ฮ่องเต้โกรธมากเมื่อได้รับข่าวอื้อฉาวของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเสี่ยวเทียนเหยา ในการทำลายชื่อเสียงของพระราชวัง แต่หลังจากได้ยินรายงานของหลิน เซี่ยงแล้ว เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“ ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีและรายงานกลับมาที่เจิ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังทำอะไรไปบ้าง? และใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดของหลิน เซี่ยงเขาก็รู้สึกเย็นไปทั่วแผ่นหลังของเขา
ภายใต้จมูกของเขา มีใครบางคนแอบซ่อนพลังอันแข็งแกร่งเอาไว้ แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย? มันเลวร้ายมาก!
ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่รู้สึกแย่ แต่ยังโกรธเสี่ยวเทียนเหยาที่ค้นพบปัญหานี้ แต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผู้คนที่อยู่ใต้เขานั้นไร้ประโยชน์มากจริงๆ
หัวหน้าของหน่วยองครักษ์เงาถูกเรียกโดยฮ่องเต้ จริงๆ แล้วเขาต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเองก่อน ขั้นตอนแรกคือการเรียกตัวองครักษ์เงาที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมา
แต่ในขณะนี้เมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตระกูลขุนนางทุกคนต่างก็หวาดกลัว พวกเขากลัวว่าอาจมีสายลับซ่อนเร้นอยู่รอบๆ ตัวพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะขายคนรับใช้เหล่านั้นออกไปได้ที่ไหน
หมอเทวดาโม่ถูกขังอยู่ในคุก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอก แต่เขาก็ยังได้รับรู้ข้อมูลอยู่ตลอด เมื่อเขาได้รับข่าวเกี่ยวกับปัญหาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ที่ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็ไม่มีกำลังที่จะทำอะไรทั้งนั้น
ในไม่ช้าประเด็นเกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ ที่ได้ซื้อเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เป็นจำนวนมากแพร่ออกมา เมืองหลวงทั้งหมดก็เกิดความโกลาหล หลังจากได้ยินเรื่องนี้ …
อย่างไรก็ตาม ยิ่งบรรยากาศด้านนอกเริ่มตึงเครียดมากเท่าไร ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ก็ยิ่งสงบมากเท่านั้น ความสนใจของฮ่องเต้นั้นเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาไม่มีพลังที่จะมาคิดเกี่ยวกับเสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหมอหลวงฉินจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่มันช่วยให้เราประหยัดเวลาไปได้มาก” ซู่ฉาพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีความสุข ยิ่งปัญหาของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง กลายเป็นเรื่องใหญ่เร็วเท่าไหร่ ผู้บงการก็จะกระโดดออกมาจากฉากหลังเร็วเท่านั้น
พวกเขาอยากรู้ว่าใครคือคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“จับตาดูไว้ให้ดี เปิ่นหวางไม่ต้องการที่จะพบกับเหตุไม่คาดคิดอีกครั้ง” การมีหมากสีดำชิ้นใหญ่เช่นนี้อยู่ด้านหลัง แม้ว่ามันจะไม่ใช่ศัตรูของเขา เขาก็จะต้องเอามันออกไป
“ มั่นใจได้ เมื่อมีการเคลื่อนไหว ข้าก็จะรู้” ซู่ฉายิ้ม แต่ใบหน้าของเขายังคงดูจริงจัง
เมื่อเขาได้ยินถึงความมั่นใจของซู่ฉา เสี่ยวเทียนเหยาก็โล่งใจ แต่เขาก็ยังเตือนขึ้น “เตรียมการสำหรับเด็กสองคนนั้นโดยเร็วที่สุด องค์ชายจากแคว้นใต้ได้แอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว”
“องค์ชายจากแคว้นใต้แอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้วหรือ?” ซู่ฉาดูประหลาดใจมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย“ข้าละเลยหน้าที่ของข้า ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์ชายคือใคร!”
“ องค์ชายผู้มาเป็นบุตรชายคนที่ห้าของฮ่องเต้แคว้นใต้กับหญิงแคว้ตะวันออก เขาดูเหมือนคนแคว้นตะวันออกมาก จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด” อีกฝ่ายซ่อนตัวเอาไว้อย่างดี เสี่ยวเทียนเหยา ค้นพบมันด้วยความโชคดีเท่านั้น
ซู่ฉาผู้มีใบหน้าที่สง่างามตอบอย่างจริงจังขึ้น“ข้าจะทำข้อตกลงกับเด็กสองคนในวันพรุ่งนี้พร้อมกับหวางเฟย”
โจว เหอ นั้นอ่อนไหวต่อตัวตนของเขามาก และเป็นคนที่ระวังตัวมากต่อคนภายนอก จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงหลิน ชูจิ่ว เท่านั้นที่ได้รับความไว้วางใจจากเขา
“อืมมม อย่าเตือนศัตรูให้รู้ตัว” การได้ยินซู่ฉากล่าวถึงชื่อของหลิน ชูจิ่วเขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองดูนาฬิกาทรายบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเวลานั้นล่วงเลยมานานแล้ว แต่ซู่ฉายังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป เขาก็ถามขึ้น“เจ้ายังมีอะไรอีกหรือไม่”
“ท่านวางแผนที่จะจัดการกับตระกูลเมิ่งอย่างไร? ผู้นำตระกูลเมิ่ง อาจจะมาที่นี่ได้” ซู่ฉาก็รู้ว่าเขาคงจะดูน่ารำคาญในเรื่องนี้ แต่ก็มีหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อเขากับหลิวไป๋ออกไปข้างนอกเพื่อช่วยหมออู๋
“ ไม่มี ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกับหลิน ชูจิ่วเสีย” เสี่ยวเทียนเหยาพูดแล้วก็ลุกขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วเดินจากไป
“ข้ายัง……” ซู่ฉาหันกลับมาเพื่อไล่ตามเสี่ยวเทียนเหยา แต่เสี่ยวเทียนเหยาก็หายตัวไปในทันที เขาช่วยไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวางเย่ทำไมท่านถึงได้รีบจากไปเช่นนี้?