บทที่ 6 บทที่ 87 จำศีล...

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ในห้องฉายภาพของสำนักพิมพ์ เริ่นจื่อหลิงดูรายการเมื่อวันอาทิตย์ไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว 

 

ตอนนี้เพิ่งจะวันพุธ…อีกไม่ถึงสี่วันก็จะเป็นรายการรอบถัดไปแล้ว อีกทั้งยังพูดว่ารายการในครั้งหน้ามีการอัพเกรดระดับ การก่อสร้างด้านสนามกีฬาดอกบัวบานนั้นเร่งรีบทำงานทั้งวันทั้งคืน 

 

แต่ว่า 

 

 “หรือคืนนั้นฉันดูรายการปลอม?” 

 

วันนี้วันพุธ เริ่มจากวันจันทร์ถึงวันนี้ เริ่นจื่อหลิงผู้จิตวิตกเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไม่เข้าใจสรุปออกมาได้อย่างนั้น 

 

เธอหาความรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณดำดิ่งลงไปแบบคืนนั้นไม่เจอแล้ว…แต่เริ่นจื่อหลิงก็ไม่คิดว่าความรู้สึกในคืนนั้นเป็นของปลอม 

 

เรื่องนี้แปลกมากจริงๆ… “หลีจื่อ เธอหยุดกินมันฝรั่งแผ่นได้ไหม?”  

 

 “พี่เริ่น ฉันท่องบทสนทนาของรายการนั้นกลับด้านได้ครั้งหนึ่ง แต่หากฉันไม่ได้กินอะไรแล้วละก็ฉันจะหลับ…” 

 

หลีจื่อถอนหายใจด้วยสีหน้าหมดทางเลือก หากเธอรู้ว่าเริ่นจื่อหลิงจะจริงจังเช่นนี้ ตัวเองไม่ควรไปขัดจังหวะขณะที่เธอกำลังหลงใหล… 

 

เมื่อวานทนไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ 

 

พูดแล้ว ความรู้สึกหลงใหลนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก…ไม่รู้ว่านักร้องหน้าใหม่ในคืนนั้นทำยังไง 

 

ทันใดนั้นเริ่นจื่อหลิงก็ถอนหายใจออกมา “ดูแล้วถึงจะดูอีกก็คงหาข้อสรุปไม่ได้ มีแต่ต้องรอการแสดงในสนามกีฬาอีกสี่วันที่จะถึงแล้ว จะเป็นมังกรหรืองูยังไงสุดท้ายก็ต้องเผยร่างจริงออกมา” 

 

หลีจื่อไม่ออกความคิดเห็น…มีบางเรื่องที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้ และแน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดจะสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องแบบนั้น 

 

ครั้งก่อนก็เกือบเสียชีวิตเพราะเข้าไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องครั้งหนึ่งแล้ว เธอจะยังไม่เข็ดได้อย่างไร? ยังไงแค่แน่ใจว่าเริ่นจื่อหลิงยังเป็นปกติก็ดีแล้ว 

 

เวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเริ่นจื่อหลิงก็ดังขึ้นมา 

 

เริ่นจื่อหลิงลูบหว่างคิ้ว หาวและเอ่ยว่า “เหล่าหม่า มาหาฉันมีเรื่องอะไร? จ่ายค่าสายของฉันได้แล้วงั้นเหรอ?” 

 

หม่าโฮ่วเต๋อในอีกปลายสายชะงักไป หลังจากนั้นถึงเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งพูดเรื่องบั่นทอนอารมณ์เลย ผมอยากถามคุณว่า ครั้งก่อนตอนที่พบศพไร้หัว คุณหาข่าวมีประโยชน์เพิ่มได้ไหม?” 

 

 “ไร้หัว…” เริ่นจื่อหลิงชะงัก จากนั้นก็ตบหน้าผากและเอ่ยว่า “บ้าจริง ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย…” 

 

 “…ผมพบเริ่นจื่อหลิงตัวปลอมหรือไง คุณไม่ได้หาเบาะแสเพิ่มงั้นเหรอ สวรรค์ช่วย!” 

 

สวรรค์ถึงรู้ว่าสีหน้าของเซอร์หม่าในตอนนี้นั้นน่าทึ่งขนาดไหน? 

 

 “เป็นยังไงบ้าง? คดีนี้ตึงมือมากเลยเหรอ” เริ่นจื่อหลิงหาข้อขัดแย้งในรายการนักร้องไม่ได้ คิดว่าหากครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นบ้างก็ดี จึงถามว่า “ดูนายร้อนใจ” 

 

หม่าโฮ่วเต๋อตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่คดีไม่มีเบาะแสแล้วสงสัยเลยลองถามคุณดู” 

 

เขายังไม่คิดจะบอกเริ่นจื่อหลิงเรื่องคดีในสนามกีฬา…ในเมื่อแม้แต่เริ่นจื่อหลิงก็ยังไม่รู้ งั้นก็แสดงว่านายทุนที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างสนามกีฬากำลังเคลื่อนไหวเพื่อปิดข่าวทั้งหมดอยู่ 

 

พลังอำนาจที่สามารถปิดปากสถานีโทรทัศน์ สำนักข่าวและแหล่งกระจายข่าวอื่นๆ ได้แบบนี้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป เมื่อหม่าโฮ่วเต๋อคิดถึงนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินของเริ่นจื่อหลิงแล้วก็เลือกที่จะปิดบัง 

 

 “อ๋อ อย่างนั้นเหรอ…” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันดูให้แป๊บหนึ่ง…อย่าเพิ่งวางสายนะ! พูดเรื่องค่าสายของฉันให้ชัดเจนก่อน…ฝั่งนายมีเสียงอะไร? ตึงๆ ตังๆ เหมือนเคาะอะไรอยู่ นายอยู่ไซต์งานหรือโรงงาน? เฮ้ๆ?” 

 

หลีจื่อมองเริ่นจื่อหลิงอย่างสงสัย เริ่นจื่อหลิงยักไหล่ แล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ยืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยว่า “อยู่ไม่ได้แล้ว ไม่ได้ออกข้างนอกมาสามวันติดต่อกัน…ฉันต้องออกไปเดินสักหน่อย หลีจื่อ พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ” 

 

 “ไปไหนคะ” 

 

เริ่นจื่อหลิงครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หรี่ตาลงและเอ่ยว่า “พวกเราไป…ดูชุดแต่งงาน!” 

 

หลีจื่อรีบถามอย่างตกใจ “ไปไหนไปทำอะไรนะคะ?” 

 

เริ่นจื่อหลิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “แน่นอนว่าต้องไปสำรวจราคาตลาดปัจจุบันก่อน…ฉันจะได้คำนวณ ฮาๆ!” 

 

รู้สึกเหมือนว่าพี่เริ่นกำลังจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา 

 

แต่หลีจื่อที่รู้สึกถึงเรื่องใหญ่ก็ได้เพียงแต่ยักไหล่ พลิกถุงมันฝรั่งไปมาไม่กี่ครั้ง เขย่าๆ สุดท้ายก็เทแผ่นมันฝรั่งแตกละเอียดเข้าไปในปากจนหมด 

 

ของอร่อยไม่อาจทิ้งเสียเปล่าได้ 

 

… 

 

… 

 

ทันใดนั้นเจ้าของสมาคมก็หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน 

 

คุณหนูสาวใช้ผู้ละเอียดรอบคอบสัมผัสได้ในทันที และยังหยุดเท้าของตัวเองลงเช่นเดียวกัน…สถานการณ์เช่นนี้แสดงว่า นายท่านของตัวเองต้องการอะไร หรือคิดบางอย่างหรือไม่ก็สัมผัสอะไรได้ 

 

 “นายท่าน มีอะไรเหรอคะ” 

 

ลั่วชิวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปรอบด้าน นัยน์ตาฉายแววสงสัย “สายลมของที่นี่มีเสียงดังนิดหน่อย?” 

 

 “ที่นี่…” โยวเย่มองสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นก็ยิ้มและเอ่ยว่า “สนามกีฬาฝั่งนี้เกือบถึงเขตชานเมือง ระแวกนี้มีแต่บ้านเก่า ตึกสูงมีน้อยค่อนข้างโปร่ง ลมจึงเยอะ” 

 

ลั่วชิวยิ้มและเอ่ยว่า “ที่จริงก็ไม่มีอะไร แค่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาแวบหนึ่ง” 

 

แต่คุณหนูสาวใช้กลับไม่ได้ปล่อยผ่าน เธอขมวดคิ้วขึ้น 

 

ลั่วชิวเอ่ยว่า “แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องอันตรายหรอก…รู้สึกเหมือนจะโดนแกล้งหรืออาจจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ฉันไม่สนใจแล้ว” 

 

แต่โยวเย่รู้ว่าลางสังหรณ์ของเจ้าของสมาคมนั้นแม่นยำมาก…ดูแล้วเธอต้องระมัดระวังสถานการณ์รอบด้านให้ดี 

 

เมื่อลั่วชิวสัมผัสได้ว่าโยวเย่ระมัดระวังขึ้นมา ก็ยื่นมือออกไปลูบเบาๆ บนคิ้วของคุณหนูสาวใช้ ลูบรอยขมวดคิ้วก่อนที่มันจะปรากฏออกมาและพูดขึ้นอีกว่า “ฉันไม่สนใจแล้ว” 

 

พูดแล้วลั่วชิวก็หันสายตาไปมองพื้นที่ว่างตรงหน้า ในพื้นที่ว่างเต็มไปด้วยกองท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นของโครงการอะไรสักอย่างเมื่อหลายปีก่อนเหลือทิ้งเอาไว้ 

 

ภายในท่อระบายน้ำมีชีสและ…นกหวีด 

 

แน่นอนว่ายังมีเสี่ยวเจียงและนีนี่ 

 

… 

 

เสี่ยวเจียงกับนีนี่ยังไปโรงเรียนได้ปกติไม่เหมือนชีส แน่นอนว่าเสี่ยวเจียงและนีนี่รู้เหตุผลที่ชีสไม่มาโรงเรียนดี 

 

ดังนั้นชีสจึงทำได้เพียงมาถึงที่นี่หลังจากเลิกเรียนแล้วเท่านั้น 

 

 “ชีส ยังไม่มีข่าวคราวของจุยเฟิงอีกเหรอ” นีนี่ถามขึ้น 

 

ชีสส่ายหน้า “ถึงฉันจะได้กลิ่นของจุยเฟิง แต่เขาไม่ได้หยุดอยู่ในที่ใดที่หนึ่งนาน…ฉันเลยหาไม่เจอ แต่เขายังเคลื่อนไหวอยู่ อย่างน้อยก็แสดงว่ายังปลอดภัยดี” 

 

พอคิดถึงฉากที่จุยเฟิงถูกหางของนกหวีดแทงทะลุไหล่แล้ว นีนี่ก็อดหดคอลงไม่ได้ ลอบมองไปยังนกหวีดที่กำลังหมอบนิ่งอยู่แวบหนึ่ง…ถึงจะรู้ว่าตอนนั้นนกหวีดทำเพื่อปกป้องชีส แต่เธอก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี 

 

เสี่ยวเจียงเอ่ยในตอนนี้ว่า “หลังเลิกเรียนผมเดินผ่านโรงพยาบาลของใต้เท้าหลง เหมือนจะปิดอยู่ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว…บางทีอาจจะหาจุยเฟิงพบแล้ว?” 

 

 “อย่าเพิ่งเดาดีกว่า” ชีสถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “สายมากแล้ว พวกเราแยกกลับกันก่อนเถอะ ฉันยังต้องไปหาอาหารให้น้องๆ อีก หากมีข่าวคราวอะไรก็ให้มาหาฉันเป็นคนแรก ดีไหม?” 

 

 “งั้นนายก็ระวังตัวหน่อยนะ” นีนี่กำชับก่อนไป 

 

ภายในท่อระบายน้ำจึงเหลือเพียงแค่นกหวีดกับชีส ตอนนี้ชีสยังไม่รีบขยับ เพียงแต่เอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และพิจารณาดูนกหวีด 

 

 “นกหวีด นายโตขึ้นหน่อยแล้วใช่ไหม?” ทันใดนั้นชีสก็ถามขึ้นมา 

 

เขาจำได้ว่าตอนเข้ามาในท่อระบายน้ำก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้ดูคับขนาดนี้…แต่นกหวีดเพียงแค่ก้มหัวลง แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาเขา เหมือนกำลังปลอบใจเขา 

 

ชีสยื่นมือออกไปลูบหัวของนกหวีด รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา จากนั้นก็ลุกขึ้นพูดว่า “หลังฉันเปลี่ยนผ้าพันแผลเสร็จก็จะไปหาอาหาร นายอยู่ที่นี่ดีๆ นะ!” 

 

บาดแผลตรงแขนที่ถูกจุยเฟิงทำร้ายดีขึ้นมากแล้ว…พลังการฟื้นฟูของปีศาจนั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งกรงเล็บของจุยเฟิงก็ไม่มีพิษอยู่แล้ว 

 

ผ้าพันแผลที่เปลี่ยนออกมาเปื้อนเลือดไม่มาก ชีสเก็บยาใส่แผลเรียบร้อยแล้วก็วางไว้ที่นี่…ที่นี่ไม่มีใครมา วางเอาไว้ก็คงไม่เป็นอะไร เขาไม่สามารถวางไว้ที่บ้านได้ เพราะกลัวจะถูกซูเสี่ยวซูจับได้และจะทำให้เธอเป็นห่วง 

 

 “ฉันวางขยะพวกนี้ไว้ที่นี่ก่อนนะ กลับมาแล้วค่อยจัดการทีหลัง…สายมากแล้ว” ชีสพูดแล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ทันที 

 

ที่นี่เหลือเพียงแค่นกหวีด 

 

ทันใดนั้นมันก็มันก็เปิดถุงที่ชีสใส่ขยะออก ใช้ปากคาบเอาผ้าพันแผลเปื้อนเลือดออกมา…ค่อยๆ ดูดกลืนเข้าไปในปาก 

 

นกหวีดยืนกะพริบตาปริบๆ เหมือนกำลังเพลิดเพลิน