ตอนที่ 352 โครงกระดูก โดย Ink Stone_Fantasy
ภายในโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเมืองเกาสง ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งวางหูโทรศัพท์ ใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย หลังจากกวาดสายตาไปรอบตัวก็กล่าวขึ้น “เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว ตรวจสอบอุปกรณ์ เตรียมตัวเดินทาง!”
“ครับผม!”
เมื่อคำพูดของคนวัยกลางคนสิ้นเสียงลง รอบด้านก็มีเสียงตอบรับดังขึ้นถ้วนทั่ว ชายฉกรรจ์แกร่งกล้ากว่ายี่สิบคน ผุดขึ้นมาจากทุกทิศทางของโรงงาน เสียงหยิบจับปืนดังขึ้นภายในโรงงานไม่ขาดสาย
ถ้าหากเยี่ยเทียนอยู่ที่นี่ จะเห็นว่าคนพวกนี้ล้วนเลือดร้อนดุดันมีไออาฆาตกรุ่นทั่วตัว ทุกคนล้วนปรารถนา ให้สองมือชุ่มโชกไปด้วยเลือด
“พี่หลง แค่รับมือคนเดียวเท่านั้น ถึงกับต้องใช้พวกพ้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” ชายวัยประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเดินมาข้างกายชายวัยกลางคน หยิบมีดเล็กในมือขึ้นมาถือเล่นอย่างไม่ใส่ใจนัก
เทียนหลงหันไปมองคนนั้นทีหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “อาหลาง ถ้าหากฉันพูดว่าจะไปเผชิญหน้ากับมันคนเดียว ฉันคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แกยังคิดว่าคนไปเยอะเกินอีกหรือเปล่า?”
ได้ยินเทียนหลงพูดแล้ว ดวงตาของอาหลางขมึงทึงขึ้นมาทันใด ร้องขึ้นด้วยความตกใจ “อะไรนะ? พี่หลง มัน…มันยังร้ายกาจกว่าพี่อีกเหรอ?!”
เครือข่ายทหารรับจ้างของเทียนหลงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นตำนานหนึ่ง เขาเคยลอบสังหาร เจ้าพ่อค้ายาผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลในเขตสามเหลี่ยมทองคำมาก่อน อีกทั้งยังเคยหลุดรอด จากวงล้อม กองทัพทหารรัฐบาลพม่าและลาวได้โดยลำพัง ทั้งยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บตายเป็นเบือ
และนับตั้งแต่สิบปีก่อนหลังจากเทียนหลงก่อตั้งกองทหารรับจ้าง สิบปีนี้รับภารกิจทั้งใหญ่และเล็ก รวมไปถึงกระทั่ง เข้าร่วมภายในสงครามอิรัก ทุกครั้งล้วนประสบความสำเร็จได้อย่างสะอาดสวยงาม จนเป็นกองทหารรับจ้าง ที่มีชื่อเสียง ระบือไกลในเขตตะวันตก
สามารถพูดได้อย่างไม่อวดตัวแม้แต่น้อย ว่าเทียนหลงนั้นคือจิตวิญญาณของกองทหารรับจ้าง ทว่าตอนนี้เทียนหลงบอกว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของฝ่ายตรงข้าม จึงทำให้ใบหน้าของผู้คนมากมาย ภายในนั้น เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ทำไม? กลัวเรอะ?” เทียนหลงมองยังสมาชิกทั้งสองทีมที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดา ได้ออกมาเล็กน้อย
เทียนหลงนับว่าเป็นคนพิเศษในหมู่หมอผีชาวไทย เขาเรียนวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่เล็ก แต่เมื่อพอถึงวัยรุ่น แล้วกลับเข้าสู่วงการทหาร เข้าร่วมการเคลื่อนไหวโอบล้อมทางทหารในเขตสามเหลี่ยมทองคำหลายต่อหลายครั้ง
เทียนหลงที่เดิมสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งนายพลในกองทัพ กลับถอนตัวออกจากกองทหารอีกครั้ง ก่อตั้งกองทหารรับจ้างตระเวณไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นถึงแม้เขาจะเติบโตมากับวิชาไสยศาสตร์ แต่ก็สนับสนุนอาวุธสมัยใหม่ยิ่งกว่า
เทียนหลงอายุน้อยกว่าชาญ ทองทวนยี่สิบกว่าปี ตอนที่เขาเพิ่งเข้าสำนักนั้นก็ใช้ชีวิตติดตามศิษย์พี่ จึงมีความสนิทสนมเหนียวแน่นกับชาญ ทองทวน หลังจากเห็นศพของชาญ ทองทวนที่ประเทศไทยแล้ว ในใจเขาก็บังเกิดความคิดแก้แค้นให้แก่ศิษย์พี่
แต่ว่าแม้เทียนหลงจะศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่ตนเองยังเล็ก กลับมีความรู้เรื่องพลังสังหารของอาวุธปัจจุบันยิ่งกว่า เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่แท้จริงของกองทหารรับจ้างของตนจะไม่สามารถสังหารเยี่ยเทียนได้?
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีคนเสนอเงินเพื่อลอบสังหารเยี่ยเทียน เทียนหลงจึงรับภารกิจนี้ไว้ในมือเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องปิดบังท่านราชครูผู้นั้น
“กลัวเรอะ? ถ้ากลัวล่ะก็ไสหัวกลับไปซะ!” เทียนหลงคำรามเสียงเย็น ราวกับค้อนหนักหน่วงทุบลงบนหัวใจของสมาชิกกองทหารรับจ้างเหล่านั้นอย่างรุนแรง
ราวกับคำพูดของเทียนหลงสามารถกระตุ้นขึ้นมาได้ อาหลางก้าวมาข้างหน้าคำรามเสียงกึกก้อง “พี่หลง กองทหารรับจ้างเทียนหลงแต่ไหนแต่ไรไม่มีคำว่ากลัว เทพขวางสังหารเทพ พุทธะกั้นกลางสังหารพุทธะ!”
“เทพขวางสังหารเทพ พุทธะกั้นกลางสังหารพุทธะ!” ชายฉกรรจ์ที่เหลือกว่ายี่สิบคนต่างร้องคำรามขึ้นมาเช่นกัน เสียงดังกึกก้อง กระทั่งฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอกยังไม่อาจกลบเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นนี้
“ดี ขึ้นรถ!”
ได้เห็นขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นแล้ว เทียนหลงก็โบกมือกว้าง ทั้งสองทีมพุ่งตัวออกไปท่ามกลางสายฝน ขึ้นไปยังรถบัสเล็ก ขับฝ่าพายุฝนมุ่งไปทางหมู่บ้านชาวประมง
……
เยี่ยเทียนยืนถือเข็มทิศอยู่บนพื้นที่ริมเขาขนาดหนึ่งร้อยตารางเมตร หันไปทางกงเสี่ยวเสี่ยว กล่าวว่า “ที่ธุรกิจของคุณราบรื่นมาตลอดหลายปีมานี้ ฮวงจุ้ยที่นี่มีส่วนมากทีเดียว!””
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเพียงสุสานไร้นาม แต่มองจากภูเขายังมีแม่น้ำ ขุนเขาและสายน้ำตำแหน่งเหมาะสม จึงเป็นพื้นที่ฝังศพอันดีเยี่ยม เพียงแต่ชาวบ้านเหล่านี้ไม่เข้าใจฮวงจุ้ย ไม่อย่างนั้นการย้ายหลุมฝังศพของบรรพบุรุษมาที่นี่ จะต้องส่งผลดียิ่งใหญ่ต่อลูกหลานภายภาคหน้าของพวกเขาแน่
“ปรมาจารย์เยี่ย ไม่ทราบว่าอาอี้ ถูก…ถูกฝังไว้อยู่ที่ไหน?”
กงเสียวเสี่ยวไม่ใส่ใจในคำพูดของเยี่ยเทียนแม้แต่น้อย มองไปยังเนินสุสานเล็กแต่ละแห่ง ที่เกือบจะถูกไถราบ บนริมเขาแล้ว กงเสียวเสี่ยวเพียงรู้สึกโศกเศร้าไปถึงขั้วหัวใจ ไม่รู้ว่าที่ใบหน้าเปียกชื้นเป็นเพราะหยาดน้ำตาหรือว่าสายฝน
ชายวัยกลางคนที่พาเยี่ยเทียนขึ้นเขาคนนั้น เกิดความกลัวว่าเยี่ยเทียนจะขุดริมเขานี้มั่วซั่ว เมื่อสิ้นเสียงกงเสียวเสี่ยว เขาก็เอ่ยปากว่า “ที่ตรงนี้ฝังไว้ถึงร้อยคนขึ้นไป จะไปหาเจอได้ยังไงกัน? คุณชายท่านนี้ คุณจะขุดหลุมฝังศพ พวกนี้ ขึ้นมาทั้งหมดไม่ได้นะ!”
ที่สำคัญคือ สุสานร้างแห่งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านของพวกเขาไม่ไกลนัก ถ้าหากขุดหลุมฝังศพขึ้นมาทั้งหมดจริงๆ น่ากลัวว่าตกกลางคืนคนในหมู่บ้านคงนอนกันไม่หลับแน่
อีกทั้งชายวัยกลางคนผู้นี้ยังไม่ค่อยเชื่อใจเยี่ยเทียนคนนี้เท่าไหร่นัก ที่ผ่านมาเขาเห็นว่าหมอดูฮวงจุ้ย ล้วนเป็นชายวัยกลางคนมีภาพลักษณ์เหมือนเทพเซียน หรือไม่ก็เป็นผู้เฒ่า ไหนเลยจะมีคนหนุ่มเป็นหมอดูฮวงจุ้ยอย่างนี้?
“วางใจเถอะครับ!”
เยี่ยเทียนโบกมือ ถือเข็มทิศไว้ในมือ เมื่อส่งพลังชี่ดั้งเดิมเข้าไปบางส่วนแล้ว เข็มแม่เหล็กของเข็มทิศ ก็เริ่มหมุนตัวขึ้นมา ชั่ววินาทีหลังจากนั้น ก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง ที่หัวเข็มทิศยังคงสั่นต่อไปไม่หยุด
“ทางนี้…” เยี่ยเทียนถือเข็มทิศไว้ในมือ ย่ำเท้าตื้นบ้างลึกบ้างลงไปในโคลนบนริมเขา เดินมุ่งไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทางกงเสี่ยวเสี่ยวเห็นอย่างนั้นก็รีบติดตามไป
“อ๊บ…อ๊บๆ…”
บนพื้นที่เรียบไม่มีเนินฝังศพใดๆ กบตัวขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ตรงนั้น เห็นผู้คนมาถึงก็ยังไม่หวาดกลัว ส่งเสียงจากสองแก้มร้องเรียกมาทางกงเสี่ยวเสี่ยว “อ๊บ อ๊บ”
เยี่ยเทียนหยุดฝีเท้า กล่าวเรียบๆ “กบปรากฏตัวอยู่บนหลุมฝังศพ คนที่อยู่ข้างใต้นี้ ต้องมีความสัมพันธ์ เกี่ยวดองกันกับคุณแน่ ใช่แน่ ที่ตรงนี้แหละ!”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ชายวัยกลางคนที่นำทางก็ไม่เรียกกระทั่งคุณ นำหน้าอีกต่อไป เอ่ยปากว่า “น้องชาย นายไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีใครถูกฝังอยู่นะ”
เห็นคนผู้นั้นพูดออกมาอย่างนี้ ใบหน้าของกงเสียวเสี่ยวก็เผยให้เห็นถึงความลังเล ผู้คุ้มกันซึ่งถือจอบพลั่วสองสามคน ที่ตั้งท่ากำลังจะขุด พลันหยุดมือไปชั่วขณะ
เยี่ยเทียนส่ายหน้ากล่าว “ไม่ผิดแน่ สามฟุตข้างใต้นี้มีโครงกระดูกของคุณฟู่อี้อยู่ เวลาพวกคุณขุดก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
ขณะที่พูด เยี่ยเทียนใช้วิชาพลังพินิจ บรรยากาศทั้งสี่ทิศพลันกลับกลายเป็นขุ่นมัวขึ้นมา ข้อมูลระลอกหนึ่งพุ่งเข้ามา ยังในสมองของเขา อีกทั้งพื้นดินเรียบเบื้องหน้ายังปรากฏอักษรว่า “ฝูอี้ 1934-1990” ออกมา
วิชาพินิจสุสานประเภทนี้ เยี่ยเทียนเรียนรู้ได้มาตั้งแต่เล็ก แต่ว่าภายหลังไม่เคยได้ใช้อีก เนื่องจากเพื่อไม่ให้เกิด การผิดพลาดอีกในปัจจุบัน เยี่ยเทียนจึงได้นำมาใช้อีกครั้ง
“คุณนายกง?” เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเยี่ยเทียนไม่สามารถขจัดความสงสัยของเหล่าผู้คุ้มกันได้ คนทั้งหมดนั้นจึงมองมายังกงเสียวเสี่ยว
ใบหน้าของกงเสี่ยวเสี่ยวเผยให้เห็นถึงความมั่นใจ เอ่ยปากว่า “ปรมาจารย์เยี่ยเทียนค่ะ ขุดตรงนี้แหละ!”
ได้ยินคำสั่งของกงเสียวเสี่ยวแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่รอช้าอีกต่อไป หลังจากปัดเจ้ากบไม่กลัวตายออกไปแล้ว ก็คว้าจอบเสียบขุดดินขึ้นมา เพียงแต่พายุฝนในสถานที่นี้ทำให้พื้นดินเปียกแฉะไปทั่ว จึงเปลืองแรงขุดเป็นอย่างมาก
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม คนเหล่านั้นจึงขุดพบโพรงกว้างประมาณสองเมตร ลึกประมาณหนึ่งเมตร ถึงแม้พวกเขาจะมีร่างกายแข็งแรงกำยำ แต่ก็ทำให้เหนื่อยจนเหงื่อโซมกาย
ด้วยพายุฝนยังคงเทลงมา ภายในโพรงจึงเต็มไปด้วยน้ำ พวกที่อยู่ในหลุมล้วนโดนน้ำท่วมถึงเอว หากจะขุดลงไปต่อจะยากลำบากมาก คนเหล่านั้นจงได้แต่หยุดมืออย่างช่วยไม่ได้
“ปรมาจารย์เยี่ย ใต้พื้นดินนี้ไม่เห็นมีอะไรนี่นา?”
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่ราวกับมนุษย์โคลนมองมายังเยี่ยเทียนด้วยสายตาออกจะไม่พอใจ ปากบ่นพึมพำ “จะลำบากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า? ท่านยืนอยู่ตรงนั้นตลอดก็ไม่ปวดเอว พวกเราขุดกันลำบากมากนะ!”
ถึงแม้การช่วยคนขุดหาที่ฝังศพนี้เยี่ยเทียนจะเคยทำมาแล้วเมื่อตอนอายุสิบขวบ แต่ว่าครั้งนั้นอากาศปลอดโปร่ง เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น หลังครุ่นคิดอยู่สักพักก็กล่าว “ขุดร่องน้ำสักร่อง ให้น้ำในหลุมไหลออกไปด้านล่าง”
“ปรมาจารย์เยี่ย ขุดจนลึกขนาดนี้แล้ว เห็นชัดๆ ว่าข้างในไม่มีโครงกระดูก คุณ…คุณแกล้งพวกเราอยู่หรือเปล่า?”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ผู้คุ้มกันทั้งหลายล้วนไม่พอใจ พวกเขามีหน้าที่คุ้มกันกงเสียวเสี่ยวให้ปลอดภัย ใช่กรรมกรเสียเมื่อไหร่?
“เร็วเข้า ฟังที่ปรมาจารย์เยี่ยว่า ขุดร่องน้ำซะ!”
กงเสียวเสี่ยวเห็นคนพวกนั้นไม่ยอมฟังคำสั่ง จึงลนลานพูดขึ้น “ค่าใช้จ่ายจ้างวานของพวกเธอในปีนี้ นอกจากที่บริษัทให้แล้ว ฉันจะให้ต่างหากอีกคนละหนึ่งแสน!”
ในวินาทีนี้กงเสียวเสี่ยวได้แต่นำความหวังทั้งหมดฝากฝังไว้ที่เยี่ยเทียนแล้ว เนื่องจากหลุมยังคงลึกลงไปเรื่อยๆ ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่ฉุดเธอไว้ล่ะก็ เกรงว่ากงเสี่ยวเสี่ยวคงจะกระโดดลงไปนานแล้ว
“ตกลงครับ…”
รายได้ต่อปีของผู้คุ้มกันพวกนี้เพียงแค่ประมาณสามสี่แสนเท่านั้น วันนี้มาที่นี่ได้รับแล้วห้าแสน หากขุดร่องน้ำอีกจะได้เข้าไปในบัญชีอีกหนึ่งแสน เป็นกรรมกรก็ยังนับว่าคุ้มค่า
ขุดร่องน้ำนั้นง่ายกว่าขุดหลุมมาก ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นร่องน้ำง่ายๆ หนึ่งเส้นก็ขุดได้สำเร็จ หลังจากปล่อยน้ำในหลุมไหลออกไปแล้ว ก้นหลุมก็ปรากฏสู่สายตาอย่างช้าๆ
“พวกนายขึ้นมากันเถอะ”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ปล่อยให้ผู้คุ้มกันสองคนที่ยืนอยู่ก้นหลุมปีนขึ้นมา ตอนยังมีชีวิตอยู่ฝูอี้เป็นคนใจบุญสุนทาน เยี่ยเทียนจึงไม่อยากให้โครงกระดูกของเขาได้รับความเสียหาย
ถึงแม้ว่าตอนนี้ปริมาณฝนจะน้อยลงมากแล้ว แต่ว่าในหลุมก็ยังชุ่มแฉะไปด้วยโคลน หากไม่ระมัดระวัง อาจทำให้โครงกระดูกภายในบุบสลาย เยี่ยเทียนจึงเตรียมลงมือด้วยตัวเอง
“เตรียมโลงศพไว้ให้ดี!”
เยี่ยเทียนมองไปยังสองคนที่อยู่ด้านหลังกงเสี่ยวเสี่ยว ใต้เท้าพนักงานบริษัทใต้หวันสองคนนั้น เวลานี้มีโลงศพเซรามิค เลี่ยมทองคำเล็ก ๆ ยาวประมาณหนึ่งเมตรวางอยู่
เห็นว่ามีคนเปิดโลงเซรามิคออกแล้ว เยี่ยเทียนก็หยิบเข็มทิศ สองมือจับที่ก้นหลุมขึ้นมา เมื่อจับลงไปแล้ว ก็มีดินเหนียวก้อนหนึ่งถูกพลิกขึ้นมาด้วย
“เจอแล้ว!”
เยี่ยเทียนควบคุมกำลังไว้เหมาะเจาะ ใช้มือควานสัมผัสถึงสิ่งที่ไม่เหมือนดินเหนียวได้นิดหนึ่งแล้ว ก็ลดแรงลง ขุดเอาชิ้นส่วนนั้นออกมาจากดินเหนียวสี่ทิศรอบด้าน
หลังเยี่ยเทียนนำเอาชิ้นส่วนในดินเหนียวออกมาแล้ว คนทั้งหลายต่างประหลาดใจที่พบว่า สิ่งนั้นคือกระดูกยาวประมาณหนึ่งฟุต เมื่อดินเหนียวด้านบนถูกน้ำฝนชำระล้างออกไปแล้ว ก็เผยให้เห็นเป็นสีขาวซีด
……