TB:บทที่ 297 ร่างแห่งแสง

 

หลังจากที่คิดดูแล้ว เฉินหลงเข้าระบบไปและติดต่อกับหว่านซูจื่อ

ตอนที่เขาอยู่ในอาณาจักรคุนหลุน เฉินหลงติดต่อกับหว่านซูจื่อหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม หว่านซูจื่อไม่อาจจะทำอะไรกับสถานการณ์ของเฉินหลงได้ เพราะสุดท้ายแล้ว บนโลกของเขาก็ไม่มีปรมาจารย์ของดวงดาวที่สามารถจะผ่านพ้นมาสู่ระดับศิราได้

 

หลังจากที่เฉินหลงกลับมายังโลก เขายังคงติดต่อกับหว่านซูจื่ออยู่

“น้องชาย นายไม่ได้ติดต่อฉันมาสักพักแล้ว ถ้านายมีภรรยา คงลืมพี่ชายคนนี้ไปแล้ว” หว่านซูจื่อรู้ด้วยว่าเฉินหลงแต่งงานแล้ว ดังนั้นเขาจึงเล่นมุขขำเล็กๆกับเฉินหลง

“พี่ใหญ่ ผมไม่ได้อยากเล่นมุข ที่ผมมาหาพี่วันนี้ เพราะผมอยากถามอะไรพี่สักอย่าง พี่มีพลังแบบศาสนาตะวันตกไหม” เฉินหลงถาม

ดาวของหว่านซูจื่อคล้ายกับโลกนัก ดังนั้นเฉินหลงจึงต้องการจะรู้ว่าเขาจะได้ข้อมูลกลับมาจากหว่านซูจื่อหรือไม่

 

“ศาสนาตะวันตกหรือ ฉันไม่คิดว่ารู้นะ” หว่านซูจื่อส่ายหัว

จากนั้นเฉินหลงก็คุยเรื่องโบสถ์แห่งแสงในตะวันตกและจอกศักดิ์สิทธิ

“ไม่มีอะไรแบบนั้นนะ อย่างไรเสียตามที่นายว่ามานั่นคงเป็นผู้มี “พลังเวทย์มนต์” ที่แข็งแกร่งนะ คนที่ใช้พลังให้ซึมซาบลงไปในอาวุธหรือชุดเกราะเป็นบางครั้ง เพื่อให้เครื่องมือนั้นใช้พลังได้และแข็งแกร่ง ด้วยสถานการณ์ที่ปกติแบบนี้แล้ว หากว่านายต้องการจะทำลายเครื่องมือพวกนั้นนายก็ทำได้หากว่าพลังของนายแข็งแกร่งกว่าผู้ใช้ของนั่น ยิ่งไปกว่านั้น อุปกรณ์พวกนี้ที่ได้รับรู้โดยผู้ใช้ครั้งหนึ่งแล้ว จะใช้เพียงพลังเท่านั้นเพื่อลบออกไป ไม่เช่นนั้นก็ใช้ความสมัครใจของผู้ใช้ให้ถอดเครื่องมือนี่ออกได้เช่นกัน” หว่านซูจื่อกล่าว

 

“อย่างไรเสีย โบสถ์แห่งแสงในฝั่งตะวันตกเมื่อเห็นว่านายพูดถึงแล้วก็น่าสนใจยิ่งนัก คงมีพรสวรรค์มากจริงๆที่สามารถจะคิดศาสนานอกรีตแบบนี้ออกมาได้”

ดูเหมือนว่าหว่านซูจื่อจะไม่คิดว่าโบสถ์แห่งแสงมีจุดแข็งอะไร

“ใช่แล้ว ผมคิดว่า “บทสวด” ของโบสถ์แห่งแสงคล้ายกับสกิล “การสู้ของเทวา” พี่คิดว่าอย่างไร พี่หว่าน” เฉินหลงบอกความคิดของเขาไป

 

“การสู้ของเทวา” หมายถึง “ให้พระเจ้ามาสถิตร่าง” แต่พลังของ “การสวดมนต์” ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับ “ให้พระเจ้ามาสถิตร่าง” หากว่า “พระเจ้า” ที่แข็งแกร่งที่สุดได้มีการเชิญมาสู่ร่างแล้ว พลังนั่นก็ไปได้ถึงระดับ “ปรมาจารย์แห่งดวงดาว” อย่างไรเสียนี่จะสร้างความบาดเจ็บอย่างมากกับร่างกาย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย “การสวดมนต์” จึงดีกว่า “ให้พระเจ้ามาสถิตร่าง” หว่านซูจื่อพยักหน้า

 

“ผมจะไปขอให้พระเจ้าช่วย ช่างเยี่ยมยอดไปเลย พี่หว่านพี่สอน “อัญเชิญพระเจ้า” ให้ผมได้หรือไม่” เฉินหลงโลภเมื่อได้ยินเรื่องสกิล “อัญเชิญพระเจ้าโปรดมาสู่ร่าง”

“ไม่มีปัญหา นายแทบจะได้ “พระเจ้า” ที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้วด้วยพลังที่มีอยู่ตอนนี้ และจะไม่ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บมากไปนักด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องจำไว้ว่า “พระเจ้า” ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจจะอัญเชิญมาได้สองครั้งในทีเดียว ไม่เช่นนั้นร่างกายนายจะไม่อาจรับได้” สิ้นคำ หว่านซูจื่อก็ส่งม้วนวิชาลับให้เฉินหลง

 

“ขอบคุณครับพี่หว่าน” หลังจากที่ได้รับม้วนวิชาลับแล้ว เฉินหลงกล่าวไปอย่างมีความสุข

“น้องชาย หากว่านายอยากรับมือกับโบสถ์แห่งแสงที่นายพูดถึง  ตอนนี้นายอาจจะอ่อนแอไปนิดหน่อย สุดท้ายแล้ว ศาสนาของผู้คนที่มีอยู่มาเป็นร้อยเป็นพันปี นายคงนึกภาพไม่ออกหรอก ฉันแน่ใจว่านายจะอัดโบสถ์แห่งแสงได้” หว่านซูจื่อเตือนเฉินหลงอย่าจริงจัง

 

เฉินหลงกระตือรือร้นพยักหน้าและกล่าวไป “ผมรู้ ผมจะไม่หุนหันรีบมีพลังสมบูรณ์”

หลังจากที่คุยกับหว่านซูจื่อแล้วและส่งเยลลี่ชั้นยอดรวมถึงดักแด้ผึ้งให้ เฉินหลงตัดการติดต่อไปและมองไปที่ปีเตอร์

จากนั้นเฉินหลงก็ตัดสินใจ เนื่องจากเขาไม่มีทางจะถอดชุดเกราะศักดิ์สิทธิออกได้เลย เขาจะใช้ปีเตอร์เป็นตัวแทนเขาเองและฝังระเบิดเวลาไว้ภายในโบสถ์แห่งแสง

เมื่อคิดแล้ว เฉินหลงแลกเปลี่ยน “ผลซื่อสัตย์” จากระบบและให้ปีเตอร์กินเข้าไป

ไม่ยากสำหรับเฉินหลงนักที่จะควบคุมคนคนหนึ่งให้กินผลซื่อสัตย์

 

“เจ้านาย” หลังจากที่ปีเตอร์ตื่นขึ้นมาและเห็นเฉินหลง เขาก็เรียกอย่างเคารพ

“เอ้อ พลังของนายอ่อนแอไปตอนนี้” ว่าจบเฉินหลงหยิบหินแห่งแสงออกมา เขาต้องการจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับอัศวินศักดิ์สิทธิอย่างปีเตอร์ คนที่เครื่องมือศักดิ์สิทธินับว่าเป็นพระเจ้า หลังจากที่กลืนหินแห่งแสงลงไป ปีเตอร์อาจจะไม่ฟังคำสั่งของเฉินหลง เขาอ้าปากและกลืนหินแห่งแสง

หลัวจากนั้น ภายใต้พลังของหินแห่งแสง ปีเตอร์ก็มีพลังของหินแห่งแสงล้อมรอบไว้

หลังจากนั้น เฉินหลงก็พบว่าชุดเกราะบนร่างของปีเตอร์ ก็ห่อหุ้มด้วยหินแห่งแสงนั้นจริงๆแล้วมีแสงที่คล้ายกันเปล่งออกมาจากหินแห่งแสงด้วย แสงนี่รวมลงไปในพลังงานของหินแห่งแสงและผ่านเข้าไปยังร่างของปีเตอร์

 

ภายใต้การรับพลังของทั้งสองพลังงานนี้ พลังของปีเตอร์และร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาพลังคือความสามารถของหินแห่งแสง แต่ร่างกายที่เปลี่ยนไปเป็นเพราะพลังของชุดเกราะ ความเปลี่ยนแปลงทำให้ร่างของปีเตอร์เข้าใกล้แรงแห่งแสงมากขึ้นและมากขึ้น การประกอบขึ้นของร่างกายเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโบสถ์แห่งแสง และจะได้รับความซาบซึ้งจากพระเจ้าได้มากกว่า

ราวกับร่างแห่งแสง แน่นานว่าคือพระสันตปาปาคนต่อไปไม่ก็อาร์ชบิชอป

อย่างไรก็ตาม เฉินหลงรู้ว่า “ร่างแห่งแสง” นี่คืออะไร เขารู้เพียง ร่างกายของปีเตอร์เปลี่ยนแปลงไป เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดปีเตอร์ก็เสร็จสิ้น

ปีเตอร์ออกมาจากดักแด้แห่งแสง เขามีความสูงที่มากขึ้น และหล่อเหลากว่าเดิม ร่างทั้งร่างส่องรังสีความสูงส่งที่ไม่มีใครเทียมทาน ตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่เหมือนเดิม

อย่างไรเสีย เมื่อเห็นเฉินหลงอีกครั้ง ปีเตอร์ยังคุกเข่าลงให้เฉินหลงโดยไม่ลังเล

“เจ้านาย ขอบคุณสำหรับของรางวัล”

“ลุกขึ้น” เฉินหลงพยักหน้าและขอให้ปีเตอร์ลุกขึ้น

 

หลังจากที่เฉินหลงยืนขึ้น เฉินหลงมองเขาอย่างรอบคอบ ด้วยความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร รูปลักษณ์สมบูรณ์แบบรวมถึงร่างกาย คู่กับนิสัยอันศักดิ์สิทธิ ที่นี่เขาเป็นเหมือนอัศวินศักดิ์สิทธิ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิของโบสถ์แห่งแสง แต่เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิที่เป็นนายตัวเอง

“เยี่ยมมาก กลับไปโบสถ์แห่งแสงซะ และรายงานให้ผมรู้ทันทีว่ามีพวกนั้นมีปัญหาอะไร” เฉินหลงยิ้มและกล่าวไป

 

“จะว่าไป เมื่อคุณกลับมา คุณควรจะได้รับบาดเจ็บแล้วค่อยปล่อยให้โบสถ์แห่งแสงดูแลอาการบาดเจ็บของคุณนะ” เฉินหลงว่า

“ครับ เจ้านาย” ว่าจบ ปีเตอร์ก็ออกจากห้องไป

หลังจากที่ปีเตอร์ออกไปแล้ว เฉินหลงไม่รีบร้อนออกไปนัก เขาแลกความตระหนักรู้กับพี่น้องโอโนะ และบอกที่อยู่กับพวกเธอไป และบอกให้พัก

แล้วจากนั้นโบสถ์แห่งแสงก็พบปีเตอร์