ตอนที่ 193 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 193 เยือนต่างถิ่นอีกครั้ง (1)
“ต้องไปด้วยเหรอ?” ลั่วจื่อหานรับกระเป๋าเดินทางของอี้เป่ยซี น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
อี้เป่ยซีถูมือที่เย็นเฉียบ ยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ “ฉันก็ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้นี่นา นายวางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดี อีกอย่าง คุณแม่อี้บอกแล้วว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนฉัน นายมีอะไรน่าเป็นห่วงกัน”
ลั่วจื่อหานนั่งอยู่ที่เบาะคนขับไม่พูดไม่จา เด็กสาวรีบเข้าไปในรถทันที ความหนาวเย็นในร่างกายสั่นไหวอยู่ในอากาศที่อบอุ่นแล้วหายไปในพริบตา
‘กล่อมยากจังเลย’ อี้เป่ยซีส่ายหัวอยู่ในใจ เธอก็ไม่อยากออกนอกประเทศหรอกนะ ประเทศ U ไม่ได้อบอุ่นเหมือนประเทศ C สักหน่อย แต่ว่าทำไงได้ล่ะ งานสัมมนาครั้งนี้จะมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมายที่ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการบรรยาย เธอได้โควต้ามาจากอาจารย์ด้วยความยากลำบาก จะทิ้งโอกาสที่ดีแบบนี้ไปได้อย่างไร
‘ก็แค่สิบกว่าวันเอง ยังกลับมาฉลองปีใหม่กับเขาทันน่า’ อี้เป่ยซีพยักหน้า
“เอ๊ะ ลั่วจื่อหาน นายอย่าน้อยใจไปเลยน่า เหมือนเด็กเลย เชื่อฟังนะ”
ลั่วจื่อหานเม้มปาก ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้อีเป่ยซีจากไป เขารู้อยู่แล้วว่าโอกาสครั้งนี้มันทั้งยากและมีค่าต่อเธอแค่ไหน แต่ว่าการที่เธอไปประเทศ U ตามลำพัง มันก็…
ธุระที่ประเทศ U ยังไม่เสร็จดี เขาจะวางใจให้อี้เป่ยซีไปคนเดียวได้อย่างไร แต่ถ้าเขาไปกับเธอก็ไม่เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรอกเหรอ?
นอกเสียจากว่าจะไปหาคนนั้น
เมื่อนึกถึงคนนั้น ลั่วจื่อหานก็รู้สึกไม่สบายตัว ความรู้สึกของลู่เยี่ยจิ่งที่มีต่ออี้เป่ยซีนั้นแม้คนผ่านทางยังล่วงรู้…
“ลั่วจื่อหาน นายคิดจะไม่สนใจฉันจริงๆ เหรอ? เดี๋ยวฉันก็จะไปแล้ว นายต้องเย็นชาแบบนี้ด้วยเหรอ? หรือว่านายไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เจอหน้ากันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอหน้ากันก็ได้นะ?”
รถเบรกกะทันหัน ตัวของอี้เป่ยซีเอนไปข้างหน้าจนเกือบจะล้มลง
“โอย นายเป็นอะไรไป?”
ลั่วจื่อหานสตาร์ทรถอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อย่าพูดจาเหลวไหล”
“ในที่สุดก็สนใจฉันแล้วเหรอ ไม่โกรธฉันแล้วเหรอ”
“หึ”
อี้เป่ยซีดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ “เอาล่ะ ท่านประธานลั่ว ยิ้มให้ฉันดูหน่อยสิ”
ลั่วจื่อหานเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย “พรุ่งนี้ค่อยไปได้ไหม?”
“พรุ่งนี้เหรอ…” อี้เป่ยซีแอบมองสีหน้าของเขา กำลังคิดว่าน่าจะทัน รีบพยักหน้าทันที “พรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งก็ได้”
“เป่ยซี ต่อไปอย่ากะทันหันแบบนี้อีกนะ”
เธอยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันกลัวแค่ว่าช่วงไม่กี่วันที่นายอยู่กับฉัน วันๆ จะมัวแต่คิดเรื่องที่ฉันจะจากไป ในใจจะรู้สึกกดดันหรือเปล่า”
“ความสามารถทางจิตวิทยาของฉันแย่ขนาดนั้นเลย?”
อี้เป่ยซีพยักหน้า แล้วก็ส่ายหัว “เปล่าๆๆ คุณเก่งจะตาย ฉันเอง ฉันเอง ฉันเองที่รู้สึกกดดันเกินไป”
ลั่วจื่อหานตอบว่า อืม อี้เป่ยซีจึงถอนหายโล่งอก พิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะโปรยปราย ถนนปกคลุมไปด้วยสีเทาเยือกเย็น ต้นไม้เหี่ยวเฉาข้างทางแบกรับคลิสตัสที่ร่วงมาจากฟากฟ้า เพิ่มความมั่นคงและแน่วแน่ขึ้นมาเล็กน้อย ทันในนั้นอี้เป่ยซีรู้สึกระคายเคืองในหัวใจ ต้องการจะยื่นมือออกไปรับเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยนั้น
“นายจำตอนที่เราเจอหน้ากันครั้งแรกได้ไหม? ฉันมีน้ำใจช่วยนาย นายไม่ซาบซึ้งยังไม่ว่า ยังบอกว่าฉันโง่อีก ฉันจำได้นะ”
ลั่วจื่อหานหรี่ตานึกถึงเรื่องในอดีต มุมปากยกยิ้ม “ช่วยไม่ได้นี่นา คุณนายลั่ว ใครสั่งให้คุณชายลั่วร้อนแรงล่ะ เขาก็ต้องทิ้งของต่างหน้าไว้อยู่แล้วสิ”
“คุณนายลั่ว คุณชายลั่วอะไรกัน” อี้เป่ยซีพึมพำ หันหน้าหนีไม่มองเขา “วันนั้นนายยังขโมยจูบฉันเลย”
“งั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงจำได้ว่าใครก็ไม่รู้มาที่บ้านฉัน ฉันอยากไปส่งที่ประตูยังไงก็ไม่ยอมไป ถึงได้จูบไปแบบไม่เต็มใจ”
“ไม่เต็มใจอะไรกัน!” อี้เป่ยซีจ้องเขา “ทักษะการจูบของนายห่วยจะตายไป ยังมีหน้ามารังเกียจฉันอีก”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” ลั่วจื่อหานยิ้มมองอี้เป่ยซี ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงดาวยามเข้า อี้เป่ยซีหดคอโดยไม่ได้ตั้งใจ พูดติดๆ ขัดๆ “ก็ ก็พอได้”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ งั้นต้องรบกวนให้คุณนายลั่วมาร่วมฝึกด้วยกันบ่อยๆ ซะแล้ว”
“ขับรถเถอะ พูดมากอยู่ได้”
รถจึงเคลื่อนตัวไปบนถนนใหญ่อย่างช้าๆ…
ตอนกลางคืน อี้เป่ยซีเพลียจนหลับไปแล้ว ลั่วจื่อหานมองใบหน้าที่หลับใหลของเธอ แก้มยังคงแดงระเรื่อเล็กน้อย ขนตาก็เปียกชื้นและมีหยดน้ำเล็กๆ เกาะอยู่ เขาจูบหน้าผากของอี้เป่ยซีอย่างแผ่วเบา ลุกขึ้นแล้วออกจากห้องนอนไป
“เป็นไงบ้าง?” คิ้วของลั่วจื่อหานผูกกันเล็กน้อย มองดูก้นบุหรี่ที่เผาไหม้อยู่ที่ปลายนิ้วของตัวเอง
“ตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุม แต่ว่า…”
เถ้าบุหรี่ตกลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ที่สะอาดสะอ้าน ลั่วจื่อหานตอบรับว่าอืม ทางนั้นจึงพูดต่อ “แต่ว่า เหมือนกับคุณหนูลู่จะหายไปแล้ว หลังจากที่คุณหนูลู่ทะเลาะกับลู่เยี่ยจิ่งคราวก่อน ก็ถูกพ่อของเขากักบริเวณแล้ว ถึงจะพูดแบบนี้แต่ว่า คนของพวกเราที่อยู่ในวิลล่าก็บอกว่าไม่เคยเจอคุณหนูลู่เลย”
“พูดต่อ”
“มีคนบอกว่า เคยเห็นคุณหนูลู่ในมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
ลั่วจือหานดับบุหรี่ที่เหลือ “มหา’ลัย?”
“เพราะผมบกพร่องในหน้าที่เอง”
“พวกนายไม่ใช่แค่บกพร่องในหน้าที่ธรรมดา” ลั่วจื่อหานกล่าวอย่างไร้ความเมตตา “ลู่เยี่ยจิ่งล่ะ เรื่องของเขาทางนั้นไปถึงไหนแล้ว”
“หลักฐานน่าจะเกือบครบแล้ว แต่ว่าติดต่อกับพวกเราน้อยมาก”
ลั่วจื่อหานยิ้มเย็นชา “ใช้งานเสร็จก็ถีบส่ง ช่างเป็นสไตล์ของเขาจริงๆ เรื่องที่ฉันบอกพวกนายวันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ตอนนี้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง”
“ตามนี้ก็แล้วกัน” ลั่วจื่อหานนวดคลึงขมับ คิดๆ ดูแล้วก็ส่งข้อความให้กับเจ้าของหมายเลขนั้น เดินออกไปจากห้องหนังสือ เพิ่งจะล้มตัวลงนอนคนข้างๆ ก็ขยับตัว
“ลั่วจื่อหาน”
“ทำให้เธอตื่นเหรอ?”
อี้เป่ยซีกอดไซ้ตัวเขา “นายยังเป็นห่วงฉันอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วจริงๆ นะ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลตัวเองได้ ฉันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศ U บ้าง ถึงฉันจะไม่ได้เก่งเหมือนนาย แต่ว่าฉันก็มีความเก่งของนายอยู่นิดหน่อย ฉันจะไม่ถูกคนรังแกง่ายๆ แบบนั้นหรอก”
ลั่วจื่อหานโอบเอวของเธอ “ได้ คุณนายผู้มีความเก่งนิดหน่อยของฉัน”
“…ฉันไม่อยากเก่งนิดหน่อยแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
อี้เป่ยซีหัวเราะ กัดคางของเขา “นายดูสิ นายเก่งขนาดนี้ยังถูกฉันรังแกเลย ฉันเก่งมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ?” พูดพรางกระพริบตาถี่ อ้าวปากหาวกว้างเนื่องด้วยความง่วง “เอาเถอะ ไม่คุยแล้ว ฉันต้องนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องนะ”
อี้เป่ยซีเพิ่งจะพลิกตัวก็ถูกดึงกลับมา เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นเหนือศีรษะ “ไม่รีบ ยังเช้าอยู่เลย เรื่องที่ว่าใครรังแกใครน่ะ ฉันรู้สึกว่าเรายังมีเวลาปรึกษากัน”
“ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว ตอนนี้ฉัน…”
————