ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


วันรุ่งขึ้น เซียวอวี๋ก็นำผู้คนออกเดินทางไปสนับสนุนโถวปาหง อ้างอิงจากข่าวที่ได้รับจากอัศวินกริฟฟ่อน ทัพของโถวปาหงได้เข้าปะทะกับกองทัพชั่วร้ายนั่นแล้ว และสถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

การช่วยเหลือจากเซียวอวี๋ไม่ต่างอะไรกับการส่งถ่านกลางหิมะ

กองทัพของเขาต้องเร่งออกเดินทางไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายเฉกเช่นครั้งการบุกของพวกเซิก

เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ จักรวรรดิเมฆานั้นอยู่ติดกับดินแดนของเขา มีเพียงการสร้างสเถียรภาพทางฝั่งนี้เขาจึงจะวางใจไปรับมือที่อื่นได้ ในเวลานี้กองทัพศาสนจักรและขุมกำลังลึกลับต่างก็เคลื่อนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว หากชักช้าคงกลายเป็นการรับศึกสองด้าน

มีตัวอย่างเช่นกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองให้เห็นแล้ว การเปิดศึกสองด้านไม่ใช่เรื่องดีเลย

เซียวอวี๋สั่งเคลื่อนกำลังในยามกลางวันก่อนจะพักในยามกลางคืน พวกเขาใช้เวลาสี่วันเต็มก่อนจะถึงที่แนวหน้า ทั้งในระหว่างเซียวอวี๋ยังพบเห็นชาวเมฆาที่ลี้ภัยสงครามมากมายสวนทางมา

ท่าทางของชาวบ้านเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกลัวราวกับเพิ่งพบเจอนรกมา

ซึ่งเซียวอวี๋ก็เข้าใจได้ว่าสถานที่แถบนั้นคงไม่ต่างจากนรกแล้วในเวลานี้

ชาวบ้านที่ลี้ภัยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นั่นวุ่นวายมาก พวกเขาก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เพียงได้แต่บอกว่าผู้คนจู่ๆก็คลุ้มคลั่งออกอาละวาดราวกับเป็นคนละคน คนคลั่งพวกนั้นรู้จักแต่เพียงฆ่าฟัน พวกเขาจะสังหารทุกชีวิตที่พบเห็นโดยไม่ละเว้น พวกเขาบูชาเพียงเทพองค์หนึ่ง

ต่อให้เป็นภรรยา บิดามารดาหรือบุตร หากไปขัดขวางพวกเขาก็ยังต้องตายอนาถ เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏทั่วทั้งดินแดนตะวันออกของจักรวรรดิเมฆา

พื้นที่บริเวณนั้นไม่ใช่พื้นที่ที่มนุษย์จะอยู่อาศัยได้อีกต่อไป

เซียวอวี๋ปลุกปลอบกำลังใจ เขาทราบว่าสงครามนั้นโหดร้ายเพียงใด ดังนั้นจึงเร่งนำผู้คนออกเดินทางต่อ

จนเมื่อมาถึงจุดหมาย พวกเขาก็เห็นแนวป้องกันถึงสร้างขึ้นแล้ว ที่อีกฝั่งของแนวป้องกันจะเป็นพื้นที่ที่พวกคลุ้มคลั่งยึดครอง

ชัดเจนว่าสถานการณ์กำลังร้ายแรงยิ่ง

โถวปาหงกำลังเดินตรวจตราดูแล ยามเมื่อหันมาเห็นเซียวอวี๋ก็พลันเผยยิ้มยินดี “เจ้ามาดูแลแทนข้าที ข้าจะไปพักก่อน”

“น่าตายนัก เพิ่งมาถึงก็โยนงานเลยหรือ?” โถวปาหงคิดว่าเขาเป็นอะไรกัน ทุกครั้งที่เขามาถึงก็ต้องรับหน้าที่หนักเช่นนี้ตลอด

โถวปาหู่เดินมาหาเซียวอวี๋ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านดยุคเซียว ข้าจะพาท่านไปสำรวจพื้นที่โดยรอบและแจ้งท่านเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน”

เซียวอวี๋พยักหน้า

แม้ว่าแนวป้องกันนี้จะยาวไม่เท่าแนวป้องกันเซิก หากก็ไม่อาจกล่าวว่าสั้นเกินไป กำแพงถูกสร้างขึ้นยาวเป็นเส้นตรงขณะที่มีประตูอยู่กึ่งกลาง ทุกคนที่ผ่านประตูจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด

เหล่าผู้ที่กลายสภาพนั้นจะมีจุดสังเกตที่ชัดเจน ดวงตาของพวกเขาจะเป็นสีเทาหรือดำแปลกๆ ไม่คล้ายเป็นดวงตาของมนุษย์

โถวปาหู่บอกเล่าถึงสถานการณ์ช่วงนี้ โดยเล่าว่า ยามที่พวกเขามาถึง ทุกที่ก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายแล้ว เมืองหลายแห่งกลายสภาพเป็นเมืองร้าง

โถวปาหงทำตามคำแนะนำของเซียวอวี๋ เขาจัดส่งหน่วยสอดแนมออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อติดประกาศและแจ้งเตือนประชาชนด้วยวิธีต่างๆ บอกว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป หากแต่กลายสภาพเป็นปีศาจ และต้องการให้ประชาชนทุกคนอพยพลงทางใต้ มาทางที่มีแนวป้องกันแห่งนี้ตั้งอยู่

ในช่วงเวลานั้น โถวปาหงเลือกที่จะสั่งสร้างแนวป้องกันขึ้น และละทิ้งเมืองทางเหนือไปหลายเมือง นำมาซึ่งเสียงก่นด่าสาปแช่งจากผู้คนมากมาย พวกเขากล่าวว่าโถวปาหงออกจะไร้ใจไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากดูจากสถานการณ์ในเวลานี้จะเห็นได้ชัดว่าโถวปาหงตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเขาเร่งจัดสร้างแนวป้องกันนี้ขึ้น เช่นนั้นกองทัพปีศาจคงเข่นฆ่าไปทั่วและสร้างความเสียหายได้มากกว่านี้

หลังผ่านเหตุการณ์มาแล้วมากมาย โถวปาหงก็ไม่ใช่โถวปาหงคนเก่าที่ตัดสินใจอะไรไม่เป็น หากแต่เพาะสร้างลักษณะของราชันขึ้น

เวลานี้ เหนือขึ้นไปจากแนวป้องกันยังคงมีประชาชนที่ยังไม่กลายสภาพอยู่อีกมาก โถวปาหงได้ส่งกองทหารม้ากลุ่มย่อยออกไปช่วยเหลือแล้ว

อ้างอิงจากข่าวสารที่ได้รับจากทางด้านนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ได้กลายสภาพและเข้าร่วมทัพปีศาจไปแล้ว

จากญาติสนิทมิตรสหายก็กลับกลายเป็นศัตรู พวกเขาต่างหยิบมีดพร้าเข้าห้ำหั่นกัน สภาพการณ์เช่นนี้สุดที่ผู้คนทั่วไปจะรับไหว เวลานี้นับว่าจักรวรรดิเมฆากำลังอยู่ในเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตายอย่างแท้จริง

โชคดีที่ในเวลาเช่นนี้มีจักรพรรดิเช่นโถวปาหงอยู่

อย่างไรก็ตาม โถวปาหงเหนื่อยล้าแล้ว

เขาต้องการจะเอนกายลงพัก หากแต่ไม่สามารถ เพราะเขาคือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเมฆา ประชาชนล้วนต้องการพึ่งพาเขา ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอย่างไร เขาก็ต้องกัดฟันสู้

ทุกคนเพียงได้เห็นความสำเร็จของเขา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้เห็นความยากลำบาก มีเพียงผ่านความลำบากไปได้จึงจะมีสิทธิ์ดื่มด่ำกับเกียรติยศและความรุ่งโรจน์

เรื่องราวในโลกก็เป็นเช่นนี้เอง เคยผ่านพ้นความลำบากจึงจะได้สุขสบาย

ซึ่งในกรณีของโถวปาหงนับว่าโชคดีแล้ว แม้ว่าเขาจะมีภาระอยู่เต็มบ่า หากแต่ก็ยังมีมุมให้เอนกายพักพิงได้ครู่หนึ่ง

และมุมที่ว่าก็คือเซียวอวี๋

เมื่อมีเซียวอวี๋อยู่ เขาจึงจะสามารถพักผ่อนได้อย่างวางใจ

การเดินทางครั้งนี้นิโคลัสไม่ได้ร่วมทางมาด้วย เขาแยกตัวกลับดินแดนไป ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนใดที่เซียวอวี๋ไม่ทราบ

คล้ายกับว่าที่ดินแดนของนิโคลัสเกิดเรื่องขึ้น บางทีขุมกำลังลึกลับที่เฝ้าคุมเชิงอยู่คงลงมือเคลื่อนไหวแล้ว

หรืออาจเป็นว่านิโคลัสพบเห็นอันใดจึงเร่งกลับไปเตรียมการรับมือล่วงหน้า

หลังจากได้เห็นพลังทำลายของกองทัพเซิก นิโคลัสก็เข้าใจแล้วว่ากองทัพที่คิดว่าไร้ต้านจนสามารถกวาดล้างทั่วทวีปนั้นอ่อนแอและเป็นความคิดที่ตื้นเขินเพียงใด

หากให้เขารับมือกับกองทัพเซิกเพียงลำพังนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขุมกำลังลึกลับที่ยังมีพลังทำลายล้างมากยิ่งกว่าพวกเซิก

เขาเข้าใจแล้วเหตุใดสามจ้าวมนตราจึงลงมือและใช้เวทต้องห้ามจัดการคฑูนด้วยตนเอง แม้ว่านั่นจะเป็นการบั่นทอนอายุขัยของพวกเขา

นั่นเป็นเพราะทั้งสามทราบถึงความน่ากลัวของศัตรู ทว่านิโคลัสนั้นไม่

เรื่องราวได้อยู่เหนือเกินกว่าที่ทั้งเขา เซียวอวี๋ ลีโอนาโดหรือตระกูลใดๆจะเผชิญหน้าต่อกรกับศัตรูเพียงลำพัง พวกเขาจะต้องร่วมมือกัน มิเช่นนั้นทวีปแห่งนี้จะไม่มีคำว่าสงบสุขอีก

“ทางด้านโถวปากุ้ยเล่า?” เซียวอวี๋พลันถามขึ้นมา

โถวปาหู่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “เวลานี้เขาสถาปนาตนเป็นราชาปีศาจแล้ว จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่หลบหนีมา โถวปากุ้ยไม่ใช่โถวปากุ้ยอีกแล้ว เวลานี้เขาถูกพลังปีศาจเข้าครอบงำ กลายเป็นราชาปีศาจอย่างสมบูรณ์ ในอีดต โถวปากุ้ยเพียงมีพลังอยู่ในขั้นที่ห้า ทว่าเวลานี้กลับตัดผ่านไปยังขั้นที่หกแล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าหรืออ้าวปาเลย เห็นได้ชัดว่ามีพลังบางอย่างควบคุมร่างของเขา..ตอนนั้นข้าช่างเลอะเลือนนัก สายตากลับกลายเป็นพร่ามัวไป ข้ามัวแต่แยกตัวออกมาเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านข้าง หากทราบว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้คงเลือกช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ และสถานการณ์ก็คงไม่เลวร้ายดั่งเช่นทุกวันนี้”

โถวปาหู่สะทกสะท้อนใจ หากเวลานั้นทัพพยัคฆ์เลือกที่จะอยู่เคียงข้างโถวปาหง โถวปาหงก็จะได้เปรียบ และในกรณีนั้น ขุมกำลังของโถวปากุ้ยก็จะอ่อนแอลง ชาวเมฆาก็คงไม่ถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นปีศาจร้ายมากมายเช่นนี้

เซียวอวี๋ยกมือตบบ่าโถวปาหู่พลางปลอบโยนว่า “ตอนนั้นท่านไม่ทราบถึงความชั่วร้ายของโถวปากุ้ย อย่าได้ตำหนิตนเองเลย ตอนนี้ใยมิใช่ถึงเวลาที่ท่านจะทำเพื่อจักรวรรดิหรือ? อีกทั้งกองทัพของท่านยังมีบทบาทสำคัญในศึกนี้ด้วย”

โถวปาหู่ถอนหายใจ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ครั้งนี้ข้าเคลื่อนกำลังออกมาจนหมดแคว้น หวังว่าจะชดเชยความผิดพลาดในอดีตได้”

ก่อนหน้านี้ โถวปาหู่ไม่ทราบสถานการณ์ทางด้านพวกเซิก ดังนั้นจึงนำนักรบผู้กล้าแห่งทัพพัยคฆ์มาเพียงสองหมื่นนายจากทั้งหมดห้าหมื่นนาย

นอกจากทัพพยัคฆ์แล้ว โถวปาหู่ยังมีทหารม้าทั่วไปอีกจำนวนมาก เป็นเพราะพวกเขาต้องผ่านการเคี่ยวกรำเพื่อคัดเลือกเข้าทัพพยัคฆ์ ดังนั้นทหารม้าทั่วไปก็จัดเป็นทหารม้าชั้นยอด ครั้งนี้โถวปาหู่เรียกระดมออกมาทั้งหมด ถึงขั้นที่ว่าสามารถสั่นสะเทือนได้ทุกขุมกำลัง

“พี่เซียวอวี๋” ในเวลานั้นเอง ฉินเช่อก็เดินมาหาเซียวอวี่ด้วยรอยยิ้มเขินอาย