ตอนที่ 1636 ภาคภูมิใจในตัวเอง

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

มีกล้องจุลทรรศน์แล้ว มีแมวที่ยืนยันได้ว่าเลือดกรุ๊ปบีแล้ว ตรวจกรุ๊ปแมวก็เป็นเรื่องง่ายมาก เหลือแค่การเจาะเลือด ก็แค่เจาะเลือดแมวเท่านั้น

 

 

จางจื่ออัน เสี่ยวฉินไช่ และพวกพนักงานกำลังทำความสะอาด เรื่องตรวจกรุ๊ปเลือดไม่ต้องรีบร้อน ตรวจตอนไหนก็ได้ ถึงอย่างไรก็มีเวลาอีกมาก

 

 

พวกพนักงานร้านต่างก็อยากรู้เรื่องที่เขาเดินทางไปอเมริกาครั้งนี้อย่างมาก เขาจึงต้องเล่าอย่างหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ เน้นว่าการเดินทางครั้งนี้หลักๆ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและป่าเรดวูด

 

 

พอได้ยินว่าเขาเจอหมีดำ หมาป่า หมาป่าไคโยตี และสัตว์ป่าอื่นๆ พวกพนักงานร้านก็ตาโตจนแทบจะถลนออกมาแล้ว

 

 

“จริงสิ พักหลังมานี้ได้ติดต่อโจวจิงหรือยัง?” จางจื่ออันถามเจี่ยงเฟยเฟย ฝ่ายหลังอยากไปทำงานที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมาโดยตลอด มีเขาช่วยเป็นคนกลางให้ จึงได้รับการติดต่อจากโจวจิงที่เป็นนักแดสงนางเงือกในพิพิธภัณธ์สัตว์น้ำของซานฟรานซิสโกแล้ว

 

 

“เจี่ยงเฟยเฟยถอนหายใจ “ฉันคุยกับเธอเยอะเลยค่ะ แทบจะทุกวัน ความจริงแล้วงานที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแตกต่างกับที่ฉันจินตนาการเอาไว้มาก ทำเอาความตั้งใจของฉันหายไปตั้งเยอะ แต่ฉันยังอยากลองดูค่ะ ถือว่าเป็นการตามใจตัวเองสักครั้งในช่วงวัยรุ่น”

 

 

จางจื่ออันยังสนับสนุนเธออยู่มาก ถึงอย่างไรตอนเขาลาออกมารับช่วงต่อร้านขายสัตว์เลี้ยงทีแรกก็มีความคิดคล้ายๆ กัน รู้สึกว่าทิ้งไว้ทั้งแบบนี้ก็น่าเสียดาย พออายุมากแล้วอยากจะลองทำก็มีแต่ความวิตกกังวล

 

 

ขณะกำลังพูด ประตูร้านก็เปิดออก กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเข้ามาในร้านตามการไหลเวียนอากาศของเครื่องปรับอากาศ

 

 

“ว้าว! บังเอิญจังเลย! เจ้าของร้านจางกลับมาจากต่างประเทศแล้วไม่บอกกันสักคำ ฉันก็กลัวว่าจะมาเสียเที่ยว!”

 

 

ทีแรกจางจื่ออันจำไม่ได้ว่าผู้หญิงตีกระบังสูง ใส่แว่นกันแดด และใส่ผ้าปิดปากปิดบังอวัยวะสี่จากห้าอย่างบนใบหน้าคนนี้คือใคร พอได้ยินเสียงแล้วถึงจะจำได้ ที่แท้ก็เป็นจ้าวฉีนี่เอง

 

 

ถึงเทียบไม่ได้กับอากาศร้อนมากตอนช่วงกลางฤดูร้อน ข้างนอกก็ไม่นับว่าเย็นสบาย แต่จ้าวฉีกลับใส่เสื้อแน่นหนาในอากาศแบบนี้ แถมยังกางร่มด้วย

 

 

“ใส่เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ไม่ร้อนเหรอ เดี๋ยวก็ขึ้นผื่นหรอก!” เขาพูด

 

 

“ไม่เป็นไร ดีกว่าตากแดดจนตัวดำ” จ้าวฉีปลดอุปกรณ์ป้องกันออก ถอดผ้าปิดปาก แว่นตากันแดด และผ้าชิ้นเล็กๆ ออกทีละชิ้น จากนั้นก็เก็บร่มยัดเข้าไปในกระเป๋า เธอยืนอยู่หน้าเครื่องปรับอากาศ ใช้กระดาษทิชชู่ซับเหงื่ออย่างระมัดระวัง เลี่ยงไม่ให้โดนเครื่องสำอาง “ข้างในเย็นสบายจัง”

 

 

แม้ชายฝั่งทะเลของซานฟรานซิสโกจะไม่มีคนว่ายน้ำเพราะน้ำทะเลเย็นเกินไป แต่คนที่อาบแดดก็ไม่น้อย ทุกคนโหยหาการอาบแดดจนตัวดำ ยากจะจินตนาการว่าหากจ้าวฉีไปเที่ยวที่นั่นแล้วจะเป็นอย่างไร

 

 

นอกจากจ้าวฉี ข้างหลังเธอยังมีอีกสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง วัยใกล้เคียงกับเธอ ดูแล้วเหมือนคู่รัก หน้าตาธรรมดา และไม่ได้แต่งหน้าสวยงามเหมือนจ้าวฉี แต่งตัวตามสบาย เป็นคนธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปบนถนน

 

 

“อ้อ พวกเขาคือเพื่อนร่วมงานของฉันเอง พวกเขาก็อยากเลี้ยงแมวเหมือนกัน ฉันเลยแนะนำร้านของคุณเต็มที่ คุณเห็นแก่หน้าของฉัน ช่วยใส่ใจดูแลหน่อยล่ะ” จ้าวฉีขยิบตาให้จางจื่ออันครั้งหนึ่ง ความหมายคือ ‘ฉันช่วยคุณทำการค้าขายแล้ว หนี้น้ำใจครั้งใหญ่นี้อย่าได้ลืมซะล่ะ’

 

 

จางจื่ออันก็ให้การตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ แสดงออกอย่างใจกว้างทันที “จ้าวฉีเป็นลูกค้าเก่าแก่ของร้านเรา ช่วยดูแลกิจการของร้านเราได้มาก ไม่ต้องพูดแล้ว วางใจเถอะ ผมไม่ให้พวกคุณเสียเปรียบแน่นอน ไม่ทราบว่าควรจะเรียกทั้งสองท่านว่ายังไงครับ”

 

 

“ผมแซ่หวาง เรียกผมว่าเสี่ยวหวางก็ได้ นี่คือแฟนของผม เถียนเถียน ความจริงแล้วพวกเราอยากเลี้ยงหมา แต่จ้าวฉีเอาแต่โน้มน้าวว่าหมายุ่งยากนั่นนี่ เธอเลยแนะนำให้พวกเราเลี้ยงแมวอย่างเต็มที่เลยครับ” ฝ่ายชายยิ้มเจื่อน

 

 

“ที่จริงฉันก็ชอบแมวมากกว่านิดหน่อยค่ะ แม้จะไม่ได้ต่อต้านหมา แต่ฉีฉีบอกพวกเราตลอดว่า หมาตัวใหญ่ชอบรื้อบ้าน หมาตัวเล็กชอบเห่า เลี้ยงแล้วยุ่งยาก เหมือนกับเลี้ยงเด็กดื้อคนหนึ่ง ยังต้องพาออกไปเดินเล่นบ่อยๆ ด้วย ก็เลยให้พวกเราเลี้ยงแมว บอกว่าเลี้ยงแมวแล้วไม่เสียใจภายหลังแน่นอน” เถียนเถียนพูด สายตาเอาแต่จ้องไปยังสัตว์เลี้ยงต่างๆ และของใช้สัตว์เลี้ยงในร้าน

 

 

พวกสัตว์เลี้ยงในร้าน โดยเฉพาะพวกลูกสุนัข พอเห็นคนแปลกหน้ามาในร้านแล้วจะตื่นเต้นมากเสมอ วิ่งวุ่นอยู่ในตู้โชว์อย่างรีบร้อน แถมยังเอาแต่เห่าอยู่ตลอดด้วย หวังว่าเจ้าของในอนาคตจะถูกใจ แล้วพามันกลับบ้านไปด้วย

 

 

ช่วงเวลาเกือบหนึ่งปี จ้าวฉีเปลี่ยนจากคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องของสัตว์เลี้ยงมาเป็นผู้มีฝีมือชั้นสูงในวงการสัตว์เลี้ยงแล้ว พูดเรื่องสัตว์เลี้ยงแล้วมีเหตุมีผล ไม่ใช่แค่แมว แม้แต่เรื่องสุนัขก็ยังเล่าได้หลายอย่าง แถมที่พูดยังมีเหตุผลทีเดียว

 

 

“อย่างอื่นไม่ต้องพูด แค่อากาศผีๆ ข้างนอกนั่นก็…” จ้าวฉีชี้ท้องฟ้าข้างนอกผ่านกระจกกั้น “ทั้งร้อน ทั้งแผดเผา ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ตกลงแล้วว่าจะต้องมาเลือกสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนพวกเขา แม้แต่ลงจากตึกฉันยังไม่อยากลงเลยจริงๆ แถมยกเลิกนัดกับเพื่อนสนิทแล้วด้วย! พวกเธอคิดดูสิ ฤดูร้อนที่แค่ขยับตัวเหงื่อก็ออกไปทั้งตัว ฤดูหนาวที่หนาวจนอยากมุดเข้าไปขลุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงที่ลมพัดหรือฝนตกก็มีหนอนผีเสื้อตกลงมาก อย่างน้อยหนึ่งวันพวกเธอต้องพาหมาลงมาเดินเล่นสองครั้ง เหนื่อยไหมล่ะ? ถ้าเป็นฉันนะ ฉันแค่อยากกอดหลานหลานเป็นปลาเค็มอยู่ในบ้าน อยากเลี้ยงหมาก็ได้ พอพวกเธอแต่งงานมีลูกแล้ว ลูกโตสักหน่อยก็อยากเลี้ยงหมาอีก ให้ลูกพวกเธอพาหมาไปเดินเล่นทุกวัน จะได้ไม่ต้องเล่นเกมมือถือทั้งวัน!”

 

 

ปากของจ้าวฉีก็เหมือนถั่วปากอ้าคั่ว เสียดสีโครมๆ ยกหนึ่ง เธอเอาแต่พูดกับตัวเอง นิสัยของเธอก็เจ้าเผด็จการแบบนี้ จางจื่ออันชินแล้ว จากน้ำเสียงของเธอ เขาฟังออกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนร่วมงานสองคนนี้ธรรมดามาก ไม่เหมือนกับเพื่อนสาวคนสนิทอย่างซือซือ

 

 

“มีลูกก็เพื่อพาหมาไปเดินเล่นเนี่ยนะ?” จางจื่ออันกลัวพวกเขาอึดอัด จึงแขวะเข้าให้

 

 

นิสัยของคู่รักสองคนนี้ค่อนข้างอ่อนโยนและเก็บความรู้สึก เจอกับจ้าวฉีที่เผด็จการแบบนี้ ก็ทำได้แค่ถูกเธอจูงจมูกเท่านั้นแหละ

 

 

พวกเขาสองคนหน้าขึ้นสีเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเพราะตากแดด แต่เขินนิดหน่อย เพราะจ้าวฉีพูดถึงเรื่องแต่งงานมีลูก แต่ความจริงแล้วพวกเขายังห่างจากขั้นนั้นอยู่มาก

 

 

พูดอย่างยุติธรรมเลยนะ ที่จ้าวฉีพูดไม่ได้เถียงข้างๆ คูๆ เลย ยิ่งอากาศย่ำแย่ ทุกคนยิ่งไม่อยากออกจากบ้าน ต่างก็อยากเล่นเกม ดูโทรทัศน์ และไถโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องแอร์กันทั้งนั้น คนที่ขวนขวายพัฒนาตัวเองอาจจะไปฟิตเนสหรืออ่านหนังสือ แต่เรื่องพาสุนัขไปเดินเล่นข้างล่างครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง ที่ต้องเจอทั้งร้อน ทั้งเสียเวลา คงต้องจำใจมากทีเดียว

 

 

จ้าวฉีเจอกับคนที่พาสุนัขมาเดินเล่นทุกเช้าและเย็น เธอจึงรู้สึกภูมิใจในตัวอย่างน่าประหลาด

 

 

หลายคนเลี้ยงสุนัขเพราะความสุขที่ตัวเองได้เพลิดเพลินกับการลูบสุนัข และมอบหน้าที่พาสุนัขไปเดินเล่นให้พ่อแม่ปลดเกษียณหรือคุณตาคุณยาย แต่ตอนนี้คนวัยรุ่นไม่อยากอยู่กับคนแก่ เรื่องเยอะวุ่นวาย แถมยังเกิดการขัดแย้งได้ง่าย ต่างก็อยากมีความสุขกับโลกของคู่รักทั้งนั้น การพาสุนัขไปเดินเล่นจึงต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น

 

 

เถียนเถียนเปลี่ยนเรื่องอย่างอึดอัด “ปกติฉีฉีดูเย็นชา แต่ความจริงแล้วมีน้ำใจมากจริงๆ พอได้ยินว่าพวกเราอยากเลี้ยงสัตว์ ก็ชวนพวกเราไปลูบแมวที่บ้านของเธอด้วยค่ะ”

 

 

“เย็นชาขนาดนั้นที่ไหนกัน…” จ้าวฉีกระแอมสองครั้ง “แค่ไม่อยากคุยกับคนที่ไม่ชอบเท่านั้นเอง”

 

 

เสี่ยวหวางก็พูดแทรกด้วยท่าทางอึดอัด “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมอยากจะพูดสักหน่อยว่า แมวตัวนั้นในบ้านของจ้าวฉีเหมือนจะไม่ชอบผม…มันดูไม่ค่อยต้อนรับผมเลย”