“ เรา……” โจว เหอยังคงลังเลอยู่

       เขาเพิ่งค้นพบว่ามีคนกำลังตามหาพวกเขา หากไม่มีบิดาของเขาแล้วพวกเขาทั้งสองจะหนีจากการตามล่าของศัตรูได้อย่างไร ดังนั้น……

       โจว เหอจึงมองไปที่ซู่ฉาและมองไปที่ทิศทางที่หลิน ชูจิ่ว ยืนอยู่ เขายังลังเลอยู่เล็กน้อย

       เขาไม่แน่ใจว่าคนสองคนนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่

       เขาไม่รู้ว่านำหนักเสี่ยวหวางฟู่น่ากลัวกว่าฮ่องเต้แคว้นใต้คนปัจจุบันหรือไม่

       เขาไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจกับการเลือกของเขาหรือไม่ …

       เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

       โจว เหอกำกำปั้นของเขาแล้วก้มศีรษะลง เพื่อไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอและความไม่สบายใจของเขา

       คนของหลิน ชูจิ่ว ออกไปแล้ว แต่โจว เหอและซู่ฉา ก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่ หัวใจของหลิน ชูจิ่ว คาดเดาว่าโจว เหอกลัวที่จะประสบกับปัญหา เขาต้องการไปกับพวกเขา แต่เขาก็เป็นกังวลเช่นกัน

       หลิน ชูจิ่ว ถอนหายใจและหันหลังกลับมา “ถ้าเจ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง  ตอนนี้เจ้าก็น่าจะรู้ถึงตัวตนของข้าแล้ว การพักรักษาตัวอยู่ในโรงหมอจะปลอดภัยกว่าโรงเตี้ยมแห่งนี้ เพราะมีทหารอยู่ทุกที่ เจ้าและเซี่ยวรุ่ยสามารถไปจากสถานที่แห่งนั้นได้ทุกเวลา ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่มีใครหยุดเจ้าได้”

“ฮูหยิน…ไม่ใช่ เสี่ยวหวางเฟย ท่านกำลังพูดความจริงหรือ?” ดวงตาของโจว เหอสว่างขึ้นและจ้องมองไปที่หลิน ชูจิ่ว ดูเหมือนจะตัดสินว่านางพูดความจริงหรือไม่

“ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกหกเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าและเซี่ยวรุ่ยไม่ใช่คนธรรมดา แต่ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร การรักษาพวกเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวตนของพวกเจ้า ชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเขาคือคนของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แต่ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อเขาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” หลังจากที่เธอพูดจบ หลิน ชูจิ่วก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมา ทหารคุ้มกันที่อยู่นอกห้องไม่ได้จากไป พวกเขาทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟัง

“ เจ้าก็ได้ยินคำพูดของหวางเฟยแล้ว นางไม่รู้จริงๆว่าพวกเจ้าเป็นใคร การรักษาพวกเจ้าก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ข้าแค่ตรวจสอบพวกเจ้าสองคนเพราะหวางเฟยของเรากำลังดูแลพวกเจ้าอยู่ ข้าจึงต้องตรวจสอบเล็กน้อย” เมื่อหลิน ชูจิ่วเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้ว ซู่ฉาก็ไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย เขากลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้วพูดขึ้นช้าๆ

“ท่านวางแผนที่จะทำอะไร” โจว เหอยืนเฝ้าอยู่หน้าเตียงกลัวว่าซู่ฉาจะทำร้ายเซี่ยวรุ่ย

“ข้าวางแผนที่จะทำอะไรหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถช่วยเด็กคนนั้นได้จริงๆหรือ? เจ้าควรจะดีใจที่ได้พบกับหวางเฟยของเรา มิฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงจะอยู่ในน้ำมือขององค์ชายห้า หนาน นู๋หลี่ไปแล้ว” ตอนนี้แคว้นทางใต้ส่งองค์ชายห้ามาเพื่อตามหาพวกเขา แล้วโจว เหอจะยังสามารถที่จะซ่อนตัวอยู่ได้หรือ?

“ หนาน นู๋หลี่หรือ? เขามาที่แคว้นตะวันออกจริงๆ หรือ?” สีหน้าของโจว เหอเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหันกลับมาและกอดเซี่ยวรุ่ยเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที

“ พี่ชาย ข้าเจ็บ…” เซี่ยวรุ่ยซึ่งยังเด็ก ยังไม่เข้าใจอะไรแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือเขาอึดอัดมาก

“เซี่ยวรุ่ย พี่ชายไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า เราต้องไปจากที่นี่แล้ว” หัวใจของโจว เหอกระโดดขึ้น แม้ว่าเขาจะกดความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ แต่เขาก็ยังทำให้เซี่ยวรุ่ยเจ็บอยู่เล็กน้อย

“เจ้าไม่สามารถหนีไปได้ หนาน นู๋หลี่นั้นอยู่ในเมืองหลวงแล้ว หากข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้าอยู่ในเงามืด เขาคงจะได้พบพวกเจ้าแล้ว” ซู่ฉายืนขึ้น แต่เขาไม่ได้ขวางทางของโจว เหอ

       เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไปกับเขา เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น

“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร” โจว เหอรู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้หากเขาพึ่งความสามารถของเขาเอง ดังนั้นหากมีความหวังเขาจะไม่ปล่อยมันไป

       เซี่ยวรุ่ยเป็นสายเลือดสุดท้ายของราชวงศ์เซี่ยว เขาต้องทำให้เขาปลอดภัย

“ข้าต้องการให้เจ้าทำอะไรอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเด็กตัวเล็ก ๆ สองคนอย่างพวกเจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? ถ้าหวางเฟยของเราไม่ช่วยพวกเจ้าเอาไว้ ข้าก็คงจะไม่มาพบพวกเจ้าสองคน”

       หลังจากซู่ฉาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก เขาไม่ได้รอ โจว เหอด้วยซ้ำ ……