บทที่ 939 แผนสำรอง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 939 แผนสำรอง

บนท้องฟ้า

โยวหมิงถือหอกยาวโลหิตยืนอยู่พร้อมกับคลื่นหลิงป่าเถื่อนระเบิดออกจากร่างปลดปล่อยความทรงพลังอย่างยิ่ง

มู่เฉินมองไปที่โยวหมิงก็หรี่ตาแคบลง พวกเขาเคยสู้กันแค่ครั้งเดียวนั่นก็คือในเขตหลงเฟิ่ง ซึ่งตอนนั้นความแข็งแกร่งของโยวหมิงด้อยกว่าฟังยี่เล็กน้อยเท่านั้น แต่กระนั้นมู่เฉินก็ยังต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ นานา ถึงจะขัดขวางไว้ได้

ทว่าตอนนี้จากประสาทสัมผัสของมู่เฉิน ขุมพลังของโยวหมิงอยู่ในระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นห้าแล้ว ซึ่งห่างจากขั้นหกเพียงก้าวเดียว

เมื่อเปรียบเทียบกับในเขตหลงเฟิ่ง เห็นได้ชัดว่าโยวหมิงมีพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้จากข่าวที่มู่เฉินได้รับล่าสุด โยวหมิงฟัดกับฟังยี่มาแล้วในสมรภูมิหยุ่นลั้วครั้งหนึ่ง มิหนำซ้ำยังเอาชนะฟังยี่ได้ด้วย

นั่นแสดงให้เห็นว่าพลังของโยวหมิงได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาแซงหน้าฟังยี่ที่แต่เดิมแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ความสามารถของเขาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง

“ระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดเรอะ”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง หากเขาควบคุมรัศมีจั้นยี่อยู่ การเอาชนะโยวหมิงก็ง่ายพอกับพลิกฝ่ามือ ทว่าตอนนี้ชัดว่าสถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ให้ มิฉะนั้นโยวหมิงคงไม่กล้ากระโจนเข้าใส่แน่นอน

ทว่า…หากโยวหมิงคิดว่าการไม่มีรัศมีจั้นยี่จะหมายถึงเขากลายเป็นเสือไร้เขี้ยวเล็บ โยวหมิงก็ซื่อเกินไปหน่อย ก่อนหน้าตอนที่มู่เฉินสู้กับพยัคฆามังกรฟ้าซึ่งเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก ถึงแม้ว่าเขาจะใช้กลอุบายไปบ้าง แต่ก็ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมู่เฉินได้

ใครก็ตามที่คิดว่าเขาเป็นเป้ากระจอก สุดท้ายก็ต้องจ่ายด้วยเลือดที่แพงระยับ

ขณะที่โยวหมิงเตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่มู่เฉิน ฟังยี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ฉายท่าทางเฉยเมย สายตาเย็นชาจ้องเขม็งมาที่มู่เฉิน แม้ว่าเขาจะเกลียดโยวหมิง แต่ก็เกลียดมู่เฉินเข้าไส้ แม้จะเป็นเพราะคำสั่งจากท่านประมุขด้วย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือเขาหมายหัวมู่เฉินไว้แล้ว

ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ เขาครองอันดับหนึ่งมาหลายปี กระทั่งโยวหมิงยังด้อยกว่าเขา แต่ในไม่กี่ปีนี้ มู่เฉินระเบิดราวกับดาวจรัสแสง มิหนำซ้ำตอนนี้ยังแซงหน้าเขาไปแล้วด้วย

เผชิญหน้ากับอัจฉริยะแบบนี้ ฟังยี่และโยวหมิงก็เกิดความหวาดกลัวและไม่พอใจ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสพวกเขาจึงตกลงจับมือกันเพื่อกำจัดมู่เฉินเสียก่อน

ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของมู่เฉินน่าทึ่ง แต่เขายังเป็นจั้นเจินซือ เมื่อไรที่เขาเข้าบัญชากองทัพ เขาจะมีพลังที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดยังลำบากในการฆ่าเขา ดังนั้นตอนนี้เมื่อมู่เฉินไม่มีรัศมีจั้นยี่สนับสนุน จึงนับเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา

มีเพียงสังหารมู่เฉินเท่านั้น พวกเขาถึงจะครองตำแหน่งเจ้าจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือต่อได้

โยวหมิงและฟังยี่แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยไอเย็นยะเยือกวูบไหวในดวงตา จิตสังหารเข้มข้นฟุ้งกระจาย

“ครั้งก่อนแกต้องใช้ทุกวิธีถึงจะขัดขวางข้าได้ ตอนนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำได้แค่ไหน!”

สายตาคมกริบของโยวหมิงจ้องเขม็งมาที่มู่เฉิน จากนั้นก็ก้าวออกมา หอกโลหิตในมือกลายเป็นลำแสงทะยานออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขต ราวกับภูเขาเคลื่อนตัวเข้าหามู่เฉินจากทุกทิศทุกทาง

โยวหมิงไม่มีความปรานีเมื่อออกกระบวนท่า คลื่นหลิงในร่างระเบิดออกอย่างสมบูรณ์

ทว่าตอบสนองต่อการจู่โจมที่เฉียบคมของโยวหมิง มู่เฉินก็แค่ยิ้มพลางกำหมัดแน่นขึ้น แสงสีทองแวววาวแวววาวปะทุออกมาจากร่างกาย ขณะที่เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก้องกังวาน

โฮก!

มู่เฉินกำมือแน่น พื้นผิวของกำปั้นพวยพุ่งด้วยแสงสีทอง ลวดลายมังกรแท้จริงบินฉวัดเฉวียนบนพื้นผิวของกำปั้น ซึ่งมีพลังงานที่น่ากลัวระเบิดออก

กายามังกรหงส์! ลวดลายมังกรแท้จริง!

มู่เฉินเหวี่ยงกำปั้น ลวดลายมังกรแท้จริงก็คำราม พลังงานน่าสะพรึงทำให้มิติกระเพื่อมไหว ก่อนที่จะปะทะกับหอกโลหิต

เคร้ง!

เสียงโลหะดังก้อง คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้กวาดออกมา

“หืม?”

โยวหมิงหดดวงตาเมื่อตระหนักได้ว่ามู่เฉินสามารถหยุดการโจมตีของเขาด้วยหมัดเท่านั้น นอกจากนี้พลังงานที่น่าสะพรึงยังทำให้ตัวหอกงอลงเล็กน้อยอีกด้วย

ฉากนี่ทำให้หัวใจโยวหมิงสั่นไหว หอกยมโลกเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นกลางที่เฉียบคมแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดาก็จะถูกเจาะทะลุทันทีถ้ารับการโจมตีด้วยกำปั้น ทว่ากำปั้นของมู่เฉินราวกับโลหะทำให้หอกโค้งงอลงได้

ความแข็งแกร่งและร่างทรงพลังนั้นราวกับมนุษย์เทพอสูร!

ไอ้เวรนี้เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่พลังการต่อสู้กลับเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดอย่างเขายังเทียบไม่ได้

ตู้ม!

พลังงานน่ากลัวระเบิดออกจากหอกอย่างต่อเนื่อง โยวหมิงได้แต่กัดฟันกรอดก่อนที่จะดึงหอกกลับมาอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกันก็ถูกพลังงานที่รุนแรงผลักให้ก้าวถอยหลังหลายสิบก้าว

ปะทะกระบวนท่าแรกก็ทำให้เขาเข้าใจว่ามู่เฉินครอบครองพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวเพียงใด แม้ว่ามู่เฉินจะไม่สามารถใช้รัศมีจั้นยี่ได้ แต่ก็ยังเป็นจอมยุทธ์แข็งแกร่งที่ยากจะจัดการ

“จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดยังไม่พอที่จะบีบให้ข้าหนีหรอก” ม่านตาสีดำของมู่เฉินวูบไหวด้วยแสงสีทอง เขามองโยวหมิงและพูดเบาๆ

ใบหน้าของโยวหมิงมืดครึ้มลงหลายส่วน

“ข้าบอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เจ้าจะปะทะได้คนเดียว” ฟังยี่พูดเสียงไม่แยแสจากด้านข้าง “นอกจากนี้เจ้าได้อายแน่ ถ้าเจ้าไม่งัดไพ่ตายออกมาใช้”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟังยี่ มู่เฉินก็หรี่ตาลง สองคนนี้…มีแผนสำรองอยู่จริงด้วย

สีหน้าของโยวหมิงเคร่งขรึม จากการหยั่งเชิงเมื่อครู่เขาก็เข้าใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมู่เฉินเพียงลำพัง เขาสูดอากาศเข้าเต็มปอดมองมู่เฉินอย่างเยือกเย็นพูดเสียงน่าขนลุกว่า “เจ้ามีความสามารถจริงที่บีบบังคับให้ข้าต้องมาถึงจุดนี้ แต่ต่อจากนี้ไปข้าจะทำให้เจ้าหายไปตลอดกาล!”

พูดจบก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ตราประทับก่อตัวเป็นภาพซับซ้อน พร้อมกับตราประทับเปลี่ยนแปลงไป เสียงคำรามลึกต่ำก็ดังกึกก้อง “คัมภีร์โยวหมิง วิญญาณสิงสถิต!”

เมื่อเสียงของโยวหมิงแผดออก หมอกสีมืดมนน่าขนลุกก็แผ่ออกไป ซึ่งบรรจุไว้ด้วยคลื่นหลิงเย็นยะเยือก

ฟู่ ฟู่

ทว่าตอนนี้มวลหมอกสีดำกลับทะลักเข้าไปในหัวของโยวหมิงไม่สิ้นสุดราวกับวาฬดูดน้ำ ภายใต้การเติมเต็มของหมอกสีดำ มู่เฉินรู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงรอบตัวโยวหมิงพลุ่งพล่านขึ้นมาก

ในเวลาสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงก็ทะลวงระดับจื้อจุนขั้นห้าเข้าสู่ขั้นหก!

เห็นได้ชัดว่าโยวหมิงใช้ทักษะลับเพื่อเพิ่มพูนขุมพลังชั่วคราว!

เมื่อมองภาพนี้ แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะดวงตาหดลง

“วันนี้ที่นี่จะเป็นสุสานของแก!”

อีกด้านหนึ่งฟังยี่ก็มองมู่เฉินอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็เค้นเสียงเย้ย “ความพ่ายแพ้ในครั้งก่อน ครั้งนี้ข้าจะคืนหนี้แค้นทั้งหมดให้!”

พูดจบ ฟังยี่ก็กำมือเม็ดยาสีแดงปรากฏขึ้น เม็ดยานี้ปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดหนาแน่น

ฟังยี่โยนเม็ดยาเข้าปาก ในเวลาต่อมาเส้นเลือดก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาบนดวงตา คลื่นหลิงรอบตัวก็พวยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ไม่กี่ลมหายใจ ฟังยี่ก็เข้าสู่ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกแล้วเช่นกัน!

มู่เฉินมองไปที่ทั้งคู่ที่กำจายคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงออกมาก็ขมวดคิ้ว มิน่าล่ะทั้งสองถึงมั่นใจแบบนี้ ที่แท้พวกเขาก็เตรียมการมาพร้อมแล้วนี่เอง

เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสองคน แม้แต่มู่เฉินก็เริ่มมีปัญหา เพราะโยวหมิงกับฟังยี่ไม่เหมือนกับพยัคฆามังกรฟ้าที่ไม่มีสติปัญญา ทั้งสองคนเจ้าเล่ห์มาก ถ้าต่อสู้กันจะต้องเป็นศึกเดือดพล่านแน่

แต่ความกดดันนี้กลับทำเอาเลือดในกายมู่เฉินเดือดพล่าน ศึกแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เส้นทางการฝึกฝนยากลำบากอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เขามีพัฒนาการต่างเป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างความเป็นตาย

วันนี้เขาจะมาลองว่า ที่หนึ่งและที่สองบนบันทึกมังกรหงส์จะทำให้เขาหลับอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์ได้จริงหรือไม่!

ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นไม่เล็กเลย

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของกองทัพอื่นๆ แต่ละคนเริ่มหันมาพูดคุยกัน

“ฟังยี่กับโยวหมิงจับมือกันจัดการมู่เฉิน”

“ท่าทางหมู่ตึกเทวะและจวนยมโลกต้องการกำจัดเขาจริงๆ!”

“มู่เฉินเป็นจั้นเจิ้นซือ ถ้าเขาเติบโตขึ้นก็จะเป็นปัญหาในอนาคตแน่ ตอนนี้เขาไม่มีการสนับสนุนของรัศมีจั้นยี่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดและเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าเขา”

“ทั้งโยวหมิงและฟังยี่เข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นหกแล้ว!”

“ถ้าเป็นแบบนี้ มู่เฉินคงซวยแล้วแหละ น่าเสียดายกับม้ามืดคนนี้จริง มิฉะนั้นเขาจะต้องผงาดขึ้นเป็นลำดับหนึ่งของจอมยุทธ์รุ่นใหม่ในภูมิภาคทางเหนือหลังจากจบสงครามล่าครั้งนี้แน่”

“…”

เสียงหลากหลายสะท้อนไปทั่ว หงหยูจากแดนปีศาจ ซูปี้เยี่ยแห่งยอดเขาหมื่นเทพและจอมยุทธ์รุ่นใหม่ชั้นสูงคนอื่นของภูมิภาคทางเหนือก็ให้ความสนใจของการดวลกันครั้งนี้ แต่ฉากนี้ก็ทำเอาพวกเขาต้องทอดถอนหายใจ เพราะที่เขตหลงเฟิ่งตอนนั้นมู่เฉินงัดกลยุทธ์ทั้งหมดออกมาก็ทำได้เพียงขัดขวางโยวหมิง ทว่าตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมากจนกระทั่งโยวหมิงและฟังยี่ต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเขา

ความเร็วในการเติบโตของเขาน่าสะพรึงกลัวจริงๆ

“ถ้ามู่เฉินชนะศึกครั้งนี้ จะไม่มีใครหน้าไหนสั่นคลอนบัลลังก์ของเขาในฐานะสุดยอดจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ แต่ถ้าเขาพลาด ด้วยนิสัยของโยวหมิงและฟังยี่คงไม่ไว้ชีวิตเขาแน่นอน ความสำเร็จทั้งหมดก็จะกลายเป็นอากาศธาตุ”