ตอนที่ 813 ขงจื่อไม่พูดเรื่องผีสางเทวดาเหนือธรรมชาติ

เพราะรักสลักใจ

“มีขอรับ หมอเทวดาเตี๋ยกู่ (หุบเขาผีเสื้อ) ปิดด่านอยู่บนภูเขาเหิงซาน ครึ่งเดือนก่อนส่งขวดใบนี้ออกมา ให้เด็กรับใช้มอบแก่องค์ชาย” หลงฉีหยิบขวดสีเขียวมรกตทั้งขวดใบหนึ่งออกมา ส่งลงในมือจ้าวเซิงอย่างนบนอบ

 

 

จ้าวเซิงกำขวดไว้ บนหน้าเจือความไม่พอใจอยู่บ้าง “ไม่ได้บอกว่าจะออกจากด่านเมื่อใดรึ?”

 

 

 “ข้าน้อยถามอย่างละเอียดแล้ว ทว่านิสัยของเด็กน้อยคนนั้นท่านเองก็ทราบดี ถอดแบบเดียวมากับท่านหมอเตี๋ย พูดไม่ถึงสองประโยคก็ติดไฟแล้ว ข้าน้อยไร้สามารถ ไม่ได้ถามให้จำเพาะเจาะจง บอกเพียงว่าใกล้แล้ว” หลงฉีเอ่ยถึงเรื่องนี้ หัวคิ้วก็ย่นขมวด

 

 

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเด็กคนนั้นเป็นหญิงสาว ดันแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชาย กิริยาวาจานั่นก็โผงผางหยาบคาย ขอเพียงแค่ใช้มือได้ เป็นตายนางก็ไม่ง้างปาก ขนาดวรยุทธ์อันภาคภูมิใจของตนก็ยังเทียบนางไม่ติดแม้ครึ่งเสี้ยว สู้ก็สู้ไม่ได้ พูดก็พูดไม่รู้เรื่อง เขาจะทำอะไรได้

 

 

จ้าวเซิงก็มุมปากกระตุกเช่นกัน แม่หนูคนนั้นเจ้าเซิงเองก็รู้จัก หากพูดถึงเรื่องวรยุทธ์ กลัวว่าอยู่เหนือกว่าเขาไปไกล ไม่รู้ว่านางอายุยังน้อยๆ ขนาดนั้นไยถึงได้ เฮ้อ…

 

 

จ้าวเซิงจนใจ ทำได้เพียงโบกมือกล่าว “ส่งคนไปรอ หากหมอเตี๋ยออกจากถ้ำแล้ว ให้รีบเชิญนางไปแถวเขตพระราชฐาน”

 

 

 “ขอรับ ข้าน้อยมอบหมายแล้ว ตลอดสิบสองชั่วยาม ทั้งวันห้ามห่างจากคน ถ้าหมอเตี๋ยออกจากถ้ำแล้วให้มอบหลักฐานยืนยันของนายท่าน” หลงฉีรายงานอย่างจริงจัง

 

 

           ช่วงนี้จ้าวเซิงยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นทุกวัน มักรู้สึกว่าจะเกิดเรื่อง ยาในขวดที่เพิ่งได้รับนี้ก็เป็นที่เขาเคยพูดกับหมอเตี๋ยไว้นานแล้ว ใช้ถอนได้ร้อยพิษ นี่ก็ป้องกันเผื่อไว้ก่อน อย่างไรในวัง…หึ ไม่อาจมาอย่างถูกต้องผ่าเผย ก็คงเหลือเพียงวิธีการสกปรกพวกนี้

 

 

ทว่าเขาก็ยังไม่วางใจ ในใจมักรู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ หากพวกเขาไม่ใช้วิธีการหน้าไม่อายเหล่านั้น แต่….ในท้องภรรยามีลูกอยู่ด้วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหมอเตี๋ยไม่อยู่ข้างกาย อย่างไรเขาก็ไม่วางใจ

 

 

“สั่งการลงไป ห้ามทะเลาะกับเด็กคนนั้น” จ้าวเซิงสั่งการอีกประโยคอย่างไม่วางใจ

 

 

การแสดงออกทางสีหน้าของหลงฉีแข็งค้างเล็กน้อย แต่ยังพยักหน้า ดูท่าพี่น้องสองสามคนนั้นคงลำบากแล้ว พวกเขานั้นไม่อาจหาเรื่อง แต่เด็กคนนั้น…

 

 

ช่วงนี้รัชทายาทอารมณ์ไม่ดี เขียนจดหมายไปมากมายก็ไม่เห็นจ้าวเซิงตอบอะไรชัดเจนกลับมา และไม่บอกว่าจะกลับเมืองหลวงเมื่อไร รัชทายาทเป็นห่วงเหลือคณา น้องชายเป็นคนจิตใจดีถึงเพียงนั้นทั้งวันเอาแต่คลุกอยู่กับหญิงชั่วร้ายอำมหิต เขาแค่คิดก็ฝันร้ายทั้งวันทั้งคืน

 

 

อีกทั้งเย็นวันนี้ เด็กรับใช้ของซูย่วนนำจดหมายมา บอกว่าช่วงนี้ซูย่วนกินไม่ได้นอนไม่หลับ คนผอมลงไปมาก แท้จริงแล้วคะนึงหาจั้นอ๋อง สาวรับใช้พูดแล้วก็ร้องไห้ บอกว่าถ้าจั้นอ๋องยังไม่กลับมา เจ้านายของตนคงต้องลงไปนอนรอเขาใต้ดินเป็นแน่

 

 

องค์รัชทายาททั้งร้อนรนทั้งปวดใจ หลังเกลี้ยกล่อมเด็กรับใช้ไปแล้วก็เอ่ยเสียงเยียบเย็นทันที “อั้น[1] ไปดูว่าช่วงนี้จั้นอ๋องกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ระวังหน่อย อย่าให้สะเทือนถึงองครักษ์มังกร”

 

 

 “พระองค์ท่าน ข้าน้อยไปแล้วความปลอดภัยของพระองค์จะทำเช่นไร?” เสียงเยียบเย็นแผ่วเบาแว่วมาจากมุมมืด

 

 

“ให้เจ้าไปก็ไป เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของข้า ข้าไม่อาจให้เขาถูกคนหลอกใช้! รีบไป!” รัชทายาทพูดติดรำคาญ

 

 

มาอย่างเงียบเชียบ ไปอย่างเงียบเชียบ โดยรวดเร็วสารลับก็ถึงมือรัชทายาท

 

 

รัชทายาทอ่านสิ่งที่เขียนในสารลับ น้องชายผู้เป็นต้นหยกพลิ้วลมคนนั้นของเขาถึงกับล้างเท้าให้สตรีนางนั้น ทำเอาเขาโกรธจนแทบบ้าอยู่แล้ว!

 

 

 “พอกันที! หญิงบ้านนอกอำมหิตคนหนึ่งกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้!” รัชทายาทพูดแล้วก็ขว้างเครื่องลายครามสูงค่าในมือ

 

 

ใบหน้าของขันทีติดตามข้างกายเข้มลึกดุจน้ำ ผ่านสักพักก็ไม่ยอมปล่อยผ่านจำต้องเอ่ยขึ้น “องค์รัชทายาท ไยกระหม่อมคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง?”

 

 

“หา? ไม่ถูกต้องเยี่ยงไร?” รัชทายาทยังโมโหขึ้นสมอง น้ำเสียงไม่ดีอย่างยิ่ง

 

 

ขันทีเองก็ประหวั่นจนถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วเดินเข้ามาอีกครั้ง กระซิบข้างหูรัชทายาท “กระหม่อมคิดว่า สตรีนางนั้นอาจถูกอะไรบางอย่างสิงสู่…”

 

 

 “หา?” รังสีสายตาของรัชทายาทพุ่งไปยังขันทีราวกับดาบแหลมคม

 

 

ขงจื่อไม่พูดเรื่องผีสางเทวดาเหนือธรรมชาติ ยิ่งเป็นในวังหลวงแห่งนี้ วาจาเช่นนี้หากเล่าลือออกไป…

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] อั้น (暗) หมายถึงมืด หรือเรื่องลับไม่อยากเปิดเผย ในที่นี้รัชทายาทใช้เรียกองครักษ์ลับ