GG:บทที่ 165 – ตงฮวงไป๋ลู่

ผู้วิเศษแห่งความตายต้องวางแผนทำงานนี้ให้ดี และวาดหวังว่าถ้ามันกลายเป็นงานสายลับนองเลือด ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

ณ อีกฝั่งหนึ่งของเมือง เย่ฮัวกลับมาจากเดินสูดอากาศพร้อมกับถือเอกสารในมือที่ได้มาจากเลี่ยกูมาด้วย นี่คือข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดที่เย่จีจี้จำเป็นต้องใช้เมื่ออยู่ในโลกมนุษย์ ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องไปรบกวนจิ่วเย่แล้ว เลี่ยกูมีทรัพยากรอยู่ในมือ และเริ่มใช้งานสมองเหมือนมนุษย์ได้บ้างแล้ว

เมื่อเดินกลับขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของเย่จีจี้กำลังตะโกนโวยวาย ในขณะที่ชิงหยาและชิงหยูตงนั่งเงียบกริบ

“ป้าทำอะไรของป้าเนี่ย” เสียงของอาหลี่ดังออกมาจากหูฟังของเธอ

เย่จีจี้โกรธจนหน้าเขียวตอนที่พูดออกไปว่า “อย่ามาเรียกฉันว่าป้านะ!”

“แต่ป้าเป็นน้องสาวของป้าชิง ทำไมผมจะเรียกป้าว่าป้าไม่ได้ล่ะ”

เย่จีจี้เจ็บใจจนตัวแทบระเบิด มีอย่างที่ไหนเรียกเด็กหญิงน่ารักๆ อย่างเธอว่าป้า สงสัยอาหลี่อะไรนี่คงสติไม่ค่อยดีเป็นแน่

ชิงหยาและชิงหยูตงได้แต่นั่งยิ้มอย่างพูดอะไรไม่ออก สังหรณ์อยู่แล้วว่าถ้าสองคนนี้ได้มาเจอกัน ฟ้าคงถล่ม ดินคงทลาย และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ด้วยความเจ็บปวดที่ถูกเรียกว่าป้า เย่จีจี้จึงพยายามเอาชนะอาหลี่ในการเล่นเกมส์ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายหนึ่งกลับมีฝีมือมากกว่าเธออยู่เล็กน้อย

ในจำนวนทีมผู้เล่นสี่คน พวกเขาสังหารทีมตรงข้ามได้ 96 คน แต่ 70 คนเป็นฝีมือของอาหลี่กับเย่จีจี้ทั้งสิ้น ส่วนอีก 20 กว่าคนทนไม่ไหว ขอกดออกจากเกมส์ไปเองด้วยความหวาดกลัว

นี่คือผลลัพธ์ที่เมื่อผู้เล่นสองคนนี้เข้าสู่ระบบ การฆ่าจะเกิดขึ้นเหมือนพายุสลาตัน ใครที่ดวงซวยเข้ามาเจอผู้เล่นทั้งสองคนนี้ ต่างก็ได้แต่คุกเข่าทำความเคารพและรอรับชะตากรรมความตายเท่านั้น

ชิงหยาและชิงหยูตงนอนดูเด็กหญิงเล่นเกมอยู่ด้านหลัง พวกเธอไม่คิดเลยว่าเย่จีจี้จะเล่นได้ดุดันขนาดนี้ ตอนแรกเด็กหญิงก็ยังไม่คุ้นมือเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอปรับตัวได้แล้ว เย่จีจี้ก็ลงมือสังหารคนในเกมส์ด้วยความอำมหิตอย่างยิ่ง

ในกลุ่มไลฟ์สด บรรดาคนดูต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“กัปตันไม่ใช่หัวหน้าทีมตัวจริงแล้วมั้งเนี่ย! เป็นผู้เล่นสองคนนี้มากกว่า ถ้าไม่อยากทำให้เกมส์เสียอารมณ์ กัปตันรีบฆ่าพวกเขาทิ้งไปเถอะ”

“เก่งเกินไปแล้ว บอกให้กัปตันฆ่าพวกเขาทิ้งไปซะ”

“กัปตันมัวทำอะไรอยู่เนี่ย ดูแล้วเสียอารมณ์ชะมัด”

บนหน้าจอกำลังแสดงภาพของกัปตันทีมกำลังยกมือกุมท้องด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย รู้สึกปวดท้องยังไงไม่รู้ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

หลังจากพูดประโยคนี้ออกมาแล้ว บนหน้าจอก็กลายเป็นสีดำสนิท ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้ที่เป็นกัปตันทีม ก็ไม่อยากเข้ามาขัดขวางจอมสังหารทั้งสองคนนี้

ในกลุ่มไลฟ์สดเกิดความโกลาหลขึ้นทันที

“กัปตันหนีไปแล้วว่ะ!”

“อย่าไปว่ากัปตันแกเลย น่าจะไม่สบายจริงๆ นั่นแหละ”

“ฉันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่เจ้าสองคนนี้ทำให้เกมส์เสียสมดุลไปหมด กัปตันก็เลยแกล้งปวดท้อง เพราะไม่อยากเป็นคนที่ต้องเข้ามาจัดการมากกว่า”

“ได้ข่าวว่าวันนี้หยูตงจะมาสตรีมด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันนี่รอดูเธอเลยล่ะ อยากรู้จริงว่าหยูตงจะทำยังไง ส่วนฉันน่ะเหรอ ไม่รู้จะจัดการเจ้าสองคนนี้ยังไงแล้ว ฝีมือแม่งเทพเกินไป”

“ไปดูทีมอื่นเล่นสนุกกว่าเยอะ”

“ไปก่อนล่ะ โชคดีนะทุกคน”

เมื่อเห็นจำนวนคนดูในกลุ่มไลฟ์สดลดลงเรื่อยๆ ผู้เป็นกัปตันทีมก็รู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง คนพวกนี้เรียกร้องอะไรที่เกินตัวเหลือเกิน จะให้ฆ่าทั้งสองคนนี้ทิ้งน่ะหรือ…สู้ออกจากเกมส์มาเองยังง่ายกว่าเป็นไหนๆ

แต่ว่าตอนนี้…

อาหลี่กับเย่จีจี้ยังคงออกล่าเหยื่อในเกมส์ต่อไป ใครก็ตามที่บังเอิญพบเจอพวกเขา จะต้องถูกสังหารทิ้ง

มันกลายเป็นเกมส์ที่เล่นสนุกกันอยู่แค่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่ใครๆ ก็มาเล่นได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเก่งกล้ามากแค่ไหน แต่เมื่อมาเจออาหลี่กับเย่จีจี้ก็ต้องพ่ายแพ้ทั้งสิ้น

แน่นอนว่าบริษัทเกมพบเห็นความผิดปกตินี้ แต่พวกเขากลับไม่พบเจอความผิดปกติใดๆ ในบัญชีผู้เล่นทั้งสองบัญชีที่เป็นปัญหา มีการเรียกประชุมทีมช่างเทคนิคอย่างเร่งด่วน เพื่อวิเคราะห์ว่าทำไมผู้เล่นทั้งสองคนนี้ถึงเก่งเกินคนอื่นไปมากมาย

แต่ถึงจะทำงานล่วงเวลาและไม่ได้กลับบ้านไปแรมเดือน ทีมวิศวกรผู้สร้างเกมส์ก็ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลได้อยู่ดี

เย่ฮัวยืนมองเย่จีจี้เล่นเกมส์อยู่ข้างหลัง เธอแอบใช้พลังโกงเกมเขาไม่แปลกใจ แต่ที่เย่ฮัวแปลกใจก็คือ อาหลี่กลับมีฝีมือเทียบเคียงเย่จีจี้ ซึ่งนี่แหละคือปริศนาที่แท้จริง

กลางทะเลทรายของแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ที่นี่ไม่มีที่ให้หลบร้อนหลบหนาว คนธรรมดาที่เดินเข้ามาในทะเลทรายแห่งนี้ จะต้องตายและกลายเป็นอาหารสำหรับนกแร้งในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน

ภายใต้แสงจันทรา คนสองคนเดินเข้ามาในทะเลทรายแห่งนี้ ถึงอากาศจะร้อนอบอ้าว แต่พวกเขากลับสวมใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่

หลังจากเดินอยู่ครึ่งค่อนคืน ทั้งสองคนก็หยุดเท้า หนึ่งในสองถูมือเป็นจังหวะ ก่อให้เกิดเป็นประตูหยดน้ำสว่างไสวขึ้นเบื้องหน้า และเมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น ทะเลทรายก็กลับมาอยู่ภายใต้ความสงบที่ปราศจากผู้คนอีกครั้ง

ชายทั้งสองคนถอดเสื้อคลุมออกและสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดออกมาว่า “ที่นี่อากาศยังดีอยู่ ส่วนอากาศในโลกมนุษย์ไม่ไหวเลยจริงๆ สูดดมเข้าไปมีแต่สารพิษทั้งนั้น”

“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์ราชินีไงล่ะ ช่างเป็นบุญหัวของพวกเราเหลือเกิน”

“ถูกต้อง ถ้าในชีวิตนี้ข้ามีวาสนาได้เห็นองค์ราชินีสักครั้งนะ ข้าจะไม่เสียใจอะไรอีกแล้ว”

หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เงยหน้ามองไปยังยอดเขาสูงที่อยู่เบื้องหน้า สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและเลื่อมใส ยิ่งไปกว่านั้น ชายสองคนนี้ถึงกับคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์ราชินีของพวกเขาทันที

บนยอดเขาเขียวขจีที่เต็มไปด้วยความเวิ้งว้างว่างเปล่า และมีก้อนเมฆปกคลุมอย่างหนาแน่น กลับมีปราสาทขนาดใหญ่ถูกก่อสร้างขึ้นอยู่บนทุกๆ ยอด ปราสาทเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของพระราชวัง ที่เป็นตัวแทนแห่งพลังและอำนาจ

ณ ยอดเขาที่สูงที่สุด เป็นที่ตั้งของปราสาทที่สวยงามที่สุด ตัวประสาทถูกแกะสลักให้เป็นรูปร่างของมังกรโบราณ เสาหยกขาวขนาดใหญ่มีมังกรแปดตัวม้วนพันพร้อมกับอ้าปากกางกรงเล็บ เกล็ดบนตัวเป็นประกายแวววาวท่ามกลางสายลมและก้อนเมฆ ช่างเป็นภาพที่มหัศจรรย์อย่างอธิบายไม่ถูก

บนท้องฟ้าเหนือปราสาท มีน้ำตกสายหนึ่งไหลลงมา เสียงของน้ำตกดังเบาไม่เท่ากัน ฟังแล้วไพเราะเสนาะหูเหมือนเสียงดนตรี

ปราสาทแห่งนี้รายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว แว่วเสียงหรีดหริ่งเรไร เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะได้ยินเสียงลมพัดแผ่วเบาบรรเลงประกอบ

สายน้ำจากน้ำตกไหลผ่านลงไปสู่หุบเขาเบื้องล่าง หล่อเลี้ยงทุ่งหญ้าเขียวขจี ก่อนที่จะไหลเข้าไปสู่กลุ่มก้อนเมฆและหายลับไปในที่สุด

ในขณะนี้ มีกลุ่มคนยืนรวมตัวกันอยู่หน้าปราสาทหลังนี้ พวกเขาเป็นชายชราแปดคนที่นั่งคุกเข่าก้มคำนับ รอคอยด้วยความอดทน

บริเวณหน้าประตู มีองครักษ์สี่นายสวมใส่เสื้อคลุมสีทอง พร้อมด้วยชุดเกราะสีเงินวาว ไอสังหารลอยออกมาจากร่างของพวกเขาตั้งแต่ไกล

หลังจากรออยู่ครึ่งค่อนคืน หนึ่งในองครักษ์ก็ตะโกนออกมาว่า “เชิญเข้าไปได้!”

ผู้เฒ่าทั้งแปดคนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในปราสาททันที

ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่ใจกลางปราสาท เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยที่มีสง่าราศีแตกต่างจากคนทั่วไป เธอสวมใส่มงกุฎที่เป็นรูปร่างของมังกรกับนกฟีนิกซ์ ถึงแม้ว่าองค์ราชินีจะมีดวงตาที่สวยงามมาก แต่ทั่วกายกลับปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เสื้อคลุมสีม่วงลวดลายมังกรสวยงามที่องค์ราชินีสวมใส่อยู่ กลายเป็นน้ำแข็งที่มียอดแหลมชี้ชันออกมา

นี่คือสตรีประเภทที่จะทำให้บุรุษลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น!

เธอมีชื่อว่าตงฮวงไป๋ลู่!

“ถวายบังคมฝ่าบาท” แปดผู้เฒ่าย่อกายลงทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง

ดวงตาที่สวยงามของตงฮวงไป๋ลู่ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มีแต่ความเย็นชา เธอยกมือขึ้นช้าๆ แทบจะเรียกว่าเป็นการโบกมือไม่ได้ด้วยซ้ำ

ชายชราทั้งแปดคนลุกขึ้น และแยกกันยืนเป็นสองฝั่ง

“หยวนเต๋อ มีเรื่องอะไรรึ? ทำไมถึงต้องมาเข้าพบกลางดึกขนาดนี้” ตงฮวงไป๋ลู่ถาม

ชายชราร่างแคระก้าวออกมาข้างหน้าและประสานสองมือไว้ด้วยกัน “กราบทูลฝ่าบาท มีปีศาจอยู่ในโลกมนุษย์พะย่ะค่ะ”

“เจดีย์เก้าปีศาจไม่นับว่าเป็นปีศาจจริงๆ สักหน่อย” ตงฮวงไป๋ลู่พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ และเธอก็ไม่ได้มีทีท่าใส่ใจแม้แต่น้อย

“กระหม่อมไม่ได้พูดถึงเจดีย์เก้าปีศาจ แต่กระหม่อมพูดถึงเด็กหญิงที่ถือเจดีย์เก้าปีศาจอยู่ในโลงศพต่างหากพะยะค่ะ!”