ตอนที่ 2729 ซือเฟิงและโอดิน

“ฆ่าได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?!”

“นี่ช่องว่างระหว่างขั้นสามและขั้นสี่มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”

เมื่อมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ในห้อง VIP เห็นซือเฟิงฆ่าแซนด์สตอร์ม พวกเขาก็อ้าปากค้างอย่างไม่ตั้งใจ

แม้ว่าพวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าขั้นสี่ คือหลักสำคัญที่สุดในการแยกผู้แข็งแกร่งจากผู้อ่อนแอใน God domain แต่พวกเขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่จะยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ เมื่อครู่ที่ผ่านมาลีน่า และผู้เล่นครึ่งมังกรอีกหกคนยังสามารถต่อสู้กับซือเฟิงได้อย่างสูสีอยู่เลย แม้ว่าจะเป็นการรุมแบบเจ็ดต่อหนึ่งก็ตาม ….

อย่างไรก็ตามทันทีที่ซือเฟิงเริ่มจะใช้ทุกอย่างที่เขามี ….

“ไอ้เวรนั่น !! เขาเล่นกับเรามาตลอดเลยสินะ !!!” ชายร่างสูงที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นครึ่งมังกรอดไม่ได้จะสาปแช่งออกมา ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความโกรธและหงุดหงิด

“ไม่ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น ….” ลีน่ากล่าวพลางส่ายหัว

“คุณหมายถึงอะไร ? เขาไม่ได้เล่นกับเรางั้นหรอ ?” ชายร่างสูงถามอย่างประหลาดใจ “นี่มันเป็นเพียงการคาดเดาของฉัน แต่ …” เมื่อมองไปที่ซือเฟิง ลีน่าก็พูดต่อเบาๆว่า “เขาอาจจะเก็บทุกอย่างที่เขามีไว้รอคอยการมาถึงของท่านโอดินตั้งแต่เริ่มการต่อสู้แล้ว”

“เขาระวังตัวเรื่องท่านโอดินขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆ เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่งทันที เมื่อพวกเขาได้ยินการคาดเดาของลีน่า

โอดินนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าถึงได้ยากมากๆ แม้แต่ในหมู่สมาชิกของไมโทโลจี้ก็ตาม และถ้าเขาไม่คิดริเริ่มที่จะปรากฎตัวออกมาเอง มันก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเขาแน่นอน แต่หลังจากที่ซือเฟิงทำการเปิดเผยตัวตนของโอดินออกมา เขาจึงยอมจะปรากฎตัวออกมา
ชายร่างสูงและคนอื่นๆตัวสั่น ถ้าสิ่งที่ลีน่าพูดเป็นความจริง ซือเฟิงก็น่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดมาก

ในขณะเดียวกันหลังจากฆ่าแซนด์สตอร์มไปแล้ว ซือเฟิงก็หันไปมองโอดินที่อยู่ไกลออกไป

ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขามาถึงพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูง เขาก็รู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันอันคลุมเครือที่พุ่งมาทางเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาถึงขั้นสี่ และได้การปรับปรุงในด้านร่างกายกับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมากแล้ว เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นเจตนาฆ่าฟันนี้เลย

เนื่องจากเผชิญหน้ากับภัยคุกคามแบบนี้ เขาจึงยังปกปิดความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของตัวเองเอาไว้ และแม้ว่าจะปะทะกับกลุ่มของลีน่า แต่เขาก็ยังคงไม่คิดจะใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง เพราะเขาเลือกจะเก็บบางส่วนไว้ตอบโต้เมื่อเจ้าของเจตนาฆ่าฟันนี้ลงมือ

อย่างไรก็ตามในขณะที่แซนด์สตอร์มเริ่มบ้าคลั่งและโจมตีเข้าใส่ซือเฟิง โอดินก็ได้แผ่เจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นและพุ่งเป้ามายังเขาโดยตรงทันที

ความจริงแล้วแม้แต่ซือเฟิงก็ยังต้องระวังโอดิน ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาทุกคนล้วนเคยได้ยินชื่อของโอดิน โอดินไม่เพียงแต่จะเป็นตัวตนที่เกือบเป็นอมตะ แม้แต่ในหมู่ผู้เล่นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า แต่การต่อสู้กับศัตรูที่มีขั้นสูงกว่าก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาเช่นกัน

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาโอดินเคยต่อสู้กับ NPC ขั้นห้า ในตอนที่เขายังอยู่ในขั้นสี่ และในท้ายที่สุดการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็จบลงด้วยผลเสมอกัน โดยที่บริเวณเมืองที่พวกเขาต่อสู้กันถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง

และช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้ามันก็ใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่มาก ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเก็บโดเมนดาบไว้ก่อน เพื่อรอการมาถึงของตัวตนที่ควรระวังแบบนี้

เหตุผลที่ผู้เล่นขั้นสี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่แท้จริงใน God domain นั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องร่างกายและการควบคุมมานาที่น่ากลัวเท่านั้น แต่มันยังเกิดจากสกิลและเวทย์ขั้นสี่ที่พวกเขาใช้ด้วย
ใน God domain มันมีความแตกต่างเชิงคุณภาพอย่างมากระหว่างสกิลและเวทย์ขั้นสาม กับสกิลและเวทย์ขั้นสี่ ซึ่งนี่เป็นเพราะสกิลและเวทย์ขั้นสี่อาศัยมานาในธรรมชาติเพื่อเปิดใช้งาน และในการเปรียบกันสกิลและเวทย์ขั้นสามนั้นอาศัยมานาจากผู้เล่นในการเปิดใช้งาน เนื่องจากความแตกต่างนี้ระดับพลังของสกิลและเวทย์ทั้งสองขั้นจึงแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง

ด้วยความช่วยเหลือของสกิลและเวทย์ขั้นสี่ มันจึงทำให้ซือเฟิงกล้าที่จะต่อสู้กับมังกรเด็กขั้นสามที่แท้จริง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าผู้เล่นครึ่งมังกรอย่างแซนด์
สตอร์มเลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับเหตุการณ์ล่าสุด โอดินไม่ได้คิดจะลงมือจริงๆ เขาใช้เพียงเจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นหลอกซือเฟิงให้คิดว่าเขาต้องการจะลงมือเท่านั้น

“พวกเด็กๆในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ….” รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของโอดิน จากนั้นชายคนนี้ก็มองไปยัง Prosciutto และพูดว่า “ถอยกันได้แล้ว !!!”

“ครับท่าน !!!”

คราวนี้ Prosciutto ไม่ลังเลอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะถอยนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปมองซือเฟิงเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่ความตั้งใจที่ดวงตาของเขาถ่ายทอดออกมานั้นมันก็ชัดเจน

เราจะได้พบกันอีก !!!

หลังจากนั้น Prosciutto และสมาชิกทีมที่เหลือของไมโทโลจี้ก็ได้ถอยออกจากพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ พวกเขาเลือกจะยอมแพ้ในพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงอย่างเด็ดขาด และออกเดินทางไปยังพื้นที่ทรัพยากรแห่งอื่นร่วมกับโอดินทันที

“พวกเขาจากไปแล้วใช่ไหม ?”

“พวกเขาจากไปทั้งๆอย่างนั้นเลยงั้นหรอ ?”

“โอดินจากไปโดยไม่ได้ดำเนินการอะไร ….”
ผู้ชมต่างตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ การต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ในตอนแรกกับมาจบลงในลักษณะแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกของไมโทโลจี้ยังได้เลือกจะยอมแพ้ในการต่อสู้อย่างเด็ดขาด สิ่งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับวิธีการที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดใช้ดำเนินการตามปกติ

ในขณะนี้แม้แต่มู่ฉินก็ยังรู้สึกตกตะลึงกับสถานการณ์นี้

“นี่คือ … ชัยชนะของเรางั้นหรอ ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิง

ชื่อของโอดินนั้นมันมีหมายความเหมือนกับการทำลายล้างสำหรับมหาอำนาจต่างๆ ตอนนี้เมื่อไมโทโลจี้ได้ระดมพลแม้กระทั่งโอดินมา ดังนั้นเธอจึงพบว่ามันยากที่จะเชื่อมากๆที่ไมโทโลจี้จะยอมแพ้แค่เพราะผู้เล่นขั้นสี่เพียงคนเดียว

เพราะท้ายที่สุดแล้วในขณะที่ตัวตนขั้นสี่อาจถือว่าเป็นตัวตนที่เป็นอมตะสำหรับมหาอำนาจต่างๆ แต่นั่นอาจไม่ได้หมายถึงกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ….

“ฉันคิดว่าอย่างนั้น ….” ซือเฟิงพยักหน้าขณะมองไปที่ร่างที่จากไปของโอดิน

ความเด็ดขาดในการตัดสินใจของโอดินนั้นทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะระมัดระวังตัวมากขึ้น

ในตอนแรกซือเฟิงได้เตรียมจะต่อสู้ครั้งใหญ่กับโอดินแล้ว และเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้ไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาซ่อนมันไว้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขาพึ่งชกเข้ากับอากาศที่ว่างเปล่า

“เราสามารถควบคุมพื้นที่ทรัพยากรแห่งนี้ได้แล้วใช่ไหม ?” มู่ฉินถามเชิงขอคำยืนยันจากซือเฟิง

“ใช่แล้ว …” ซือเฟิงตอบอย่างเด็ดขาด “เราพยายามอย่างมากก็เพื่อสิ่งนี้นี่นา ….”

“โอเค ฉันจะให้ทุกคนเริ่มตั้งค่าการควบคุมทันที” เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง มู่ฉินก็ได้ให้ลูกน้องของเธอไปประจำการที่พื้นที่รอบๆ และเริ่มตั้งค่าเพื่อป้องกันการขโมยของคนอื่นทันที

หลังจากถอยออกมาจากพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงที่เขาดูแล้ว Prosciutto ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังโอดินด้วยความสับสน

“ท่านโอดิน เนื่องจากเรายอมมอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของเราให้แก่แบล๊คเฟรมอย่างง่ายๆในครั้งนี้ ฉันก็กลัวว่าอีกสี่กิลจะหัวเราะเยาะเรานะ และมหาอำนาจอื่นๆก็อาจจะเริ่มไม่ให้ความสำคัญกับเราด้วย เราจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆงั้นหรอ ?” Prosciutto ถาม

ในความเห็นของ Prosciutto แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แต่ทีมของพวกเขาก็น่าจะยังมีโอกาสต่อกรกับซือเฟิงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีโอดินอยู่ด้วย และมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลย หากพวกเขาสามารถจะล้มซือเฟิงลงได้

กระนั้นโอดินกับเลือกจะยอมมอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของพวกเขาให้แก่แบล๊คเฟรม โดยไม่มีการต่อสู้ใดๆ ….

“ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องต่อสู้ ….” โอดินตอบพลางส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้นเรายังรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีก”

“มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้ ?” Prosciutto ยิ่งสับสนกับคำพูดของโอดิน “ทำไมกัน ?”

ด้วยความแข็งแกร่งของไมโทโลจี้ พวกเขาไม่กลัวแม้แต่จะต้องต่อสู้กับอีกสี่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย ในความเป็นจริง เขามั่นใจว่าไมโทโลจี้จะสามารถมีชัยชนะเหนือซุเปอร์กิลอีกสี่กิลได้แน่นอน

แต่ตอนนี้พวกเขากำลังถอยหนีเพราะสภาสิบแปดปีก หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ไมโทโลจี้จะกลายเป็นที่หัวเราะในหมู่มหาอำนาจต่างๆแน่นอน

“ลองดูพวกนี้สิ …” โอดินไม่ได้โกรธต่อความสงสัยของ Prosciutto ตรงกันข้าม เขากับส่งวีดีโอจำนวนหนึ่งไปให้ Prosciutto แทน ก่อนที่จะพูดว่า “คุณจะเข้าใจทุกอย่าง เมื่อดูพวกมันจนจบ”

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?”

Prosciutto ตกตะลึง เมื่อได้ดูวีดีโอที่โอดินส่งให้เขา

นี่เป็นเพราะวีดีโอทุกวีดีโอเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ในพื้นที่ทรัพยากรต่างๆของไมโทโลจี้ ยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้เหล่านี้ยังมีจุดร่วมกัน คือ ผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกการต่อสู้

“พวกเขาทั้งหมด …. พ่ายแพ้ ?!!”