อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 724 แอบแฝง
ถนนเส้นเล็กๆในป่าลึก รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นอย่างรวดเร็วราวกับพายุ เกิดฝุ่นตลบอบอวล

คนที่ขับรถม้าเป็นชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง เขาฟาดแส้ลงไปที่หลังม้าครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด ราวกับจะเร่งให้ม้าวิ่งเร็วยิ่งขึ้น

รอบรถม้ารายล้อมไปด้วยคนแก่และหนุ่มนับสิบ ต่างก็ควบม้าชั้นดี เป็นยอดฝีมือของเผ่าหยกที่แต่งตัวแตกต่างกันออกไป แววตาของพวกเขาเยือกเย็น มีเพียงเป้าหมายเดียว ก็คือคุ้มครองคนที่อยู่บนรถม้า

นอกรถม้ามีแต่ศพที่ไร้ลมหายใจนอนอยู่เกลื่อนไปหมด ศพเหล่านี้เป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น เผ่าหยก และยังมีลูกศิษย์ของสำนักต่างๆในยุทธจักรที่ส่งมา กลิ่นคาวเลือดได้ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งป่าและภูเขาพร้อมสายลม

บนรถม้า กู้ชูหน่วนจดจ่ออยู่กับการรักษาเย่จิ่งหาน คิ้วเรียวของนางขมวดแน่น บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา หัวใจหนักอึ้งเป็นอย่างยิ่ง

เสี่ยวลู่คอยช่วยอยู่ข้างๆ และเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนางเป็นระยะ

ในที่สุด กู้ชูหน่วนก็ถอนหายใจยาวๆออกมาหนึ่งเฮือก ล้างมือที่เต็มไปด้วยเลือดของตนเองอย่างเหนื่อยล้า เอนหลังพิงรถม้าอย่างหมดเรี่ยวแรง

เจี่ยงเสวียที่ขับรถม้าอยู่เหมือนจะจับการเคลื่อนไหวในรถม้าได้ จึงถามอย่างร้อนใจขึ้นมาว่า “พระชายา ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง พ้นขีดอันตรายหรือยัง”

“รักษาชีวิตเขาไว้ได้ชั่วคราว ต้องดูว่าเขาจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่”

กู้ชูหน่วนน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาที่อ่อนล้าคู่นั้นจ้องมองไปยังหลังใบหูของเย่จิ่งหาน

ที่นั่นมีสัญลักษณ์พิเศษของคนในเผ่าหยกที่ถูกคำสาปเลือด ขอเพียงสัญลักษณ์นี้ปรากฏขึ้น ก็แสดงว่าคำสาปเลือดถูกกระตุ้นให้ออกฤทธิ์แล้ว

พลิกผันไปมายี่สิบปี เพื่อควบคุมคำสาปเลือดเขาต้องทนทรมานตั้งเท่าไหร่ ยังต้องพิการอีกสิบกว่าปี แต่ตอนนี้คำสาปเลือดก็ยังปรากฏขึ้นอีกครั้งเพราะบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป

เมื่อนึกถึงว่าเย่จิ่งหานอาจต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดจากคำสาปเลือดเหมือนคนในเผ่าหยก โดยเฉพาะมีคนมากมายที่ยังคงมุ่งหน้าเข้าสู่การต่อสู้ไม่หยุดไม่หย่อน ใช้เลือดเนื้อของตนเองปกป้องมุกมังกร กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดใจขึ้นมา ได้แต่หวังว่าจะรีบแก้คำสาปเลือดได้

เสี่ยวลู่ทำลายความคิดของกู้ชูหน่วน ถามอย่างลังเลใจว่า “นายหญิง จะถึงปากทางเข้าเผ่าหยกแล้ว จะทำอย่างไรกับพวกเขาดี”

กู้ชูหน่วนเลิกผ้าม่านขึ้น มองดูศพที่นอนเกลื่อนตลอดเส้นทางที่ผ่าน เอ่ยเสียงขรึมว่า “เข้าไปในเผ่าหยกพร้อมกัน”

เสี่ยวลู่ตกใจมาก “นายหญิง เผ่าหยกห้ามไม่ให้คนนอกเข้า พันปีมานี้ยังไม่เคยมีใครฝ่าฝืนกฎข้อนี้เลย”

“กฎเป็นสิ่งที่คนตั้งขึ้น ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก จึงมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงกฎได้”

“เกรงว่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะไม่เห็นด้วย”

“หรือว่าจะให้ทิ้งเย่จิ่งหานกับเจี่ยงเสวียไว้ที่นี่”

ข้างนอกมีแต่คนที่รอจะแย่งชิงมุกมังกร ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ก็เท่ากับทิ้งพวกเขาให้ตาย

เผ่าเทียนเฟิ่นที่สมควรตาย ตนมาแย่งชิงมุกมังกรคนเดียวก็แล้วไปเถอะ นี่ยังปล่อยข่าวให้แพร่สะพัดออกไป ทำให้กลุ่มที่มีพลังแข็งแกร่งต่างๆในใต้หล้าพากันมารุมแย่งชิงด้วย

“เช่นนั้นข้าน้อยจะให้คนคุ้มกันส่งพวกเขากลับไป อย่างนี้ดีหรือไม่”

“คนที่อยากจะให้เย่จิ่งหานตายมีอยู่มากนัก ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนแต่กลัวเหตุที่ไม่คาดฝัน”

กู้ชูหน่วนมองไปทางเสี่ยวลู่อย่างสงสัย

นางไม่เคยขัดคำสั่งของกู้ชูหน่วนเลย แม้กระทั่งชีวิตของตนจะถูกคุกคามข่มขู่ ก็ไม่เลยสงสัยเลย ทำไมครั้งนี้จึงเอาแต่ห้ามนางไม่ให้พาเย่จิ่งหานกลับเผ่าหยกครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย

“เหมือนเจ้าจะไม่ชอบที่เย่จิ่งหานจะไปที่เผ่าหยก”

“ข้าน้อยไม่กล้า ข้าน้อยแค่เกรงว่าผู้อาวุโสจะโกรธเอาไว้ นายหญิง ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ท่านอยากจะทำลายกฎด้วยการพาคนนอกเข้าไปในเผ่าหยก ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าว่าท่าน เว้นเพียงแต่อ๋องหานคนเดียวเท่านั้นที่เข้าไปไม่ได้”

“ทำไมเขาจึงเข้าไปไม่ได้ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องพระชายายู่”

“เรื่องนี้……ข้าน้อยก็ไม่รู้ แต่ว่าคนในเผ่าหยกทั้งหมดล้วนไม่ต้อนรับอ๋องหาน รวมถึงข้าน้อยด้วย ข้าน้อยก็ไม่ชอบเขา”

เสี่ยวลู่เบือนหน้าไปทางอื่น เหมือยยังมีบางอย่างอยากพูดต่อ แต่นางกลับพยายามอดกลั้นเอาไว้

กู้ชูหน่วนกลุ้มใจ เป็นลูกของพระชายายู่เหมือนกัน ทำไมคนของเผ่าหยกจึงได้เกลียดชังเย่จิ่งหานนัก

คงไม่ได้เป็นเพราะนางเป็นธิดาเทพกระมัง

ไม่ ข้างในนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน