“คนนี้คือลุงชางอย่างนั้นเหรอ!”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ ภาพข้างหน้าดูเหมือนกลุ่มสินค้าเถื่อนในยุทธจักร

“เราก็ไปสมัครกันเถอะ”

ลู่ฝานเอ่ยขึ้น

หยวนเลี่ยและคนอื่นพยักหน้า หลังจากนั้นก็เบียดเข้าไปในกลุ่มคน

เบียดไปมาพร้อมเสียงโวยวาย ลู่ฝานใช้พลังร่างกาย พยายามแหวกทางออกมาจนได้

ด้านหน้าคนตัวใหญ่สูงสามเมตรกว่า ยืนถือดาบอย่างห้าวหาญ พูดออกมาว่า “คนที่จะทดสอบมาทางนี้ รับดาบฉันหนึ่งครั้งถือว่าผ่าน ฮ่าๆๆ ฉันลงมือเบามากนะ”

ข้างๆ มีคนล้อมอยู่ แต่มีแค่ไม่กี่คนที่กล้าเข้าไป

ลู่ฝานได้ยินเสียงด่าของชายสองสามคน “ถูซาง ไอ้ซังกะตาย พลังของร่างกายนายเทียบได้กับนักบู๊แดนปราณนอกขั้นสูงสุด แดนปราณนอกทั่วไปยังรับดาบนายไม่ได้ นายจงใจสร้างความลำบากใจให้คนใช่ไหม”

“ใช่ ถูซาง นายดูสิฉันมีเสื้อปราณแล้ว แดนปราณนอกอย่างแท้จริง รีบให้ฉันสมัคร วันนี้ฉันยังต้องรีบไปนะ”

ถูซางไม่สนใจเสียงตะโกนของพวกเขา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “บอกแล้วว่าดาบเดียว ก็ดาบเดียวสิ จะทดสอบก็รีบหน่อย ทีมไม่รับสวะหรอกนะ ถ้าพวกนายต้านทานดาบฉันไม่ได้ ก็รีบจ่ายเงินมา พูดไร้สาระเยอะแยะไปทำไม”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ เขาเริ่มรู้สึกดีกับกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มเรืออะไรนี่แล้ว

ไม่รับสวะ กฎนี้ดี ราวกับว่าไปกับพวกเขา น่าจะปลอดภัยขึ้นเยอะ

“ฉันเอง!”

ขณะนั้นหยวนเลี่ยเดินออกมา เสื้อปราณปรากฏบนตัว มือซ้ายใส่นวมที่มีหนาม

ถูซางก้มลงมองหยวนเลี่ย ยิ้มแล้วพูดว่า “ในที่สุดก็มีผู้ห้าวหาญนิดหน่อยมาแล้ว วางใจเถอะ ฉันจะใช้พลัง 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางฟันนายตาย รับให้ดีล่ะ!”

แผดเสียงออกมา ถูซางฟันดาบลงมา

ไม่มีพลังปราณ ไม่มีพลังชี่ มีเพียงพลังของร่างกายอันบริสุทธิ์เท่านั้น

เสียงดังชิ้ง ตัวของหยวนเลี่ยครึ่งหนึ่ง จมลงไปพื้นอันอ่อนนุ่ม ยกมือซ้ายขึ้นมา นวมต้านทานดาบของถูซางเอาไว้ได้ พลังกระเพื่อมเป็นคลื่น พัดเสื้อลู่ฝานจนปลิวไปมา

เสื้อปราณบนตัวหยวนเลี่ยเกือบระเบิด แต่เขาก็ยังต้านทานเอาไว้ได้

“แดนปราณชีวิตขั้นเจ็ด วิทยายุทธไม่เลว นายผ่านแล้วเด็กน้อย!”

ถูซางเห็นหยวนเลี่ยรับดาบเขาไว้ได้ จึงยิ้มแล้วพยักหน้า

ตอนนี้หยวนเลี่ยมองนวมของตัวเองอย่างปวดใจ ด้านบนโดนฟันจนเป็นรอยสีขาวเล็กๆ

ถูซางเอาสมุดเล่มหนึ่งออกมา ให้หยวนเลี่ยเขียนชื่อตัวเองลงไป หลังจากนั้นให้แผ่นเหล็กแผ่นหนึ่งกับหยวนเลี่ย

“เก็บไว้ให้ดี หลังสองชั่วยามทีมเรือจะออกเดินทาง อย่าลืมล่ะ ยังมีใครที่ยังไม่มีบ้าง”

หยวนเลี่ยเก็บของแล้วเดินกลับมา พูดกับพวกลู่ฝานเบาๆ ว่า “ไอ้หมอนี่พลังเยอะมาก ทุกคนระวังด้วย ใช้พลังยืดหยุ่นให้เยอะ”

เฝิงอิ่งกับเซี่ยงจู้พยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นทั้งสองเข้าไปรับดาบทีละคน

ไม่มีอะไรผิดคาด ทั้งสองผ่านอย่างสบายๆ

ล้วนเป็นวิทยายุทธแดนปราณนอกขั้นเจ็ด พละกำลังระดับนี้ อยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊ก็เป็นอันดับต้นๆ แล้ว มิน่าล่ะพวกเขาถึงเย่อหยิ่งขนาดนี้

ทั้งสามคนเอาแผ่นเหล็กกลับมา พากันมองมาทางลู่ฝาน พวกเขาอยากเห็นพละกำลังของลู่ฝานจริงๆ

แต่ขณะนั้น ลู่ฝานแค่พูดกับสิบสามว่า “สิบสาม นายไปสิ”

สิบสามพยักหน้าเบาๆ เดินมาข้างหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ ทำแค่มองถูซางอยู่อย่างนั้น

“เตรียมตัวดีหรือยัง”

ถูซางตะโกนใส่สิบสาม

สิบสามพยักหน้าเบาๆ ต่อมาถูซางฟันดาบลงมา

แต่ดาบยังไม่ทันฟันโดนตัวสิบสาม ตัวของสิบสามหายไป ตอนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขามาปรากฏตัวด้านหลังถูซางแล้ว ไม่รู้มีกระบี่อยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไร เสียงลมพัด เห็นด้วยตาว่าจะแทงที่กลางหลังถูซาง

ลู่ฝานกระแอมหนึ่งที เหมือนสิบสามคิดอะไรได้ รีบเก็บกระบี่ทันที

ขณะนั้นถูซางตั้งสติได้ ขนลุกไปหมดทั้งตัว ช่วงเวลาเมื่อครู่ เขารู้สึกถึงความหนาวเข้ากระดูกจริงๆ มันเป็นการข่มขู่ถึงชีวิต

“ยอดฝีมือ ฮ่าๆ ในที่สุดก็มียอดฝีมือมาแล้ว”

สิบสามปรากฏตัวอย่างประหลาดข้างหน้าถูซางอีกครั้ง

ถูซางไม่สนใจที่ตัวเองเกือบโดนฆ่าตายเมื่อครู่ เขาส่งเสียงหัวเราะดัง แล้วพูดว่า “นายคือยอดฝีมือแดนปราณชีวิตสินะ ยอดฝีมือ มาเอาแผ่นเหล็กสิ ครั้งนี้ต้องให้คุณดูแลทีมเรือด้วย คุณสามารถพาเรือสินค้ากับคนอีกสามคนไปได้ตามใจชอบ”

ถูซางเอาแผ่นเหล็กสามแผ่นให้สิบสาม

สิบสามรับมาอย่างนิ่งๆ หลังจากนั้นเดินกลับมาข้างลู่ฝาน ยื่นแผ่นเหล็กให้ลู่ฝานอย่างนอบน้อม

ลู่ฝานพูดเสียงเย็นชาว่า “ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก นายก็ไปซะ”

สิบสามคุกเข่าลงตรงหน้าลู่ฝาน แล้วหมอบตัวลงบนพื้นทันที

ลู่ฝานเอาแผ่นเหล็กขึ้นมา แล้วหันหลังเดินไป สิบสามลุกขึ้นตามไป กลุ่มคนข้างๆ มองจนเหม่อ นักบู๊แดนปราณชีวิตคุกเข่าให้คนอื่นเหรอ ไอ้เด็กเป็นใครมาจากไหน

พวกหยวนเลี่ยรีบเดินตามไปเช่นกัน เมื่อเดินตามทันลู่ฝาน เฝิงอิ่งอดพูดออกมาไม่ได้ “ลู่ฝาน ทำไมนายปฏิบัติกับนักบู๊แบบนี้ล่ะ”