ตอนที่ 1044 จัดการกับมันเหมือนที่มันทำกับเรา

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ซูเฟิงพลันมีกำลังใจเต็มเปี่ยมน้ำตาเกือบจะระเบิดพรูออกมาและจากนั้น———
  ”อั่กปั่ก!”
  ซูเฟิงเตะขาข้างหนึ่งของเงามืดจนเสียหลักจากนั้นก็อัดกระแทกต่ออย่างสุดกำลังจนร่างของเงามืดกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง!
  เมื่อสบโอกาสซูเฟิงก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในจุดชุลมุนพร้อมตะโกนสั่งการโดยไม่คิดหันหลังกลับไปจัดการเงามืดต่อ”ช่วยคนของเราก่อน!”
  ช่วยทุกคนทั้งคนที่กำลังย่ำแย่ คนที่บาดเจ็บสาหัส คนที่ตายไปแล้วก็ให้เก็บร่างมา
  เฉินช่าวเย่มาพร้อมกับกลุ่มทหารมือปืนที่มีฝีมือจำนวนมากแถมยังมีทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอีกกลุ่มใหญ่ ดังนั้นเขามั่นใจในผลลัพธ์อย่างไม่ต้องสงสัย
  พวกเขาต้องชนะแน่!
  เวลานี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยชีวิตเพื่อนทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เหลืออยู่แล้ว!
  ”พั้วะ~”
  กลุ่มทหารของซูเฟิงที่เดิมทีเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยคนพลันมีกำลังใจขึ้นมาท่าทางสิ้นหวังและหมดกำลังใจสลายหายไปแทบจะทันที
  ”หลี่บี๋เฟิง!”ซูเฟิงที่วิ่งเข้ามาในจุดชุลมุนที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอยู่ เขาจัดการเตะศัตรูที่ขวางทางอยู่ออกไปให้พ้นเพื่อตามหาตัวหลี่บี๋เฟิง
  กองทัพมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งห้าร้อยคนรีบเข้ามาช่วยสนับสนุนและจัดการฝ่ายศัตรูต่อทันทีโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือบอกสถานการณ์แผนการใดๆ พวกเขาร่วมรบร่วมฝึกฝนด้วยกันจนเข้าใจดีว่าต้องทำยังไง และระหว่างที่กำลังเร่งรีบมาที่นี้พวกเขาได้รับข้อความจากเกาช้าวฮุ่ยที่เจอระหว่างทางว่าตอนนี้เพื่อนทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สถานการณ์เป็นตายเท่ากัน เมื่อรู้ดังนั้นพวกเขาก็รีบเร่งฝีเท้ามาทันที แต่เป็นเพราะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดดังนั้นมันจึงค่อนข้างใช้เวลา
  และทันทีที่มาถึงเมื่อได้เห็นภาพของเพื่อนทหารเหนื่อยล้าจนเกินชีดจำกัดกันไปแล้ว ตั้งแต่ต่อสู้กับกองทัพซอมบี้จำนวนมาก จนถึงกองทัพลูกผสม แล้วก็ยังมีกลุ่มกองกำลังมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ขนาดใหญ่โผล่มาจากไหนต่อไม่รู้อีก
  เมื่อได้รู้ว่าเพื่อนทหารของพวกเขาต้องเหนื่อยล้าซ้ำแล้วซ้ำแล้วจากการทำสงครามต่อเนื่องกันมันยิ่งทำให้พวกเขาแค้นใจ
  ทุกคนสามารถอดทนความทรมานและผ่านเหตุการณ์นองเลือดขนาดนี้กันมาได้ยังไง?   ใครเป็นคนวางแผน?
  ไอ้หน้านไหนที่กล้าคิดจะทำลายเขี้ยวหมาป่า!
  ”หลี่บี๋เฟิง!”ในที่สุดซูเฟิงก็หาตัวหลี่บี๋เฟิงที่นอนจอมกองเลือดที่พื้นอยู่เจอ
  ในเวลานี้ภาพของชายหนุ่มบ้าเลือดที่คลั่งการต่อสู้อยู่เสมอได้หายไปแล้ว บนเนื้อตัวมีแต่รูกระสุนจำมากจนน่าตกใจ เลือดไหลท่วมกองจนเปียกไปทั้งตัว ตาของหลี่บี๋เฟิงปิดสนิทและซูเฟิงก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของหลี่บี๋เฟิง
  ซูเฟิงแทบจะหัวใจหยุดเต้นเขาพยายามหาสัญญาณชีพของหลี่บี๋เฟิงให้เจอและทนรอไม่ไหวที่จะพาหลี่บี๋เฟิงไปยังที่ปลอดภัย
  แต่ทันใดนั้นเอง—————
  ”มึงจะไปไหนไม่ได้!”เสียงของเงามืดจู่ๆก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
  เงามืดที่ใช้ความสามารถพิเศษในการล่องหนพร้อมกับมีดในมืออาศัยความมืดลอบเข้ามาใกล้ซูเฟิง
  แน่นอนว่าซูเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายของอาวุธที่อยู่ในรัศมีใกล้ๆเขาตั้งแต่แรกแล้วหากเป็นเพราะว่าขณะนั้นเขากำลังโอบหลี่บี๋เฟิงที่กำลังเป็นอันตรายถึงชีวิตอยู่ไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาไปสนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลัง
  ทว่าในตอนนั้นเองในจำแหน่งที่ไม่ห่างออกไป…ลำกล้องปืนพิเศษสีดำสนิทก็ถูกยกเล็งขึ้นมา——-
  ”ปึง!”
  แรงระเบิดของปืนขนาดใหญ่พุ่งออกมาทันทีมันกวาดอากาศข้างๆผ่านหน้าซูเฟิงไป หากเพียงแค่นั้นซูเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผดเผาอย่างรุนแรงแล้ว
  หลังจากเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมันก็มีเสียงร้องเจ็บปวดของเงามืดดังลั่นขึ้นมา
  ”อ๊ากกกกกกก!!!”
  เฉินช่าวเย่เลียริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเหนี่ยวไกออกไปอีกครั้ง ไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้แววตาคู่นั้นเฉินช่าวเย่กำลังคิดอะไรอยู่ มีเพียงแค่นิ้วที่เหนี่ยวไกปืนออกไปอีกครั้งโดยไม่ลังเล จากนั้นก็ดูเหมือนว่าเฉินช่าวเย่กำลังพูดกับตัวเองอยู่…
  ”ฉันได้พัฒนาขึ้นไปอีกครั้งแล้วและอย่างที่หัวหน้าพูดเอาไว้ ฉันคืออัจฉริยะ ตอนนี้แรงลมมีไม่ถึงหนึ่งพัน แต่หนึ่งพันก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของพรสวรรค์ที่ระยะสูงกว่าฉัน มันคือพรสวรรค์ระยะ 7 สุงสุด ถึงแม้จะล่องหนอยู่แต่นั่นไม่สำคัญเพราะความเร็วของมันเทียบกับวิวัฒนาการไม่ได้ ถึงจะอยู่ไกลจากฉันแต่เมื่อดูข้อได้เปรียบของฉันแล้ว ฉันเหนือกว่ามันสิบเท่า”
  เฉินช่าวเย่ถูกกระตุ้นอย่างหนักหลังจากเผชิญหน้ากับอู๋หลิงฉิงไปตอนนี้เขาถูกกระตุ้นรุนแรงมากจนยกระดับจากพรสวรรค์ระยะ 5 ขึ้นไปที่ระยะ 6 อย่างทันที
  หลังจากเสียงร้องเพราะถูกยิงในครั้งแรกของเงามืดดังนั้นกระสุนจากปืนไรเฟิลพิเศษลูกที่สองก็ถูกยิงออกไปไหนในตำแหน่งเดิมจนมันเกิดหมอกสีเลือดที่เกิดจากเลือดของเงามืดฟุ้งกระจายเป็นละอองในอากาศ
  เฉินช่าวเย่วางปืนลงก่อนจะตะโกนออกคำสั่งใส่ทหารใต้บังคับบัญต่อ “ห้ามให้มันตาย แต่ห้ามช่วยมัน จับมันมัดเอาไว้แล้วลากมันไปกับเรา หลังจากนี้หัวหน้าจะต้องมีคำถามอยากถามมัน!”
  ”ครับ!”ทหารคนหนึ่งตอบรับเสียงดังและรีบไปจัดการเงามืดตามคำสั่งทันที เงามืดถูกจับมัดลากไปตามทางไม่ต่างอะไรกับถุงกระสอบทราย
  สมาชิกของทีมยิงปืนที่อยู่ข้างๆเฉินช่าวเย่ตะลึงค้างกันหมดพวกเขาเคยเห็นสถานการณ์มาหลายรูปแบบ ศึกษาและจำลองมามาก แต่ไม่มีอะไรเหมือนกับการได้เห็นการยิงของเฉินช่าวเย่กับตาตัวเองแบบนี้…มือปืนเทพเจ้า
  ซูเฟิงที่เห็นเฉินช่าวเย่สามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัดก็โล่งใจปล่อยวางหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลลงและตัดสินใจรีบพาตัวหลี่บี๋เฟิงไปยังที่ปลอดภัยเพื่อทำการรักษาทันที
  นายตายรึยัง?
  นายห้ามตาย!
  ในตอนที่ซูเฟิงวางตัวหลี่บี๋เฟิงลงทำให้บาดแผลและเนื้อตัวที่บาดเจ็บถูกกระทบจนเลือดไหลทะลักออกมาอีกครั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้หลี่บี๋เฟิงเริ่มขยับเปลือกตา ปากเริ่มเผยอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคสั้นๆที่ทำให้ซูเฟิงทั้งอยากจะร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน
  ”ไม่ตายเฮ้ย ยังชีวิตอยู่!”
  ในขณะเดียวกันกลุ่มทหารของซูเฟิงทั้งหมดก็ได้ถอนกำลังออกจากสนามรบแล้วทั้งคนที่มีชีวิตอยู่และไม่มี เพราะไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็คือสมาชิกของเขี้ยวหมาป่า ร่างของทุกคนจะต้องถูกไปทำพิธีตามกฏระเบียบกองทัพเขี้ยวหมาป่า  หัวหน้าชูฮันเคยพูดไว้ว่า…จะปล่อยให้นักสู้ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่อย่างเร่ร่อนไม่ได้เราจะต้องพาเพื่อนพ้องของเรากลับไปฝังที่บ้านของพวกเรา!
  เวลานี้สถานการณ์ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก่อนหน้านี้เขี้ยวหมาป่าถูกต้อนจนจนมุมและกำลังสิ้นหวังต่อชีวิต จากทหารหลายร้อยคนต้องตายไปจนเหลือกันไม่ถึงร้อย แต่แล้วในช่วงเวลาวิกฤตเพื่อนทหารจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าด้วยกันก็ตามมาสมทบได้ทันเวลา
  ภายใต้อิทธิพลที่ได้รับมาจากชูฮันสีหน้าของเฉินช่าวเย่เริ่มดำทมึง จ้องฝ่ายศัตรูเขม็งอย่างเย็นชา ก่อนจะตะโกนสั่งทหารทั้งห้าร้อยคนเสียงเข้ม “มา จัดการกับพวกมันเหมือนที่พวกมันทำกับเพื่อนพ้องเรา”
  ”ยิง!”เฉินช่าวเย่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด