ตอนที่ 1,859 : ไม่ใช่แค่นั้น!
เมื่อถูกขัดจังหวะ ตี้จิ่วย่อมหันไปมองถามตี้ชานด้วยสงสัยทันที หากแต่ตี้ชานไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรแก่ตี้จิ่วทั้งสิ้น กระทั่งยังไม่หันกลับมามองมันด้วยซ้ำ…
สายตาของตี้ชานเพียงจับจ้องมองมาที่ต้วนหลิงเทียนไม่วาง “จ้าวตำหนักน้อย…ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าจะประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว? นี่มิใช่เรื่องที่ท่านจะสามารถกล่าวล้อเล่นได้…หากท่านเลือกประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว เช่นนั้นการประลองย่อมดำเนินต่อไปไม่หยุดจนกว่าท่านหรือตี้จิ่วจะตาย! อีกทั้งท่านอย่าได้คิดว่าด้วยฐานะนายน้อยตำหนักเมฆาคราม จะทำให้ตี้จิ่วยั้งมือไว้ไมตรีอันใด…”
“ท่าน…คิดดีแล้วหรือ?”
ตี้ชานกล่าวถาม
“อะไรกันผู้นำตี้ชาน…นี่ท่านคิดว่าข้าล้อเล่นงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตากลาวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย หลังถูกตี้ชานถาม
“ข้าเพียงต้องการกล่าวเตือนจ้าวตำหนักน้อยเท่านั้น…”
ตี้ชานตอบ
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของผู้นำตี้ชานแล้ว…ทว่าความห่วงใยของท่านข้าเพียงรับไว้ด้วยใจ เพราะข้าไม่คิดเปลี่ยนใจเรื่องประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว! แต่ถ้าเผ่าพันธุ์มังกรไม่กล้ารับคำท้า เช่นนั้นก็รีบๆกล่าวยอมแพ้ออกมาเสีย! ข้าทนรอเข้าไปอาบน้ำในสระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นของเผ่ามังกรไม่ไหวแล้ว…”
วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนกล่าวเร่งออกมา…คล้ายไม่อยากเสียเวลา!
เข้าสระชำระมังกรดินแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นของเผ่ามังกร…เพื่อไปอาบน้ำ?
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน คนของเผ่าพันธุ์มังกรแทบจะกระอักเลือดออกมา เพราะคำพูดต้วนหลิงเทียนนับว่าดูเบาสระชำระมังกร อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันอย่างแรง!
จังหวะนี้คนของเผ่าพันธุ์มังกรอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง
“รับคำมันเถอะ!”
“รับข้อตกลงนั่น! ให้การประลองครั้งนี้เป็นการประลองเป็นตาย!!”
…
เผ่ามังกรหลายคนคำรามออกมาด้วยโทสะอันชอบธรรม ต่างเร่งเร้าตี้ชานให้เห็นด้วยกับข้อเสนอประลองเป็นตายกับตี้จิ่วของต้วนหลิงเทียน
พวกมันไม่อาจทนฟังวาจาเราะร้ายนี้ได้!
ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่มาร่วมชมเองก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งกันไปเป็นแถบ ต่างไม่คิดไม่ฝันว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามจะถือดีขนาดนี้ ทำราวกับไม่เห็นเผ่าพันธุ์มังกรอยู่ในสายตา
รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 หันหน้ามามองตากันอีกครั้ง ด้านตู้กูเองแววตาที่ใช้มองไปต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะแฝงความถูกใจขึ้นหลายส่วน
“เทียนเอ๋อ…”
ต้วนหรูเฟิงมองต้วนหลิงเทียนอย่างสงบ หากแต่ในใจที่แท้กังวลไม่น้อย
กู่ลี่กับกู่มี่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
กล่าวตามความสัตย์จริง พวกมันไม่ได้มองโลกในแง่ดีสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย อนิจจาเรื่องราวไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกมันอีกต่อไป
“ตาแก่!”
ตี้จิ่วมองตี้ชานเขม็งกล่าวออกเสียงเข้ม ทีท่าและคำพูดของต้วนหลิงเทียนทำให้มันเองก็ทนไม่ไหวแล้ว
อนิจจามันเองก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะมันต้องรอดูท่าทีของตี้ชานเสียก่อน หากตี้ชานไม่เห็นด้วย มันฮึดฮัดไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่กล้าตัดสินใจข้ามหน้าข้ามตาอีกฝ่าย
“ดูเหมือนว่าจ้าวตำหนักน้อยจักมั่นใจนัก”
ตี้ชานก็ยังคงเพิกเฉยทีท่าของตี้จิ่ว สองตาของมันยังคงจับจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนไม่วาง
และแทบจะทันทีที่กล่าวจบคำสำนึกเทวะของตี้ชานก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างกาย หลั่งไหลข้ามอากาศไปดั่งน้ำหลาก ก่อนที่จะครอบคลุมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียนในพริบตา
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนถูกจับแก้ผ้าให้เปลือยเปล่า กระทั่งยังรู้สึกเสมือนถูกลูบสำรวจไปทั้งร่าง…
“โฮ่ ผู้นำตรวจสอบพลังฝึกปรือข้างั้นเหรอ?”
ทว่าคราวนี้แม้จะรู้ถึงความตั้งใจของตี้ชาน ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่โกรธยังเผยรอยยิ้มออกมา!
เขามั่นใจได้เต็มที่ไม่มีสงสัย! ทันทีที่ตี้ชานตรวจสอบจนทราบพลังฝึกปรือเขาแล้วล่ะก็…อีกฝ่ายต้องเห็นด้วยกับการประลองเป็นตายแน่!!
เพราะพลังฝึกปรือของเขายังพึ่งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น ไม่ได้นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าตี้จิ่วเลย!
ต่อให้ตี้ชานจะขี้ระแวงมากเพียงใด มันก็คงไม่มีวันคิดว่าอาศัยเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนจะมีปัญญาทำอะไรตี้จิ่วที่ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นได้!
“ตี้ชาน เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”
เมื่อสำนึกเทวะของตี้ชานแผ่ออกมาสำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนโต้งๆแบบนี้ ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะมีโมโห ถึงกับปะทุสำนึกเทวะออกไปอย่างเกรี้ยวกราดหมายทำลายสำนึกเทวะตี้ชาน!
กับต้วนหลิงเทียนสำนึกเทวะของตี้ชานเป็นอะไรที่ทรงพลังอำนาจสุดไพศาล
หากแต่สำนึกเทวะของตี้ชานนี้กลับไม่นับเป็นอะไรมากไปกว่าเศษพลังในสายตาต้วนหรูเฟิง สามารถบดขยี้ทำลายได้ในชั่วพริบตา!
เมื่อสำนึกเทวะถูกทำลายแบบนี้ตี้ชานแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับผลกระทบ! ร่างมันถึงกับเซไปทันที คนวิงเวียนศีรษะหน้ามืดตามัวไปพักหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแม้สำนึกเทวะจะถูกทำลายจนหน้าซีดตัวเซ หากทว่ามุมปากของตี้ชานอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้!
‘อริยะเซียนขั้นกลาง! นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น!!’
จังหวะนี้ความ ‘สงสัย’ และความ ‘ลังเล’ ประหนึ่งเมฆหมอกที่ปกคลุมในใจ ได้ถูกลมพัดพาจนสลายหายไปจากใจหมดสิ้น
เพียงผู้ฝึกตนขอบเขตพลังอริยะเซียนขั้นกลาง จะมีปัญญาสู้รบตบมือกับตี้จิ่วที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้นได้อย่างไร!
จังหวะนี้มันอดคิดไปไม่ได้ว่ามันขี้ระแวงเกินไป
อย่างไรก็ตามมันไม่เสียใจกับการกระทำของมัน
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ระแวงพันครั้งไม่เป็นไร วู่วามครั้งเดียวนับว่าใหญ่หลวง’
มันผู้เป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ทุกการตัดสินใจล้วนส่งผลถึงเผ่าพันธุ์มังกร เช่นนั้นมันจึงต้องขบคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกแง่มุมถึงจะตัดสินใจได้
เหตุผลที่มันขวางตี้จิ่วเอาไว้ไม่ให้รีบตอบรับคำท้าของต้วนหลิงเทียน ก็เพราะกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถฆ่าตี้จิ่วได้จริงๆ
เช่นนั้นมันจึงไม่กลัวที่จะเสียมารยาทและกระตุ้นโทสะของต้วนหรูเฟิง เลือกที่จะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้…เพราะมันจะได้ตัดสินใจให้ถูกต้องที่สุด!
และตอนนี้มันก็ตัดสินใจได้แล้ว
“ตี้จิ่ว พลังฝึกปรือของมันมีเพียงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น”
ตี้ชานหันมามองตี้จิ่วก่อนอื่นใด ค่อยส่งเสียงผ่านปราณกล่าวบอกสิ่งที่มันรับทราบมาให้ตี้จิ่วรู้
การกระทำก่อนหน้าของตี้ชาน แน่นอนว่าตี้จิ่วย่อมเห็นชัดเจนทุกอย่าง มันรู้ว่าตี้ชานสำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนแบบนี้เพียงเพราะจะยืนยันความเสี่ยงเรื่องที่มันควรรับคำท้าประลองเป็นตายหรือไม่…
“หือ!? อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำกล่าวยืนยันของตี้ชาน มันก็อดตกใจไปไม่ได้!
แม้มันจะได้ยินคร่าวๆจากชิงเหยียนก่อนแล้ว ว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนสมควรไม่เกินอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ กระทั่งอาจต่ำกว่านั้น แต่พอได้ยินคำยืนยันชัดเจนจากตี้ชานมันก็รู้สึกยินดีไม่น้อย!!
เพียงอริยะเซียนขั้นกลางแต่คิดสู้กับมัน?
ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันรนหาที่ตายแท้ๆ!
“ต้วนหลิงเทียน ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า พวกเราประลองเป็นตาย! หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตายไม่เลิกรา!!”
ตี้จิ่วที่บังเกิดความมั่นใจล้นปรี่อย่างที่ไม่อาจมั่นใจไปมากกว่านี้ได้แล้ว กล่าวคำตอบรับคำท้าของต้วนหลิงเทียนด้วยเสียงดังฟังชัด!
ได้ยินคำตอบรับของตี้จิ่ว คนเผ่าพันธุ์มังกรก็ลุกฮือขึ้นมาทันที
“ฆ่า!”
“ฆ่ามัน!!”
……
ตลอดรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มังกรจวบจนเฒ่าชรา ล้วนตระโกนกันออกมาอย่างคึกคัก พวกมันเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว ความซึมเซาก่อนหน้าล้วนสลายไปหมดสิ้น
“อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันทางด้านอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรก็ได้รับทราบพลังฝึกปรือที่แน่ชัดของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ทำให้ต่างโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ถูกลาเตะหัวจนสมองไหลแล้วหรือไร เพียงมีพลังฝึกปรือแค่อริยะเซียนขั้นกลาง แต่กลับกล้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว!”
“ข้าคิดว่ามันกำลังหาที่ตาย! โลกนี้ล้วนมีตัวโง่งมมากมายไฉนจะเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามบ้างไม่ได้?”
……
ไม่ว่าจะเป็นชิงเหยียน สื่อชิง กระทั่งเฉวี่ยฉาน รู้สึกว่าการประลองเป็นตายคราวนี้ ต้วนหลิงเทียนต้องเป็นฝ่ายชะตาขาดแน่นอน!
อริยะเซียนขั้นกลาง ปะทะ เซียนปฐพีขั้นต้น?
ผลการประลอง…ไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น!
“ตี้จิ่ว…เจ้าฆ่ามันแล้วอย่าลืมริบแหวนพื้นที่มันมาเล่า ในนั้นสมควรมีตราผนึกมารอยู่! หากเจ้าได้รับตราผนึกมารนั่นแล้วส่งมอบให้เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนล่ะก็…คราวนี้ยามเจ้ากับข้าขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนย่อมได้รับความดีความชอบอันใหญ่หลวง! ต่อไปพวกเราจักได้รับการดูแลปฏิบัติเป็นพิเศษ!!”
ตี้ชานไม่ลืมส่งเสียงผ่านปราณไปกำชับเรื่องนี้กับตี้จิ่ว
ได้ยินคำของตี้ชาน ใจตี้จิ่วก็จมลงทันที
ตอนแรกมันคิดว่าหลังฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้ว จะยึดตราผนึกมารมาเป็นของตัวเอง
แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้แล้ว
‘ช่างเถอะ…ตราผนึกมารนี่ถึงข้าได้มาก็คงครองไว้ไม่ได้นาน มิสู้ทำตามตาแก่ว่า ส่งมอบให้เบื้องบนไปเสีย คราวนี้ตอนข้ากับตาแก่ไปภูมิภาคเบื้องบน ก็จักได้รับการปฏิบัติอย่างดี!’
คิดถึงเรื่องนี้ตี้จิ่วก็คึกคักอักโขในใจนัก
ไม่ว่าจะเป็นมันหรือตี้ชาน ฐานะมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่เป็นดั่งสายเลือดขัตติยะ เพียงมีความพิเศษในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น
ทว่าในภูมิภาคเบื้องบนแล้ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บก็ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ ยังมีคุณค่าเท่าเทียมกับมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บทั่วๆไปเท่านั้น
ในเผ่าพันธุ์มังกรของภูมิภาคเบื้องบนนั้น…ไม่ต้องกล่าวถึงมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บด้วยซ้ำ เพราะมันมีแม้แต่มังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บ!
ในภูมิภาคเบื้องล่าง พวกมันคือว่าที่ประมุข และเหล่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บคนอื่นๆก็เป็นชนชั้นอาวุโส…น่าเสียดายที่ในเบื้องบนพวกมันแค่คนธรรมดาๆ!
แต่ถ้าหากมันได้รับตราผนึกมารล่ะก็…
เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดี เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนย่อมให้สิทธิประโยชน์พวกมันมากมาย!
สำหรับพวกมันแล้วนั่นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมนัก!
“วางใจได้เลยตาแก่…ตราผนึกมารนั่นต้องตกอยู่ในมือข้าแน่!!”
ตี้จิ่วตอบคำตี้ชานด้วยความมั่นใจ
“ข้าเชื่อในตัวเจ้า!”
ตี้ชานตอบกลับอีกครั้ง มันเองก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตี้จิ่ว
ไม่ว่าจะร่างกายอันแข็งแกร่งหรือด่านพลังที่ทะลวงไปถึงเซียนปฐพีขั้นต้น ก็เป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินกว่าอริยะเซียนขั้นกลางจะทำอันตรายใดๆได้ ความแตกต่างของทั้งคู่ กว้างไกลสุดห้วงฟ้าเวิ้งสมุทร!
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเลยเถอะ!
เมื่อคนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ได้ยินวาจามั่นมาดของตี้จิ่ว ก็เสนอให้ทั้งคู่ทำสัญญาประลองเป็นตายทันที ทั้งยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยอยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอย่างไร
“สัญญาประลองเป็นตาย? เอาสิ ลงนามก็ลงนาม”
น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แยแส
คล้ายต่อให้ตอนนี้เขาไท่ซานจะถล่มลงตรงหน้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่สะทกสะท้าน!
“ดี! …ช้าก่อน! ไม่ใช่แค่นั้น!”
ขณะที่ตี้จิ่วกล่าวคำ ดี ออกมาไม่ทันไร มันพลันได้ยินคำของตี้ชานส่งตรงถึงหูจึงกล่าวเปลี่ยนคำทันที
ทันใดนั้นทุกสายตา ก็หันไปมองตี้ติ่วทันที ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่เว้น
“การประลองเป็นตายระหว่างข้ากับเจ้าวันนี้ ไม่เพียงพวกเราต้องสาบานว่าจะสู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้าง ยังต้องกล่าวคำสาบานว่าจะสู้กันด้วยพลังฝีมือของตัวเอง! ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเด็ดขาด! และหากมีผู้ใดสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ…ผู้ที่ถูกช่วยเหลือจักถูกฟ้าพิฆาตตายตก!!
ตี้จิ่วมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ได้ยินคำของตี้จิ่ว ผู้คนในที่นี้ถึงกับตะลึงไปทันใด
เพราะหากกล่าวคำสาบานตามที่ตี้จิ่วว่าจริงๆ นั่นหมายความว่าต่อให้ต้วนหรูเฟิงยื่นมือเข้าช่วยต้วนหลิงเทียนในห้วงวิกฤตเป็นตาย แต่ต้วนหลิงเทียนที่ถูกช่วยเอาไว้ก็จะถูกฟ้าผ่าตายอยู่ดี!
จังหวะนี้ทุกสายตาหันไปตกยังร่างต้วนหรูเฟิง
สีหน้าของต้วนหรูเฟิงเองก็แปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง หากแต่พริบตาก็หวนกลับมาเหมือนเดิม
เมื่อตี้จิ่วสังเกตเห็นสีหน้าต้วนหรูเฟิงมันก็คลี่ยิ้มสดใสออกมาทันที เพราะเห็นได้ชัดว่ากระทั่งจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิงผู้ยิ่งใหญ่…ที่แท้ก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวบุตรชาย!
หาไม่แล้วหน้าคงไม่เปลี่ยนสีหลังได้ยินคำของมันแบบนี้!
ตี้ชานเองก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของต้วนหรูเฟิงเช่นกัน
กระทั่งกู่มี่กับกู่ลี่ที่เผยความหวั่นหวาดออกมาเต็มใบหน้า มันก็สังเกตเห็นได้ชัดเจน!