บทที่ 836 ใครจะกล้ารังแกข้า

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

แต่รัศมีดังกล่าวเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น!

เป็นภาพลวงตาจากความร้อนแรงที่แผ่ออกมาจากเปลวเพลิงดารานิรันดร์ภายในกายของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มยังไม่อาจใช้พลังระดับดาวพระเคราะห์ได้ในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะระเบิดตัวเองด้วยระดับปราณในปัจจุบัน หวังเป่าเล่อก็ทำได้เพียงสร้างความเสียหายให้ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เท่านั้น ไม่อาจจะสังหารอีกฝ่ายได้

แต่มันก็ไม่ได้ลดความน่ากลัวที่คนอื่นรู้สึกกับเขาแม้แต่น้อย หวังเป่าเล่อผู้ที่แผ่ความร้อนของเปลวเพลิงดารานิรันดร์ออกมานั้น อย่างน้อยๆ ก็ยังสามารถสร้างความกลัวเกรงให้ศัตรูของตนได้อยู่บ้าง

ผลลัพธ์อาจจะดียิ่งขึ้นอีกหากชายหนุ่มใช้บทสวดแห่งเต๋าและเปลวเพลิงดารานิรันดร์พร้อมๆ กัน

หวังเป่าเล่อประเมินเปลวเพลิงดารานิรันดร์ที่ลุกโชนอยู่ภายในกาย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเปี่ยมสุข ชายหนุ่มดึงเอาฝ่ามือของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แห่งตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาตัดเก็บไว้ออกมา โดยวางแผนที่จะหลอมมันเสียเดี๋ยวนั้นเลย

ทันทีที่ข้าหลอมสำเร็จ ข้าก็จะมีพลังยุทธ์ระดับดาวพระเคราะห์ในครอบครอง! หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังยิ่ง ชายหนุ่มจะใช้สิ่งนี้เป็นไพ่ตายของเขาในช่วงเวลาต่อจากนี้ ณ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ วิชานี้อาจช่วยรักษาชีวิตเขาเอาไว้เลยก็ว่าได้!

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน การเดินทางของหวังเป่าเล่อใกล้ถึงจุดสิ้นสุด กองทัพของเขาค่อยๆ เดินทางมาถึงเส้นเขตแดนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะเข้าสู่อาณาเขตของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แล้ว

หลังจากใช้เวลาหนึ่งเดือนไปกับการฝึกหลอมอย่างหนัก หวังเป่าเล่อก็หลอมฝ่ามือได้สำเร็จ ชายหนุ่มเก็บฝ่ามือเอาไว้ในเปลวเพลิงดารานิรันดร์ในกายและเริ่มหล่อเลี้ยงฝ่ามือนั้นด้วยเปลวไฟ

สิ่งที่ข้าต้องทำต่อไปก็คือดูแลหล่อเลี้ยงมัน ยิ่งทะนุบำรุงฝ่ามือนี้นานเท่าใด พลังของมันก็จะยิ่งเพิ่มพูน จนกระทั่งกลับไปอยู่ในจุดสูงสุดของมันอีกครั้ง!

หวังเป่าเล่อจ้องมองฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ในเปลวเพลิงดารานิรันดร์ของตน หัวใจของเขาลิงโลดอย่างยิ่ง ชายหนุ่มกระจายสัมผัสเทพออกไปสำรวจ ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วยกมือขวาขึ้นโบก กองเรือบินรบนับหมื่นลำของเขาไหลมารวมกัน เหลือไว้เพียงเรือบินรบไม่กี่สิบลำ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเก็บกองเรือทั้งหมดเอาไว้ในกระเป๋าคลังเก็บ เรือบินรบที่เหลือถูกปล่อยเอาไว้เพราะมีสภาพเก่าคร่าและผุพัง หวังเป่าเล่อจึงปล่อยให้เรือบินรบเหล่านั้นพร้อมทำการต่อไป กองทัพทั้งหมดของเขาจึงมองดูคล้ายว่าเพิ่งจะรอดกลับมาจากการสำรวจอันยากลำบาก

หวังเป่าเล่อยังคงไม่พอใจกับภาพลักษณ์ของกองทัพขณะที่ขบวนเรือบินรบของเขาเริ่มเคลื่อนเข้าสู่เขตอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ชายหนุ่มจึงขยับเรือบินรบไปต่อกันให้ดูโทรมยิ่งขึ้น เขายังสะกดกั้นพลังอันรุนแรงของเรือบินรบเวทเอาไว้ด้วย กดเอาไว้มากเสียจนรู้สึกเหมือนเป็นเรือบินรบธรรมดาเท่านั้น

เอาแบบนี้ดีกว่า หวังเป่าเล่อมองดูผลลัพธ์ด้วยความพึงพอใจเป็นอันมาก จากนั้นชายหนุ่มจึงคุมบังเหียนเรือบินรบเวทแล้วเบนทิศทางเข้าไปสู่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เขาไม่ได้กลับไปพบผู้คุมกฎแห่งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำแทน

“สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำออกหมายจับข้ามิใช่หรือ มาดูกันว่าไอ้โง่คนใดจะบ้าพอมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า ข้าไม่สนจะได้เจอกองทหารกองไหนของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ข้าจะให้พวกมันได้ลิ้มรสพลังของข้าดูเสียหน่อย!” หวังเป่าเล่อเชิดคางขึ้นอย่างโอหังพลางขับเรือบินรบมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เจ้าอู๋น้อยและเจ้าลาที่อยู่ข้างกายเขาต่างพากันเมียงมองด้วยความตื่นเต้น

ทว่าหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ดังใจหวัง ชายหนุ่มไม่ได้เข้าไปในอาณาเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำลึกมากพอ หาไม่แล้ว เขาคงไม่เพียงไปท้าทายกองทัพของสำนักเท่านั้น แต่จะถือเป็นการท้าทายปรมาจารย์ของสำนักด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มเตร็ดเตร่อยู่ในอาณาเขตด้านนอกของผู้คุมกฎสำนักและไม่ได้พบกองทหารใดๆ เลย หวังเป่าเล่อรู้สึกผิดหวังเล็กๆ และตัดสินใจเดินทางจากมา เมื่อนั้นเองสวรรค์ก็เลือกที่จะให้พรหวังเป่าเล่อ ไม่นานหลังจากที่ชายหนุ่มตัดสินใจจะถอยและหันกองเรือกลับ ก็มีกองทัพขนาดมหึมาปรากฏขึ้นในอวกาศ ประจันหน้าอยู่กับกองทัพของเขา!

กองทัพแปลกหน้านั้นดูยิ่งใหญ่ เรือบินรบสีดำขลับแผ่รัศมีอันทรงพลังและอันตรายออกมาไม่หยุดหย่อน พวกมันเดินหน้ากันเข้ามาราวกับเป็นคมกระบี่ที่ตัดทะลุอากาศ เห็นได้ชัดว่ากองทัพนี้ไม่เคยหลบเลี่ยงใครหน้าไหน ผู้ที่ขวางทางต่างหากที่จะต้องหลีกทางให้

รัศมีของผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะสามคนไหลบ่าออกมาจากกองเรือ ผู้ที่สัมผัสได้ถึงรัศมีนั้นล้วนรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ต่อหน้าเทพยดาสามพระองค์ พลางรู้สึกทึ่งกับพลังอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา อีกรัศมีหนึ่งยืนอยู่ห่างออกมาจากรัศมีทั้งสามนั้น…แถมยังทรงพลังเสียยิ่งกว่า

รัศมีนั้นเป็นของ…ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ!

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและพลันสังเกตเห็นเรือบินรบรูปร่างแปลกตาที่อยู่ตรงกลางกระบวนเรือ เรือบินรบลำนั้นมีหน้าตาเหมือนอสูรร้าย รูปร่างคล้ายเสือดำ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรือบินรบเวทเช่นกัน!

กองทหารผ่าดำเช่นนั้นหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อทอประกาย ชายหนุ่มไม่ใช่คนโง่งมที่เพิ่งจะเข้าร่วมสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และรู้เรื่องสำนักใหญ่อีกสองสำนักเพียงน้อยนิดอีกต่อไป เขารู้ว่ามีกองทัพที่อยู่ภายใต้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่อยู่ในอันดับที่สามของกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด นำโดยเรือบินรบเวทที่รูปร่างเหมือนเสือดำ นามของกองทหารนั้นก็คือ…กองทหารผ่าดำ

“ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคนหนึ่งและขั้นแสร้งอมตะอีกสามคน…ลืมไปเสียเถอะ ข้าไม่ได้มีความแค้นใดๆ กับกองทหารผ่าดำ ยิ่งไปกว่านั้นกองทหารของพวกเราก็มีชื่อคล้ายคลึงกัน มีคำว่า ‘ผ่า’ อยู่ในชื่อทั้งคู่ นับว่าเป็นโชคชะตาที่ต้องกัน ข้าจะปล่อยพวกเขาไปก็แล้วกัน” หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอก่อนจะเมินเฉยต่อสีหน้างุนงงของเจ้าอู๋น้อยกับเจ้าลา ชายหนุ่มกุมบังเหียนเรือบินรบเวทและบรรดาเรือบินรบข้างเคียงก่อนจะหลบทางให้กองทหารผ่าดำ

กองทหารผ่าดำเคลื่อนพลผ่านกองทัพของหวังเป่าเล่อทันทีที่อีกฝ่ายเปิดทางให้ พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าแล้วกำลังจะผ่านชายหนุ่มไป แต่หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะแผ่สัมผัสเทพของนางออกมา ก่อนสัมผัสถูกกายของหวังเป่าเล่อ น้ำเสียงอันเปี่ยมโทสะและเสียงคบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังลั่นจักรวาลทันทีหลังจากการกวาดสัมผัสคร่าวๆ นั้น

“หลงหนานจื่อ!”

ใครบางคนกระโจนออกมาจากกองเรือบินรบของกองทหารผ่าดำ เรือบินรบนั้นเป็นหนึ่งในลำที่แข็งแกร่งที่สุดในกระบวน เป็นรองเพียงเรือบินรบเวทเท่านั้น ใครคนนั้นเป็นสตรี นางก็คือ…อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกนั่นเอง!

กองทหารมังกรหยดหมึกถูกหวังเป่าเล่อทำลายจนราบคาบ ต่อให้พวกเขากลับมารวมตัวกันใหม่ ก็คงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะยิ่งใหญ่เช่นก่อน กองทหารผ่าดำสบโอกาส จึงรวบเอาเศษซากกระจัดกระจายของกองทหารมังกรหยดหมึกเข้ากับกองทัพหลักของตน อดีตผู้บัญชาการของกองทหารมังกรหยดหมึกเข้าร่วมกองทหารผ่าดำด้วยเช่นกัน นางกลายมาเป็นรองผู้บัญชาการลำดับสามของกองทหารนี้

สตรีนางนั้นจำกระบวนเรือของหวังเป่าเล่อได้ นางจึงได้ใช้สัมผัสเทพสำรวจออกไป ความรู้สึกเกลียดชังที่นางมีต่อหวังเป่าเล่อปะทุขึ้นมาทันทีที่สัมผัสตัวตนของเขาได้

ประกายเหี้ยมโหดสะท้อนผ่านนัยน์ตาของหวังเป่าเล่อ เป้าหมายของชายหนุ่มคือการได้ระบายความหงุดหงิดจากการถูกไล่ล่าในวันนั้นออกมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เขายังยอมเปิดทางให้กองทหารผ่าดำ เป็นสตรีบ้านางนี้ที่คนกระโจนออกมาจากเรือบินรบแล้วหาเรื่องเอง แม้จะมีประกายดุร้ายสะท้อนในดวงตา หวังเป่าเล่อก็พยายามควบคุมตนเองก่อนจะขับเรือบินรบจากไป

“กองทหารผ่าดำ ข้าหลงหนานจื่อ ผู้บัญชาการกองทหารผ่าวิญญาณแห่งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ข้าเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการสำรวจแดนไกล ข้าได้เปิดทางให้ท่านแล้ว ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน โปรดอย่าหาเรื่องกันนักเลย!” เสียงของหวังเป่าเล่อฟังดูโมโห แต่ก็คล้ายกับว่าชายหนุ่มกำลังจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ เหมือนกำลังตื่นตระหนก

ไม่ว่าใครที่ได้ยินเสียงของหวังเป่าเล่อก็ย่อมต้องคิดว่าชายหนุ่มกำลังตื่นตระหนก เป็นเหตุให้ต้องใช้นามของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ในการจะหลุดรอดออกจากปัญหาที่ต้องเผชิญ

การแสดงของเขาได้ผล ความเกรี้ยวกราดปะทุขึ้นในดวงตาของอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกดั่งเปลวไฟ นางแทบจะคุมตนเองไม่อยู่ ขณะที่กวาดสายตาลงไปยังเรือบินรบเวทตรงที่ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำนั่งอยู่

“ผู้บัญชาการเจ้าคะ!” น้ำเสียงอันสั่นเครือของนางก้องออกไป ไม่กี่อึดใจต่อมา น้ำเสียงเรียบเฉยก็ดังออกมาจากเรือบินรบเวทของกองทหารผ่าดำ

“หลงหนานจื่อพยายามจะขโมยความลับของกองทหารผ่าดำ จับตัวมันเอาไว้!”

อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกลิงโลดใจยิ่งเมื่อได้ยินคำสั่งของผู้บัญชาการคนปัจจุบัน นางพุ่งตัวออกไปหาหวังเป่าเล่อทันที ผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะอีกสองคนของกองทหารผ่าดำก็พุ่งออกจากเรือบินรบและรีบรุดเข้าหาหวังเป่าเล่อราวกับเป็นดาวหางสองดวง

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว การจับกุมหวังเป่าเล่อย่อมต้องง่ายดาย เพราะมีผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะรุมโจมตีชายหนุ่มถึงสามคน การต่อสู้นี้คงจะรู้ผลในชั่วพริบตาเดียว

หวังเป่าเล่อหัวเราะขณะที่จ้องมองทั้งสามพุ่งเข้ามาใส่ ที่ชายหนุ่มควบคุมตัวเองเอาไว้เมื่อครู่เพราะอยากดูเป็นคนมีเหตุมีผลและต้องการดูท่าทีของกองทหารผ่าดำที่มีต่อตัวเขา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ดังนั้นจึงอาจดูไม่ควรนักหากหวังเป่าเล่อจะลงมือก่อน แต่มาบัดนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว

หวังเป่าเล่อแสยะยิ้มก่อนจะกระจายตัวเป็นหมอก มาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่นอกเรือบินรบเวทและส่งกำปั้นพุ่งเข้าใส่อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก!

“ไสหัวไปเสีย!” พลังขั้นแสร้งอมตะปะทุขึ้นจากร่างของหวังเป่าเล่อเมื่อเขาส่งกำปั้นออกไป กำปั้นนั้นทรงพลังราวกับเป็นพายุหมุน อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกนัยน์ตาเบิกโพลง ก่อนจะรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อกำปั้นของหวังเป่าเล่อกระแทกเข้าใส่นาง จักรวาลทั้งหมดสั่นสะเทือนก่อนจะเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่น พลังวิญญาณกระเพื่อมไปทั่วเอกภพ อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกตัวสั่นเทิ้มรุนแรง นางรู้สึกถึงแรงกระแทกมหาศาลที่ไหลบ่าผ่านกายนางไป ก่อนจะกระอักเอาเลือดออกมาเต็มปากและปลิวถอยหลังไปไกลราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดเชือก

ภาพนั้นทำเอาผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะอีกสองคนผงะด้วยความตกตะลึง ก่อนจะหรี่ตาลง ทันใดนั้นเอง เสียงของผู้บัญชาการก็ดังกระหึ่มออกมาจากเรือบินรบเวทของกองทหารผ่าดำ

“กองทหารผ่าดำทั้งหมดเข้าประจำที่ ไม่ต้องไว้ชีวิตมัน ให้สังหารมันทันทีที่จับกุมตัวได้!” เมื่อคำสั่งนั้นขาดคำ เรือบินรบนับพันของกองทหารผ่าดำก็ส่งเสียงร้องคำรนขณะที่ขยับเข้าประจำที่ ตั้งใจจะล้อมหวังเป่าเล่อเอาไว้ให้มิด

“คนที่จะต้องตายคือเจ้าต่างหาก!” หวังเป่าเล่อเหยียดยิ้มขณะที่ยืนอยู่บนเรือบินรบเวท พลางกวาดสายตามองสนามรบ

“กองทัพของพวกเจ้าก็ใหญ่ใช่เล่น แต่กองทัพของข้าก็ไม่ใช่ย่อยเช่นกัน!” หวังเป่าเล่อก็ส่งกระบวนเรือบินรบทำลายตนเองพุ่งออกไปด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว เรือบินรบทำลายตัวเองกว่าหมื่นลำเข้าไปล้อมกองกำลังของศัตรูเอาไว้!

ความเงียบสงัดราวป่าช้าปกคลุมสนามรบในบัดดล ผู้ฝึกตนจากกองทหารผ่าดำที่หยิ่งผยองและดูถูกหวังเป่าเล่ออยู่เมื่อครู่ มาบัดนี้ต่างก็พากันนิ่งงัน

หากมองดูสนมรบจากที่ไกลๆ…ก็จะเห็นว่า กองทหารผ่าดำไม่ได้ล้อมหวังเป่าเล่อไว้อีกต่อไป แต่เป็นกองทหารผ่าวิญญาณของหวังเป่าเล่อต่างหากที่ล้อมอีกฝ่ายเอาไว้จนหมด!

“เจ้าคิดจะรังแกข้าอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อเพ่งมองออกไปไกลตรงบริเวณที่กองทหารผ่าดำตั้งอยู่ ก่อนจะถามขึ้นอย่างเยือกเย็น

 ………………………………..