เวลานี้เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา ไม่ส่งเสียงออกมา
กลับเป็นซือหม่าหรุ่ยที่อยู่ด้านข้างถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ไฉนเมื่อครู่ เป่ยเฉินอี้ถึงบอกว่าเขามาเพื่อช่วยเหลือเขาเองด้วยเล่า”
เยี่ยเม่ยมองนาง ตอบกลับด้วยเสียงนิ่ง “ง่ายมาก เพราะหากข้าไม่มีวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างราบรื่น ข้าจะต้องแตกหักกับกลุ่มคนด้านนอกนี้ แล้วพาจิ่วหุนจากไป แน่นอนว่าข้าจะต้องไม่ปล่อยเป่ยเฉินอี้ไปอย่างแน่นอน ข้าจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่จิ่วหุนทำลงไปล้วนมีเป่ยเฉินอี้เป็นผู้บงการ เขาก็จะเป็นเหมือนพวกเรา กลายเป็นเป้าหมายของทุกคนทันที”
ซือหม่าหรุ่ยเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ สีหน้าแตกตื่น
ทำเช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ
นางถามต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้าไม่ยืนยันไปเลยว่าเป่ยเฉินอี้เป็นคนบงการ แต่ให้องค์ชายสี่แบกรับความผิดนี้แทน”
“เพราะเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกมารับผิดด้วยความยินยอมพร้อมใจ เขาถึงแบกความรับผิดชอบไว้ที่ตัวเอง เช่นนี้ข้ากับจิ่วหุนก็ปลอดภัย แต่หากเป็นเป่ยเฉินอี้…เขาไม่มีทางปล่อยพวกเราไปง่ายๆ จะทำให้พวกเราลำบากไปด้วย” เหตุผลก็ง่ายดายเช่นนี้
นี่ก็เป็นการบอกชัดถึงผลลัพธ์ความต่างระหว่างคนที่ยินยอมแบกรับความผิดกับคนที่ไม่ยินยอม
เมื่ออธิบายจบ เยี่ยเม่ยมองซือหม่าหรุ่ยคราหนึ่ง “ดังนั้นเขาถึงบอกว่าเป็นการช่วยตัวเขาเองและช่วยเหลือข้า ขอเพียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกมารับผิดอย่างเต็มใจ ข้ากับจิ่วหุนจะปลอดภัย ข้าก็ไม่ต้องลากเขาลงน้ำไปด้วย เหตุผลก็ง่ายดายเช่นนี้”
“องค์ชายสี่ก็สามารถบอกได้ว่าเป่ยเฉินอี้กับองค์ชายสี่เป็นคนสั่งการ” ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยปาก
เยี่ยเม่ยมองนาง “ทันทีที่เขาเอ่ยเช่นนี้ไป เป่ยเฉินอี้ก็จะลากข้ากับจิ่วหุนลงไปด้วยทันที”
ซือหม่าหรุ่ยถอนหายใจจากนั้นก็ขวมดคิ้ว “องค์ชายสี่ยังไม่กลัวการรับผิด ก็ไม่มีเหตุผลที่เป่ยเฉินอี้จะต้องใส่ใจ อย่างมากเขาก็แค่ถูกถามหาความรับผิดชอบเหมือนพวกเจ้า ใครจะกล้าทำอะไรเขาได้ หรือว่า…”
เมื่อเอ่ยถ้อยคำถึงเวลานี้ ซือหม่าหรุ่ยเข้าใจอะไรบางอย่าง
เยี่ยเม่ยรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจแล้ว พยักหน้า “ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนี้ เขาต้องการชื่อเสียงอันดีงามเพื่อทำอะไรบางเรื่อง อีกอย่างเขาไม่อยากเป็นศัตรูกับคนทั่วหล้าเร็วขนาดนี้ อย่างไรเสียฝ่าบาทเห็นเขาขัดตาอยู่แล้ว หากเป็นศัตรูกับคนทั้งหมดอีก รังแต่จะเป็นเรื่องยุ่งยากกับตัวเขา”
เป่ยเฉินอี้คิดทำอะไร ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ชัด แต่ว่าเขาสร้างเรื่องราวมากมายเช่นนี้ย่อมมีจุดมุ่งหมาย ก่อนบรรลุถึงเป้าหมายแล้ว เขาย่อมไม่ต้องการให้แผนการเกิดความผิดพลาด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างชมว่า “ฉลาดมาก”
ฉลาดจริงๆ ถึงขั้นคาดเดาได้ว่าเสด็จพ่อไม่ชอบเป่ยเฉินอี้
ซือหม่าหรุ่ยเลิกคิ้ว “ไฉนฝ่าบาทถึงไม่ชอบเป่ยเฉินอี้ด้วย เป่ยเฉินอี้ช่วยพระองค์ไว้ไม่น้อย เรื่องราชวงศ์จงเจิ้งในปีนั้น…”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ซือหม่าหรุ่ยเงียบลงทันที
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย อย่างไรเสียเขาก็เป็นองค์ชายของเป่ยเฉิน
ครั้นได้ยินชื่อราชวงศ์จงเจิ้งอีกครั้ง ในใจเยี่ยเม่ยก็รู้สึกพิกล ทว่าความรู้สึกแปลกใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยเม่ยโบกมือ มองไปที่ซือหม่าหรุ่ยช่วยแก้ไขความสงสัยว่า “ง่ายมาก เป่ยเฉินอี้ผู้นี้อันตรายมาก สำหรับฝ่าบาทแล้ว ….”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า แสดงความเห็นออกมา “ทั่วทั้งราชวงศ์เป่ยเฉิน คนที่ทำให้เสด็จพ่อไม่อาจสงบใจได้มากที่สุด นอกจากข้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ก็คือเสด็จอาผู้นี้ แต่เยี่ยนแสดงออกว่าไม่ใส่ใจต่อบัลลังก์อย่างชัดเจน เสด็จพ่อถึงคลายใจได้ชั่วคราว ทว่าความคิดของเป่ยเฉินอี้ ใครก็ไม่รู้ชัด เสด็จพ่อถึงต้องการกำจัดเขาก่อนถึงคลายใจได้”
เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก คิดถึงสองเรื่องนี้ขึ้นมา จากนั้นก็สะกดความอึดอัดในใจ “สมองของเป่ยเฉินอี้ช่างฉลาดหลักแหลมมาก เหมือนว่าคนที่ฉลาดไม่เป็นสองรองใครอย่างข้า ยังพ่ายแพ้ให้กับเขา ช่าง…”
คิดแล้วก็โมโห
“พ่ายแพ้ให้กับเขาไม่ใช่เรื่องแปลก” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปลอบใจเยี่ยเม่ย จากนั้นน้ำเสียงน่าฟังก็ดังขึ้นอีกว่า “เป่ยเฉินอี้ต่อกรกับฟ้าดิน ยังมีโอกาสชนะ คนทั่วหล้าพูดถึงเขาเช่นนี้”
ยามนี้เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก…
ให้ตายเถอะ
นี่เขาฉลาดถึงเพียงไหนกันแน่นะ
นางหันมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยความแปลกใจ เขาอธิบายอย่างแช่มช้าว่า “เรื่องการวางแผน ในโลกนี้ไม่มีใครเอาชนะเขาได้ เจ็ดปีก่อนยามเขาวางแผนการรบครั้งหนึ่งบังเอิญเกิดภัยธรรมชาติ สถานการณ์ยามนั้นไม่ส่งผลดีกับเขา คนทั้งหลายต่างคิดว่าคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เขาต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่เขาก็แก้สถานการณ์ได้ทัน เอาชนะได้ในที่สุด คนทั้งหลายจึงได้กล่าวว่าเรื่องการวางแผนฟ้ายังไม่อาจสู้เขาได้ แม่นางเยี่ยเม่ยพ่ายแพ้ให้กับเขาก็หาใช่เรื่องแปลก”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เยี่ยเม่ยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเป่ยเฉินอี้เลย แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงย่อมตรวจสอบนางจนหมดสิ้นแล้ว
ซือหม่าหรุ่ยที่อยู่ด้านข้างกลับมีอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นได้ชัดว่าเมื่อเอ่ยถึงเป่ยเฉินอี้นางมีท่าทางโมโห “คนผู้นี้ฉลาดก็ฉลาด แต่เสียทีที่ไร้คุณธรรมน้ำใจ ไม่นับเป็นตัวดีอะไร”
เยี่ยเม่ยคิดถึงคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เอ่ยถึงเป่ยเฉินอี้ก่อนหน้า เรื่องบีบคั้นคนรักจนตาย พลันพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้นเอ่ยเสียงนิ่งว่า “ถูกต้อง ไม่ใช่ตัวดีอะไร อยากเอาชนะเขา เห็นทีข้าต้องเตรียมตัวให้มากหน่อย”
เวลานี้เองเจ้าเมืองหลินที่อยู่หน้าประตูก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านบอกแล้วว่าเช้าวันนี้จะให้เหตุผลกับพวกเรา”
เยี่ยเม่ยยังไม่ทันคิดให้ดีว่าจะให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแบกรับความผิดดีหรือไม่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ชิงเดินหน้าออกไป สายตาร้ายกาจตวัดมองคนทั้งหมด ถามว่า “พวกเจ้าอยากได้คำตอบแบบไหนกัน”
เมื่อเขาเอ่ยประกายมารสีแดงก็แผ่พุ่งออกจากร่าง
คราวนี้คนของเป่ยเฉินที่หวาดกลัวเขาอยู่แล้วก็ตัวสั่นเทิ้ม คนที่ขวัญอ่อนหลายคนคุกเข่าลงทันที เมื่อหลายคนคุกเข่าคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าไม่ทำตาม ต่างตัวสั่นงกคุกเข่าลง
เจ้าเมืองหลินลิ้นพันกัน ทว่ายังฝืนเอ่ยว่า “คือว่า…คือ…เตี้ยนเซี่ย จิ่วหุนสังหารคนตั้งมากมาย ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา แต่เป็นการตายของแม่ทัพซ่างกวนและอดีตท่านเสนาบดี พวกเราไม่อาจทนดูโดยไม่ทำอะไรเลย เตี้ยนเซี่ย…”
“อดีตเสนาบดีแซ่เริ่นผู้นั้นน่ะหรือ” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองอวี้เหว่ยอย่างเนิบๆ
อวี้เหว่ย…. “เตี้ยนเซี่ย เขาแซ่หง”
“อ้อ” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจแล้ว ไม่ช้าก็มองไปที่คนทั้งหมด เอ่ยเสียงเบาสบายว่า “ตาแก่แซ่หงผู้นั้น รวมถึงแม่ทัพซ่างกวน เยี่ยนรู้สึกว่าพวกเขาจริงจังเสียเหลือเกิน ดังนั้นจึงกำจัดทิ้งซะ อีกอย่างยังเห็นจิ่วหุนขัดตา ถึงได้ใส่ร้ายเขา พวกเจ้ามีปัญหาหรือไง หรือว่าเป็นคนสองตระกูลนี้คิดทวงความยุติธรรมกับเยี่ยน”
เยี่ยเม่ยฟังเขาเอ่ยเช่นนี้ หัวใจเต้นระส่ำ
เดิมทีคิดว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะบอกว่าตนเองสั่งการให้จิ่วหุนสังหารคน เขาเป็นตัวการของเรื่อง คิดไม่ถึงว่าเขาจะแบกรับความผิดทั้งหมดไว้คนเดียว ทั้งยังบอกว่าใส่ร้ายจิ่วหุนอีก คิดแล้วคนด้านนอกก็ไม่กล้าทำอะไรเขา ในใจยิ่งเกลียดแค้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเข้ากระดูก
“เอ๋?” เจ้าเมืองหลินชะงักงัน
เหล่าแม่ทัพที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นต่างมองหน้ากันไปมา
หากบอกว่าองค์ชายสี่ไม่ถูกชะตากับจิ่วหุนทุกคนก็เชื่อ อย่างไรเสียก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นหน้าก็ลงมือต่อยตี
“เหตุใดวันนี้เตี้ยนเซี่ยถึงยอมเอ่ยความจริง” เจ้าเมืองหลินเอ่ยความสงสัยของคนทั้งหมดออกมา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นเสียงเย็น ตอบว่า “เพราะว่าเยี่ยนได้รับอิทธิพลจากแม่นางเยี่ยเม่ย จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นบุรุษที่มีความรับผิดชอบถึงยินยอมแบกรับความผิดที่ก่อไว้ เข้าใจหรือยัง”