อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 721 ศึกใหญ่
ช่างเถอะ

แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะไร้น้ำใจไร้คุณธรรมกับเขา แต่เขากลับไม่อยากจะเห็นนางต้องตาย

เวินเส้าหยีถอนหายใจเบาๆ ติดตามอยู่ข้างกายสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสอง ตามพวกเขาเดินทางไปข้างหน้า เขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่ากู้ชูหน่วนจะใช้วิธีการใดในการหนีเอาตัวรอด

ที่นี่เดิมทีก็เป็นพื้นที่สูงชัน กู้ชูหน่วนยังคงเดินขึ้นไปบนยอดเขา ทันใดนั้นเวินเส้าหยีก็กวาดตามองไปยังข้อมือของกู้ชูหน่วนที่มีเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ใช้ลำตัวพันเอาไว้ ทันใดนั้นก็เหมือนจะคิดออกว่านางต้องการจะทำอะไร

เป็นดังคาด กู้ชูหน่วนยืดตัวบิดขี้เกียจ พลางมองสำรวจไปบริเวณหน้าผา พลางถอนหายใจและพูดว่า “ทิวทัศน์ที่นี่ดีเหลือเกิน ถ้าหากไม่มีกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้นคงจะดีกว่านี้มาก”

“ให้เวลาอีกครึ่งก้านธูป ถ้าหากเจ้ายังไม่มอบมุกมังกรกับกุญแจมา ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา ทำให้เจ้าไม่สามารถชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามของที่นี่ได้อีก”

“ได้ สาวน้อยขอน้อมรับบัญชา”

กู้ชูหน่วนก้าวเท้าออกไป เดินต่อไปข้างหน้า และฮัมเพลงตลอดทางไม่หยุด

ในขณะที่ทุกคนไม่ทันระวังตัว กู้ชูหน่วนก็กระโดดขึ้น พุ่งลงไปที่หน้าผา

เวินเส้าหยีส่ายหน้า

กระโดดลงไปในหน้าผาที่สูงชันเป็นวิธีการที่ดีจริง แต่เสียดายนางประเมินความสามารถของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ต่ำไปแล้ว

เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งวาบผ่าน ฝ่ามือของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่ราวกับมีชีวิต มีเถาวัลย์สีเขียวที่มีความยาวมากกว่าสิบจั้งผุดออกมา

เถาวัลย์ราวกับงูเขียวตัวหนึ่ง เลื้อยออกไป กระทั่งตวัดรัดตัวกู้ชูหน่วนที่กำลังร่วงหล่นลงไปเอาไว้ แล้วดึงนางขึ้นมา วางไว้ข้างหน้าผา แล้วจึงกลับเข้าไปในฝ่ามือของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ คนที่ความรู้สึกช้าแทบจะตั้งตัวไม่ทันเสียด้วยซ้ำไป

หัวใจของกู้ชูหน่วนกระตุก แต่ใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นหวาดกลัว เอาแต่ตบหน้าอกตนเองไม่หยุด เอ่ยเสียสั่นเครือว่า”อันตรายมาก เกือบจะตกลงไปจนร่างแตกสลายเป็นผุยผงแล้ว ต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยไว้ ”

สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองนิ่งอึ้ง

คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่นางจงใจกระโดดลงไปยังหน้าผาชัดๆ

กู้ชูหน่วนจึงแก้ต่างอย่างจริงจังว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกท่านคงไม่คิดว่าข้าจงใจกระโดดลงไปกระมัง สมองของข้าไม่ได้มีปัญหา หน้าผาสูงชันขนาดนี้ ข้าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร”

“……”

เวินเส้าหยีเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม”เจ้าจงใจหรือไม่ เจ้ารู้แก่ใจดี ”

“หัวหน้าเผ่าน้อยเวินพูดเล่นหรือ แม้แต่แมลงตัวเล็กๆยังรักชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน ถ้าเป็นไปได้ ใครไม่อยากจะมีชีวิตอยู่”

“เอาล่ะ ข้าไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น “สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยตัดบทด้วยเสียงเย็นชา

“เดินข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว ไปเถอะ”กู้ชูหน่วนชี้ไปข้างหน้า ในใจกำลังคิดว่าจะหนีอย่างไร

ผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งสามารถควบคุมฝนได้ คนหนึ่งสามารถควบคุมเถาวัลย์ได้

ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด เหมือนนางจะหนีไปได้ไม่ไกลเลย

ใช้พิษ

พลังขั้นสูงสุดระดับหก ในตัวนางไม่มีพิษที่ร้ายแรงขนาดนั้น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กู้ชูหน่วนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

มองไปด้านหน้าที่มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ ราวกับกลิ่นเน่าเหม็นกำลังไหลเวียนอยู่ กู้ชูหน่วนใช้ไหวพริบ ชี้ไปด้านหน้า “มุกมังกรกับกุญแจข้าซ่อนอยู่ตรงนั้น”

ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้น ที่นั่นมีไอปีศาจรุนแรง กลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้ง เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก

แค่เมืองเล็กๆเท่านั้น ทำไมจึงมีไอปีศาจรุนแรงเช่นนี้

“ถ้าหากพวกท่านกลัว ไม่อยากเข้าไป ข้าก็ไม่ว่า “กู้ชูหน่วนแบมือ

“เจ้าซ่อนของไว้ที่นั่นจริงหรือ แล้วเจ้าเข้าไปได้อย่างไร”

“ข้าไม่ได้เข้าไป ผู้อาวุโสหกของเผ่าหยกเป็นคนบอกข้า เขาบอกว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่นี่เป็นพื้นที่ปิดและมีกลิ่นอายที่เป็นพิษ พวกท่านต้องหาที่นี่ไม่พบแน่ ฉะนั้นจึงเอามุกมังกร มาซ่อนไว้ที่นี่ก่อนชั่วคราว รอให้ดึงดูดพวกท่านไปทางอื่นแล้ว ค่อยกลับมาเอา เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด”

ผู้อาวุโสหก

หมายถึงผู้อาวุโสที่ชื่นชอบการดื่มเหล้าและเจ้าเล่ห์คนนั้นน่ะหรือ

ถ้าเป็นคนอื่น บางทีพวกเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าเป็นผู้อาวุโสหก บางทีเขาอาจจะซ่อนมุกมังกรไว้ที่นี่จริงๆ

“เอายังไง จะไปหรือไม่ “กู้ชูหน่วนทำปากชี้ไปทางที่ที่มีกลิ่นเหม็นปกคลุมอยู่

“ไป”

กู้ชูหน่วนเอายาสองเม็ดออกมาจากตัว หนึ่งเม็ดยื่นให้กับเวินเส้าหยี อีกหนึ่งเม็ดนางกินเอง

“ยากันพิษ เหลือแค่สองเม็ด”

เวินเส้าหยีคิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนี้จะให้ยาอีกเม็ดหนึ่งกับเขา นับว่านางยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง

เขามีพลังแค่ระดับที่หนึ่ง แทบจะรับรู้ไม่ได้เลยว่าข้างในนั้นอันตรายแค่ไหน แต่เขารู้ดีว่า ถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองก็สามารถรับมือได้อยู่ดี

เห็นแก่ยากันพิษเม็ดนี้ เวินเส้าหยีใจอ่อนลงอีกครั้ง ไม่ได้เปิดโปงเรื่องโกหกของกู้ชูหน่วน

ที่จริงแล้ว แม้เขาจะเปิดโปงนาง กู้ชูหน่วนก็คงจะหาเหตุผลต่างๆนานามาหลอกล่อสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองได้อีก

เมื่อเข้าสู่ป่าไอพิษ การมองเห็นก็เริ่มจะขุ่นมัวขึ้นมา ที่นี่มีไอหมอกหนามาก สามารถมองเห็นระยะทางด้านหน้าเพียงแค่หนึ่งถึงสองเมตรเท่านั้น

“เห็นหรือยัง ผู้อาวุโสหกซ่อนมุกมังกรเอาไว้ในถ้ำเล็กๆที่อยู่บนยอดเขาสูงสุดลูกนั้น”

ด้วยการมองเห็นที่ขุ่นมัว กู้ชูหน่วนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกเอาไว้ ชี้ไปยังสิ่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มหึมา

นางก็ไม่รู้ว่านั่นคือภูเขาหรือไม่ เพียงแต่พูดไปเรื่อยเปื่อยเช่นนั้นเอง

ไอหมอกหนามาก กลิ่นเหม็นรุนแรงจนพวกเขาต้องเคลื่อนพลังเพื่อต่อต้านเอาไว้

พวกเขาพยายามเพ่งมอง

ข้าหน้ามีภูเขาลูกใหญ่อยู่ลูกหนึ่งจริงๆ แต่ว่าภูเขาลูกนี้แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย ไม่รู้ว่าพืชสีเขียวเหล่านั้นเติบโตได้อย่างไร

ยิ่งเดินเข้าไป กู้ชูหน่วนกับเวินเส้าหยีแม้จะกินยากันพิษแล้ว แต่ก็รู้สึกจะต้านทานไม่ไหว

เมื่อเห็นว่ากลิ่นอายเน่าเหม็นมีความหนาแน่นมากขึ้น กู้ชูหน่วนก็ควักขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อโยนไปทางที่ที่มีไอเหม็นปกคลุมอยู่ มือหนึ่งก็ลากตัวเวินเส้าหยี วิ่งไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว

ไอเหม็นได้ระเบิดขึ้นมาทันที เมื่อพบกับสะเก็ดไฟ ไอเหม็นได้กลายเป็นทะเลเพลิง ไอลุกลามปกคลุมไปทั่วอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ

ยังมีเสียงระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่อง เสียงระเบิดโครมครามดังสนั่นไม่หยุด

สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที พวกเขาไหวร่างอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตาก็เคลื่อนไปยังปากทางเข้า

ขณะเดียวกันหนึ่งในนั้นได้ใช้เถาวัลย์พุ่งออกไปหวังเจาะทะลุหัวใจของกู้ชูหน่วน

ในขณะที่กำลังจะเจาะเข้าไปแล้วไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนทิศทาง เป็นการเจาะทะลุที่ไหล่

ส่วนอีกคนก็ใช้พลังของลมฝน เป่าเพลิงไหม้ที่ลุกลามข้างตัวเวินเส้าหยี ฝนห่าใหญ่ตกลงมา ลากตัวเวินเส้าหยีจากไปจากบึงที่เน่าเหม็น

พวกกู้ชูหน่วนก็รวดเร็วมาก แต่ถึงแม้จะเร็วแค่ไหนก็เร็วไม่เท่าไอเหม็นที่ระเบิดขึ้นมาและเถาวัลย์สีเขียวของสุดยอดผู้อาวุโสหยู่เย่

นางใช้ชีวิตเป็นเดิมพันโดยแท้

เมื่อเห็นเช่นนั้น ร่างกายก็พยายามเบี่ยงหลบ ค่อยๆหลบพ้นเถาวัลย์เขียว แต่เถาวัลย์เขียวเหมือนมีตา ยังคงโจมตีเข้ามา ความเร็วในแต่ละครั้งมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะพยายามสุดแรง ก็ไม่สามารถหลบเถาวัลย์เขียวได้

บริเวณหน้าอกถูกเถาวัลย์โจมตี นางรู้สึกว่ากระดูกซี่โครงหลายซี่เกือบจะหักแล้ว

“ฟิ้ว……”

เถาวัลย์สีเขียวยังคงโจมตีต่อเนื่อง ปลายเถาวัลย์เปลี่ยนเป็นใบมีดบาง ฟันลงไปตรงขาทั้งสองข้างของนาง

กู้ชูหน่วนอยากจะต่อต้าน แต่ทั้งร่างเหมือนถูกตรึงเอาไว้ ไม่ว่านางจะดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

ในรู้สึกตกใจ เบิกตากว้างมองดูเถาวัลย์เขียวที่ฟันลงมา ในใจอดที่จะเกิดความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาไม่ได้

ในขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทันใดนั้นก็มีเสียงตำหนิด้วยความโมโหดังขึ้น “ใครบังอาจทำร้ายนาง”

ตามติดจากเสียงอันเกรี้ยวกราด ก็เป็นบรรยากาศกดดันอันน่ากลัว

ฝ่ามือใหญ่ประทับลงมากลางอากาศ ฝ่ามือนั้นใหญ่โตราวกับภูเขา แผ่ความกดดันอันกลัวออกมา