเมื่อถูกขัดจังหวะ หากแต่พอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนแล้วใจมันอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันที!

 

จังหวะนี้พอหันมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาอดไม่ได้ที่จะเผยความตกตะลึงออกมา ด้วยไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไปพกพาความมั่นใจมาจากที่ไหน ถึงได้กล้าท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วแบบนี้?

 

‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันมั่นใจในตัวเองมากนักหรือไรว่าจักเอาชนะตี้จิ่วได้ ถึงได้ขอเปลี่ยนเป็นการประลองเป็นตายเช่นนี้? มันไม่กลัวหรืออย่างไร อย่าได้บอกข้าเชียวว่าที่แท้มันมั่นใจว่าจะฆ่าตี้จิ่วได้จริงๆ?’

 

จังหวะนี้ใจของตี้ชานถึงกับเต้นผิดจังหวะไปทันที ในหัวบังเกิดความคิดมากมายรุมเร้าไม่เข้าใจ

 

ขณะเดียวกันใจมันก็ยังรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันตรายประการหนึ่ง…ราวกับเรื่องราวนี้ ที่แท้เป็นต้วนหรูเฟิงชักใยอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว! ต้องมีเส้นสนกลในบางประการแน่!!

 

ไม่น่าแปลกใจหากตี้ชานจะคิดไปในแนวทางดังกล่าว

 

เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ไม่คิดยกเรื่องประลองเป็นตายมาพูดเล่นๆ

 

ใครก็ตามที่หาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับผู้อื่น ย่อมหมายความว่าต้องมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถฆ่าผู้อื่นได้…

 

เช่นนั้นในชั่วขณะนี้ ตี้ชานจึงลืมเลือนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนไปหมดสิ้น

 

“ประลองเป็นตาย? ไม่หยุดจนกว่าจะตกตายกันไปข้างหนึ่ง?”

 

ขณะเดียวกันนั้นทุกคนที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่ตี้จิ่วเท่านั้นที่ประหลาดใจ กระทั่งต้วนหรูเฟิง กู่มี่ และกู่ลี่ก็ตกใจจนขวัญสาบสูญแล้วเช่นกันเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน

 

พวกมันเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะขออะไรแบบนี้ออกมา!

 

“ช่างน่าสนใจจริงๆ…เรื่องราวยิ่งมายิ่งสนุกสนานนัก!”

 

ตู้กูเองก็อึ้งไปกับคำขอของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย เมื่อมันรู้สึกตัวสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งคราวนี้ก็เผยประกายวูบวาบออกมาด้วยความสนุกสนาน คล้ายกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยชมสิ่งบันเทิง!

 

อีกทั้งลึกลงไปในแววตายังเผยความชื่นชมไม่น้อย

 

ไม่ว่าวันนี้พลังฝีมือลูกชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนคนนี้จะสูงพอฆ่าตี้จิ่วหรือไม่ อาศัยเพียงความกล้าอย่างเดียวก็ทำให้มันนับถือใจต้วนหลิงเทียนไม่น้อย…

 

“เทียนเอ๋อ!”

 

ต้วนหรูเฟิงที่ได้สติกลับคืนเป็นคนที่สองชักสีหน้าขรึมเคร่งจริงจัง เร่งส่งเสียงผ่านปราณไปกล่าวเตือนบุตรชายทันที “ตี้จิ่วมันทะลวงถึงเซียนปฐพีแล้ว! ขอเพียงเจ้าถอนคำพูด…ข้าสามารถจัดการเรื่องราวที่จะตามมาได้มิยาก!”

 

ในวาจาต้วนหรูเฟิงนั้นแฝงความนัยไว้ 2 ประการ

 

ประการแรกมันอยากรู้ว่าที่บุตรชายตัวเองกล่าวนั้นมั่นใจจริงๆหรือไม่ว่าสามารถฆ่าตี้จิ่วได้

 

ประการที่สองมันหมายความตามที่กล่าวจริงๆ ขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่แน่ใจมันพร้อมจะสะสางวาจาประโยคเมื่อครู่ และทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

เหตุผลของเรื่องนี้เพราะต้วนหรูเฟิงเองก็เชื่อในตัวต้วนหลิงเทียนระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เชื่อผู้เฒ่าพยากรณ์ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

 

เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ริเริ่มให้มันกล่าวทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปีกับเผาพันธุ์มังกร…

 

จากที่ผู้เฒ่าพยากรณ์บอกไว้ หากบุตรชายของมันสามารถเข้าใช้สระชำระมังกรได้ จะส่งผลใหญ่หลวงต่ออนาคตในภายภาคหน้า

 

ดังนั้นถึงแม้มันจะไม่ได้มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนเต็มสิบส่วน แต่มันก็ยังเลือกจะเชื่อในการตัดสินใจของลูกชาย และคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์

 

“ท่านพ่อวางใจได้เลย ข้ามั่นใจ!”

 

ใจต้วนหลิงเทียนย่อมเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยของต้วนหรูเฟิง จึงกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

แต่อันที่จริงแล้วหลังได้ยินต้วนหรูเฟิงกล่าวว่าตี้จิ่วทะลวงถึงเซียนปฐพีแล้ว ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะจมลงเล็กน้อย…