ตอนที่ 357 จู่โจม (3)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 357 จู่โจม (3) โดย Ink Stone_Fantasy

“ถ้าอยากมีชีวิตกลับไป ก็จงทิ้งชีวิตของตัวเองก่อนซะ!”

หลังจากเทียนหลงฉีกเสื้อผ้าของตัวเองแล้ว จึงชักมีดยาวออกมาจากเอว ตวัดมีดดาบกลับไปแกะสลัก เป็นรูปไม้กางเขนอยู่บนหน้าอกของตัวเอง โดยไม่สนใจเลือดที่ไหลอาบลงมาจากหน้าอก

ตอนนั้นนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อาจารย์ของเทียนหลงไม่ยอมให้เขาไปหาเรื่องเยี่ยเทียน เขายังไม่ค่อยเห็นด้วย

แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าเหล่าทหารรับจ้างในสนามรบที่ตัวเองคิดว่าเป็นพวกหัวกะทินั้น ในสายตาของเยี่ยเทียน กลับเป็นเหมือนกระเบื้องดินเผาที่ตีทีเดียวก็พัง กระทั่งขัดขวางฝีเท้าของเยี่ยเทียนก็ยังทำไม่สำเร็จ

แต่เทียนหลงกลับไม่รู้ว่า เยี่ยเทียนไม่สามารถแสดงวิชาได้เพราะบนภูเขาฟ๋อกวางซานต่างหาก ไม่อย่างนั้นสมาชิกของเขาก็คงจะตายเร็วกว่านี้

ถึงแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของเยี่ยเทียนแล้ว แต่บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้ความเสียใจขาย จึงทำให้เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาในการฆ่าของพวกเขา และเทียนหลงที่ฝึกฝนวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก ก็สามารถสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่นั้นที่อยู่ในป่าทึบและกำลังจ้องมองตัวเองอยู่

จากนั้นเทียนหลงจึงหามีดสั้น แล้วแลบลิ้นออกมา เขาใช้มีดสั้นสลักคำว่าปาก (口โข่ว) ไปที่ปลายลิ้นของเขา เมื่อจุดที่อ่อนแอที่สุดบนร่างกายได้รับการกระตุ้น จึงทำให้สติของเทียนหลงฮึกเหิมขึ้นมา และความหวาดกลัวในสายตาของทหารรับจ้างที่เหลืออีกเก้าคนเหมือนจะค่อยๆ จางหายไป หลังจากถูกกระตุ้นจากการกระทำของเทียนหลง เพียงแต่พวกเขาเชื่อใจปืนผาหน้าไม้ที่อยู่ในมือมากกว่า แต่กลับไม่เหมือนเทียนหลงที่ไม่มีอาวุธแล้ว

เขาดึงมีดออกจากฝัก สองมือจับมีดดามัสกัสไว้แน่น เทียนหลงพูดคำรามไปยังป่าทึบที่ อยู่ตรงหน้า ด้วยภาษาจีน ที่ใสแจ๋ว “ออกมาเถอะ ฉันรู้ว่านายสามารถได้ยินคำพูดของฉัน เป็นผู้ชาย ก็ออกมาสู้กับฉันอย่างสง่าผ่าเผย!”

และไม่มีใครสังเกตว่า ตรงขากางเกงของเทียนหลงที่ทำสีหน้ามุ่งมั่นนั้น มีงูเขียวตัวขนาดเท่านิ้วโป้ง ตัวหนึ่งเลื้อยออกมาอย่างเงียบๆ และเจาะทะลุเข้าไปในต้นหญ้าแล้วหายตัวไปทันที

“แม่งเอ้ย มีคนสิบคนกับปืนเก้ากระบอก แต่บอกว่าต้องการต่อสู้กับฉันอย่างสง่าผ่าเผย ทำไมแกไม่ไปตายเสียเลยล่ะ?!”

หลังจากเยี่ยเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบได้ยินคำพูดของเทียนหลงแล้ว เขาเกือบจะสบถด่าออกมา “ถ้าแกแน่จริงก็ให้ทุกคนทิ้งปืนให้หมดสิ ฉันจะได้ทำให้ความปรารถนาของแกเป็นจริง”

“ดูสิว่าใครจะมีความอดทนมากกว่ากัน?!”

หากจะใช้จำนวนคนที่น้อยกว่าต้านทานจำนวนคนที่มากกว่า เว้นเสียแต่ว่าสมองของเยี่ยเทียน จะใช้การไม่ได้แล้วเขาถึงจะยอมปรากฏตัวไปสู้กับอีกฝ่ายแบบนั้น และเขาที่ไม่สามารถแสดงวิชาบนภูเขาลูกนี้ได้ การใช้วิชาไสยศาสตร์ของอีกฝ่ายก็ยากที่จะใช้ได้เช่นกัน อีกทั้งการลอบฆ่าในป่าทึบ แบบนี้ สำหรับเยี่ยเทียนแล้ว ถือว่าเขามีความเหนือกว่าอย่างแน่นอน

แต่ลูกกระสุนที่ติดอยู่ที่ไหล่ของเยี่ยเทียน กลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายมาก

บวกกับเขาเพิ่งจะฆ่าคนสิบสองคนติดต่อกัน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่เยี่ยเทียนก็ได้ใช้ทั้งวิธี และวิชาทั้งหมดที่อยู่ในตัวออกมาทั้งหมด เวลานี้พลังจิตของเขาจึงเหนื่อยล้าอยู่พอสมควร

แน่นอนว่าเวลานี้อีกฝ่ายมีความเตรียมพร้อมมาก เยี่ยเทียนจึงไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปหาปากกระบอกปืน และเขาไม่คิดว่าวิชาของตัวเองจะสามารถหลบกระสุนปืนได้ เพราะบาดแผลจากกระสุนปืน ที่ไหล่ของเขา ก็เป็นหลักฐาน ที่ชัดเจนที่สุด

เยี่ยเทียนกำลังรอ…รอตอนที่อีกฝ่ายมีการเคลื่อนไหวก็จะเผยให้เห็นช่องโหว่อย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนักล่า ที่ทำให้อีกฝ่าย…ถูกลอบฆ่านั่นเอง

“พี่หลง พวกเราไม่สามารถเสียเวลาแบบนี้ได้อีกต่อไป ถ้าหากกองทหารรักษาการณ์รู้เข้า พวกเราจะหนีไม่รอดนะ!” หลังจากยืนเปียกโชกกลางป่าเป็นเวลาห้านาที ในที่สุดผู้ชายรูปร่างกำยำสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็ทนไม่ไหว

คนที่พูดคืออาสงหนึ่งในสี่ทหารเหล็กที่เป็นทหารรับจ้างของเทียนหลง เขามีพละกำลังมหาศาล เคยต่อยมวยใต้ดินตอนที่อยู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก่อน โดยฉีกคู่ต่อสู้ของเขาให้ขาดในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ทหารเหล็กอีกสามคนที่เหลือได้นอนลงโลงไปนานแล้ว

“โอเค ลงเขา!”

หลังจากได้ยินคำพูดของอาสงแล้ว หัวใจของเทียนหลงก็เกิดอาการหวั่นไหวเช่นกัน หากฝืนอย่างนี้ต่อไปรังแต่ จะไม่เป็นผลดีกับเขา และภูเชาฟ๋อกวางซานก็ไม่ได้สูงใหญ่มาก ถ้าหากถูกกองกำลังทหารโอบล้อมไว้จริงๆ ก็คงต้องยอมถูกจับแต่โดยดี

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เทียนหลงจึงพูดกำชับว่า “อาสง ฉันจะไปเปิดทางข้างหน้า นายพาคนรั้งท้ายไว้ห้าคน และทุกคนห้ามแยกจากกัน ถ้ามีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ อะไรก็ยิงปืนได้ทันที!”

ตอนนี้ทีมทหารรับจ้างเหลือเพียงสิบคน ถ้าหากทั้งสิบคนนี้ล้อมรอบเป็นวงกลมแล้วค่อยๆ เดินลงจากเขา เกรงว่าอีกฝ่ายก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ ถึงอย่างไรปืนกลมือก็อยู่ในมือของทุกคนไม่ใช่กระบองจุดไฟ!

“ฮือเคลื่อนไหวแล้ว?!”

เยี่ยเทียนที่นั่งปรับลมปราณอยู่ในป่าทึบ รีบลืมตาขึ้นมาทันที เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยดวงตามอง ก็สามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายผ่านฝนที่เทกระหน่ำลงมาปานฟ้ารั่วได้

และเทียนหลงกับคนอื่นๆ กลับเหมือนคนตาบอดที่ลืมตา แม้ว่าในมือจะถือไฟฉายแรงสูง ก็ยากที่จะสามารถ มองเห็นสถานการณ์รอบตัวที่อยู่นอกเหนือระยะห้าเมตรได้

เขาค่อยลุกๆ ขึ้น จากนั้นเยี่ยเทียนจึงหายตัวไปท่ามกลางป่าทึบเหมือนกับปีศาจร้าย แล้วจึงห้อยท้าย อยู่ข้างหลังพวกของเทียนหลงอย่างเงียบๆ

ขณะที่เยี่ยเทียนเพิ่งจะลุกขึ้นไม่เกินสองนาที งูเขียวเล็กตัวหนึ่งก็เลื้อยมาที่ตำแหน่งที่เยี่ยเทียนอยู่เมื่อครู่ หลังจากดมกลิ่นสักพักหนึ่ง มันจึงเลื้อยเข้าไปในป่าละเมาะตามทิศทางของเยี่ยเทียน

ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่าขึ้นเขานั้นง่ายลงเขานั้นยาก ถึงแม้ภูเขาฟ๋อกวางซานหนึ่งในห้ายอดเขาเล็กจะไม่สูงมาก แต่กลับมีพุ่มไม้หนาทึบและป่าทึบปกคลุมไปทั่ว บวกกับฝนตกหนักทำให้ทางภูเขาลื่น จึงไม่สามาถเดินเร็วได้อย่างสิ้นเชิง

และยังมีเยี่ยเทียนนักฆ่าเทวดาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ยิ่งทำให้ทหารรับจ้างทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ขอเพียงแค่มีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นรอบตัว พวกเขาก็จะยิงกระสุนปืนกลแหนบหนึ่งออกไปทันที

“ปัง!”

ขณะที่ทุกคนเพิ่งจะเดินไปได้สิบนาทีกว่า ด้านซ้ายของอาสงก็ปรากฏเงาคนแวบหนึ่ง ทำให้ปืนกลมือสองสามกระบอกยิงไปทิศทางนั้นทันที เสียงปืนดังกังวานถูกกลบเสียงไปท่ามกลางเสียงฝน

“อาหยู เสี่ยวจินจึ น้องหก พวกนาย…พวกนายเป็นอะไร?”

หลังจากเสียงปืนเงียบสงบลง จู่ๆ อาสงจึงพบว่าคนสามคนที่เดินตามหลังเขา ได้นอนตายอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ ไปแล้ว

วิธีการที่ลึกลับซับซ้อนของเยี่ยเทียน ทำให้มือของเหล่าทหารรับจ้างที่เต็มไปด้วยเลือดต้องรู้สึกกลัวจนขนลุกเกรียว เหมือนกับว่าสิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่นั้นไม่ใช่คนแต่เป็นผี

เทียนหลงหมุนตัวมาดูแผลที่ลำคอของทั้งสองคน แล้วจึงตะโกนพูดเสียงดัง “ไป ห้ามหยุด รีบเดินไปที่พื้นที่กว้างโล่ง เขาก็จะทำอะไรไม่ได้แล้ว!”

ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือในการสู้รบในป่า แต่สำหรับเยี่ยเทียนแล้ว คนพวกนี้เหมือนกับแกะที่รอโดนเชือด บางครั้งเขาก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ บางครั้งก็นอนอยู่ข้างทางที่พวกเขาเดินผ่านแล้วทำการลอบฆ่าเสีย

ระดับความสูงหนึ่งถึงสองร้อยเมตรจากไหล่เขาถึงตีนเขา สุดท้ายคนที่เดินตามเทียนหลง กลับเหลืออาสง เพียงคนเดียว

“ออกมา ออกมาสิ!ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัว!”

เมื่อพี่น้องข้างกายตายไปทีละคน สำหรับอาสงที่มีความคิดเรียบง่ายเป็นความทรมานที่ไม่อาจรับได้ หลังจากลงมาถึงตีนเขาแล้ว สติของอาสงจึงกลายเป็นความฟั่นเฟือนนิดหน่อย

“ฉันจะทำให้นายสมความปรารถนา!”

ตอนที่อาสงเพิ่งยิงกระสุนปืนกลแหนบหนึ่งเสร็จและยังไม่ทันได้เปลี่ยนแม็กกาซีน จู่ๆ ฝนที่เทกระหน่ำลงมาปานฟ้ารั่วก็สาดมาบนใบหน้าของเขาเหมือนกระสุนปืนในทันทีทันใด

อาสงจึงหลับตาทั้งสองข้างเมื่อรู้ตัว เขารู้สึกถึงความเย็นสดชื่นตั้งแต่หน้าผากยาวไปถึงท้องน้อย ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเบาสบายไปทั้งตัว

เมื่ออาสงลืมตาขึ้นมาจึงพบว่า เนื้อตัวด้านหน้าของตัวเองมีสิ่งของสีเขียวสีแดงช้ำเลือดกองหนึ่ง หลังจากดูครึ่งค่อนวันอาสงเพิ่งรู้ว่า สิ่งของเหล่านี้คืออวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดของเขา

เยี่ยเทียนใช้มีดกรีดตั้งแต่ช่องว่างระหว่างคิ้วยาวลงมาถึงท้องน้อย และโชคดีที่มีดใช้ดีอย่างไม่มีร่องรอย ถ้าหากเป็นง้าวจันทร์เสี้ยว เกรงว่าอาสงที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่ศพทั้งหมดก็อย่าคิดที่จะเหลือไว้

“ออกมาเถอะ ฉันไม่มีปืนอยู่ในมือ พวกเรามาสู้กันแบบลูกผู้ชายดีกว่า!”

สำหรับการตายของสมาชิกที่อยู่ข้างกาย ทำให้เทียนหลงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หากชีวิตของตัวเองยังยอมสูญเสียได้ แล้วยังมีอะไรบนโลกใบนี้ที่จะยอมสละไม่ได้?

เทียนหลงยื่นมือไปฉีกผ้าชิ้นหนึ่งจากขากางเกง จากนั้นจึงมัดมีดมาดัสกัสไปบนมือขวาของตัวเองอย่างช้าๆ พลางมองไปทิศทางที่อาสงตายอย่างนิ่งเฉย

เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ว่าบนตัวของอีกฝ่ายไม่มีปืนจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเขารู้สึกถึง อันตรายที่บอกไม่ถูกอยู่ตลอดเวลา และอันตรายนี้ไม่ได้มาจากอีกฝ่าย จึงทำให้เยี่ยเทียนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

“แกเป็นใคร ทำไมต้องตามไล่ฆ่าฉันด้วย?” ในที่สุดเยี่ยเทียนก็ออกมา เพราะอีกฝ่ายเหลือเพียงเทียนหลงเพียงคนเดียว และการลอบฆ่าในเวลานี้จึงไม่มีความหมายอีกต่อไป

“ฉันชื่อเทียนหลง ศิษย์พี่ของฉันคือชาญ ทองทวน!” ดวงตาที่ไร้ประกายคู่นั้นของเทียนหลงจ้องมองเยี่ยเทียนนิ่ง

ถ้าหากเทียนหลงไม่ได้ดูรูปภาพของเยี่ยเทียนนับครั้งไม่ถ้วน เขาคงไม่มีทางเชื่อว่าชายหนุ่มรูปงาม คนนี้จะสามารถสังหารกลุ่มทหารรับจ้างที่เขาสร้างขึ้นมายี่สิบกว่าปีจนหมดสิ้นได้ด้วยมือเปล่า

“หมอไสยศาสตร์คนไทย?!”

ดวงตาของเยี่ยเทียนปรากฏความเฉียบขาดขึ้นมาแวบหนึ่ง ถ้าหากเป็นศิษย์น้องของชาญ ทองทวน อย่างนั้นเรื่องนี้ก็มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้ว เดิมทีเขากับหมอไสยศาสตร์คนไทยก็ต้องต่อสู้กันไม่มีวันจบสิ้นอยู่แล้ว

“ตอนนั้นมีหลี่ซั่นหยวนอาจารย์ของฉัน ที่ขับไล่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากประเทศจีน ตอนนี้เยี่ยเทียนก็ได้ฆ่านายชาญ ทองทวนที่ฮ่องกงไปแล้ว วันนี้…ฉันก็ส่งแกไปเจอกับศิษย์พี่ของแกก็แล้วกัน!”

เสียงของเยี่ยเทียนไม่ดังมาก แต่กลับส่งไปถึงหูของเทียนหลงอย่างชัดเจนท่ามกลางฝนที่เทกระหน่ำไปทั่วฟ้า ทำให้สีหน้าของเทียนหลงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน

“พูดมาก วันนี้คือเวลาแก้แค้นให้ศิษย์พี่ของฉัน!”

เทียนหลงแผดเสียงดังตัดบทพูดของเยี่ยเทียน จากนั้นจึงชูมีดในมือให้สูงขึ้น แล้วก้าวพุ่งไปข้างหน้า ผ่าลงไปที่เยี่ยเทียนโดยตรง

วิชามวยไทยไม่ให้ความสำคัญกับความสามารถในการใช้ดาบ และวิชาดาบของเทียนหลงนี้ เขาเรียนมาจากประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้วิชาดาบของเขาอยู่ในระดับลี่เตาฝ่าอู่ต้วน เวลาที่แสดงวิชาออกมาจะมี พละกำลังมากเหมือนการพุ่งสุดตัวของช้าง

“เป็นดาบที่ดีมาก แต่วิธีการใช้ดาบนั้นธรรมดา!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า เมื่อเผชิญหน้ากับดาบที่รุนแรงของเทียนหลง จากน้ันเขาจึงพลิกข้อมือแล้วยกมีดสั้นอู๋เหินขึ้นแนบอก พร้อมกับพูดคำรามในปากอย่างฉับพลัน “ฆ่า!”

ภูเขาฝอกวางซานไร้พลังชี่พิฆาต แต่มีดสั้นอู๋เหินคืออาวุธร้ายอย่างหนึ่ง และด้วยเสียงที่เฉียบขาดของเยี่ยเทียน พลังชี่พิฆาตที่อันตรายสุดยอดก็ได้ทะลุผ่านเข้าไปช่องว่างระหว่างคิ้วของเทียนหลงโดยตรง

เดิมทีเทียนหลงที่คิดจะต่อสู้กับเยี่ยเทียนก็คาดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะแสดงวิชาสู้กับตัวเอง หลังจากที่พลังชี่พิฆาตบุกเข้าไปในสมองแล้ว จึงทำให้เขางุ่มง่ามไปทั้งตัว

“ตาย!”

เยี่ยเทียนเอียงตัวเล็กน้อย จากนั้นร่างกายที่สูงใหญ่ของเทียนหลงก็พุ่งไปข้างหน้าของเขา ทว่าร่างกายผ่านไปข้างหน้าก็จริง แต่ศีรษะของเขากลับพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

วินาทีที่ศีรษะออกจากร่างกาย เหมือนสติและความรู้สึกของเทียนหลงจะฟื้นขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เผยรอยยิ้ม แปลกประหลาดผิดปกติ

“ฮือไม่ใช่แล้ว!” ขณะที่เยี่ยเทียนฆ่าเทียนหลงในเวลาเดียวกันนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกกลัวจนขนลุกเกลียว ขึ้นมาอย่างฉับพลัน

……….