บทที่ 328 หม่าเสี่ยวตั้น

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 328 หม่าเสี่ยวตั้น EnjoyBook

บทที่ 328 หม่าเสี่ยวตั้น

วันต่อมาโจวเฉวี่ยนก็เดินทางกลับไปตามลำพัง

ในวันที่เขาออกเดินทางไป หม่าเฉิงหมินลูกชายของคุณป้าหม่าก็ได้เดินทางกลับมาพร้อมกับภรรยา หวงเสี่ยวลิ่วและลูกชายวัย 4 ขวบของพวกเขา

คุณลุงหม่าและคุณป้าหม่าต่างพากันยินดีปรีดา

หลินชิงเหอจึงให้คุณป้าหม่าหยุดงานเป็นพิเศษหนึ่งวัน และให้โจวข่ายไปช่วยงานที่ร้านเกี๊ยวแทน

หลังจากเลิกงานแล้วหลินชิงเหอก็ถือถุงลูกอมมาถุงหนึ่งเพื่อแวะเยี่ยม

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพื่อนบ้านกัน ที่สำคัญกว่านั้นเธอยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณลุงหม่าและคุณป้าหม่า ดังนั้นจึงสมควรที่เธอจะแวะมาทักทาย

หม่าเฉิงหมินลูกชายของคุณป้าหม่านั้นเป็นคนสุภาพและดูเป็นคนมีภูมิความรู้ แม้ได้ไปอยู่ในชนบทมานานกว่า 10 ปีจนเปลี่ยนจากคนที่เคยมีเนื้อมีหนังไปเป็นคนผอมบักโกรก แต่ต้องบอกว่าเขายังคงมีบุคลิกลักษณะที่ไม่ธรรมดาให้เห็น อีกทั้งดูเป็นคนหนุ่มที่ดูดีมีการศึกษา

หวงเสี่ยวลิ่วภรรยาของเขาดูสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่แค่เพียงมองดูก็รู้ได้ว่าหล่อนเป็นคนซื่อตรง ส่วนลูกชายของพวกเขาก็ดูเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมาก

ในวัยเพียง 4 ขวบ ผิวของเขากลับดำคล้ำเหมือนกับสีใบไม้ที่ร่วงหล่น เห็นได้ชัดว่าเขามักจะออกไปเล่นนอกบ้านขณะอยู่ในชนบท

ตอนที่โจวข่ายและน้องชายของเขายังเป็นเด็กอยู่ พวกเขาก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน

“แค่แวะมาหาก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาลูกอมมาให้ด้วยหรอกจ้ะ” คุณป้าหม่าพูดหลังจากที่ได้แนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันแล้ว

“ฉันแค่อยากให้หลานชายของฉันน่ะค่ะ ลูกอมแค่ถุงเดียวไม่ได้มีค่าอะไรมากมายเลยค่ะ” หลินชิงเหอตอบพร้อมกับยิ้มให้

“พ่อแม่ของผมอยู่ที่นี่ ผมต้องขอบคุณอาจารย์หลินด้วยนะครับที่ช่วยดูแลพวกท่าน” หม่าเฉิงหมินหันไปกล่าวกับหลินชิงหอ

หลินชิงเหอยิ้ม “พูดถึงเรื่องดูแลกัน เป็นคุณลุงหม่ากับคุณป้าหม่านะคะที่คอยช่วยเหลือพวกเรา เราอย่าเพิ่งคุยกันถึงเรื่องนี้เลยค่ะ ยังมีเวลาอีกมากที่จะได้คอยช่วยดูแลกันในอนาคต”

หม่าเฉิงหมินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

ในส่วนของหวงเสี่ยวลิ่ว ภรรยาของเขายังมีความรู้สึกกลัวคนแปลกหน้าอยู่ หล่อนแค่นั่งยิ้มเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลินชิงเหอได้พบปะกับพวกเขาแล้ว หลังจากที่พูดคุยกันอีกไม่กี่คำเธอก็ไม่ได้อยู่รบกวนพวกเขาต่อ

“อาจารย์หลินกับเจ้านายโจวเป็นคนดีมากจริง ๆ พวกเขาช่วยเหลือพ่อกับแม่เยอะมาก ลูกชายของพวกเขาทั้งสามคนต่างก็ตัวสูงและเป็นเด็กดีมาก ถ้าเสี่ยวตั้นตั้นสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นแบบพวกเขาสามคนพี่น้องนี้ในอนาคตแล้วละก็แม่กับพ่อของลูกคงสามารถไปพบบรรพบุรุษได้ด้วยรอยยิ้มแล้ว” คุณป้าหม่ากล่าว

“แม่อย่าพูดอะไรอย่างนี้เลยนะครับ แม่ยังไม่แก่เลยครับ” หม่าเฉิงหมินตอบ

“เอาละเดินทางมาไกล แกคงเหนื่อย เดี๋ยวไปโรงอาบน้ำกับพ่อของแก อาบน้ำแล้วจะได้กลับมาพักผ่อนกัน พรุ่งนี้แกจะต้องไปทำงานกับพ่อแกแล้วนะ” คุณป้าหม่ากล่าว

คุณลุงหม่าพาลูกชายกับหลานชายไปที่โรงอาบน้ำ ในขณะที่คุณป้าหม่าก็พาลูกสะใภ้หวงเสี่ยวลิ่วไปโรงอาบน้ำด้วยเช่นกัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว คุณป้าหม่าจึงพาหวงเสี่ยวลิ่วไปที่ร้านเกี๊ยวและบอกหล่อนว่า “นี่เป็นร้านที่แม่ทำงานอยู่ ถ้าที่บ้านมีเรื่องอะไรขึ้นมาก็ให้มาหาแม่ที่นี่ ทางมาที่นี่ง่ายมาก แค่เดินมาทางถนนเส้นนี้แล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็จะเจอร้านเกี๊ยวแล้ว”

“ค่ะ” หวงเสี่ยวลิ่วเม้มปาก หล่อนยังติดสำเนียงพูดของคนชนบทอยู่ ซึ่งหล่อนน่าจะพอรู้ตัวเช่นกัน ทำให้สีหน้าของหล่อนแดงเรื่อขึ้นมา

คุณป้าหม่าพาหล่อนกลับโดยไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก หลังจากนั้นสักพักคุณลุงหม่ากับลูกชายและหลานชายของเขาจึงกลับมาถึงบ้าน

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ พวกเขาก็ให้ครอบครัวกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

เช้าตรู่วันถัดมา คุณลุงหม่าพาหม่าเฉิงหมินไปที่ทำงานเพื่อส่งมอบงานให้ เขาต้องแนะนำงานให้ลูกชายของตนเอง 2-3 วันก่อนที่เขาจะสามารถปล่อยงานในหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาได้อย่างเสร็จสมบูรณ์

ในส่วนของคุณป้าหม่า นางต้องไปทำงานที่ร้านเกี๊ยว เมื่อวานนี้หลินชิงเหอให้นางหยุดงานเป็นเพราะลูกชายและลูกสะใภ้ของนางกลับมาพร้อมกับหลานชาย ดังนั้นวันนี้นางจึงได้กลับมาทำงานตามปกติ

และเป็นเพราะลูกชายกลับมาแล้วจึงทำให้คุณป้าหม่ารู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาก

เมื่อนางกลับมาบ้านในช่วงบ่าย นางพบว่าหลานชายของนางดูเศร้า ๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” คุณป้าหม่าถามขึ้นมาทันที

“คุณย่า ผมอยากออกไปเล่นข้างนอกครับ แต่แม่ไม่ยอมให้ผมออกไป” หม่าเสี่ยวตั้นพูดด้วยภาษาจีนกลาง

แม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ 4 ขวบ แต่เขาก็สามารถพูดได้ทั้งภาษาถิ่นของเขาและภาษาจีนกลาง ทั้งหมดนี้คุณพ่อของเขาเป็นคนสอน

คุณแม่ของเขาก็ได้เรียนมาด้วย ในขณะที่เขาสามารถจดจำได้ในทันที แต่คุณแม่ของเขากลับทำไม่ได้

“ตั้นตั้น!” หวงเสี่ยวลิ่วเม้มปากและคิดว่าลูกชายกำลังฟ้อง

หม่าเสี่ยวตั้นทำปากมุ่ยแล้วก้มหน้าลง

คุณป้าหม่ามองไปที่ลูกสะใภ้แล้วกล่าวว่า “พวกเด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ จะให้พวกเขาเอาแต่นั่งนิ่งอยู่แต่ในบ้านได้อย่างไร? ถ้าเขาอยากจะไปเล่น ก็ปล่อยให้เขาลงไปเล่นที่ชั้นล่างเถอะ เธอตามไปคอยดูอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”

นางรู้ว่าลูกสะใภ้ของนางเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกและยังรู้สึกไม่คุ้นเคยนัก

“ฉันกลัวว่าตั้นตั้นจะถูกรังแกน่ะค่ะ” หวงเสี่ยวลิ่วกัดริมฝีปาก

“เด็ก ๆ ด้วยกันทั้งนั้น จะไปกลั่นแกล้งอะไรกันได้? ทำตามนี้ล่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะพาเขาไปที่ร้านเกี๊ยวด้วย” คุณป้าหม่าประกาศ

หม่าเสี่ยวตั้นตาเป็นประกาย แต่หวงเสี่ยวลิ่วเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้านายจะยอมหรือคะ?”

“ยอมสิ” คุณป้าหม่ารู้นิสัยของโจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอดี ดังนั้นนางจึงพูดกับหลานชายตัวน้อยของนางว่า “เราจะไปที่ร้านเกี๊ยวกัน แต่หนูต้องห้ามซนหรือก่อเรื่องขึ้นมานะ เข้าใจไหมจ๊ะ? ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าย่าจะไม่พาหนูไปอีก”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่ซนหรือก่อเรื่องขึ้นเลยครับ” หม่าเสี่ยวตั้นสัญญาในทันที

หลังจากที่ต้องถูกจำกัดอยู่ให้แต่ในบ้านมาทั้งวัน เขาจะทนไหวได้อย่างไร? เพราะเขาเติบโตมาในชนบทที่ได้เที่ยวเล่นไปทั่ว

ดังนั้นตอนบ่ายสี่โมงเด็กชายจึงได้มาที่ร้านเกี๊ยวพร้อมกับคุณย่าของเขา

เมื่อโจวชิงไป๋เห็นเขามาด้วยจึงทำเกี๊ยวมาให้แล้วบอกให้เขากิน

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เขาแค่ไม่อยากจะอยู่ที่บ้านเท่านั้น ฉันมารู้ตอนที่กลับบ้านไปเลยตัดสินใจพาเขามาที่นี่ด้วย ไม่ต้องทำเกี๊ยวให้เขาหรอก เดี๋ยวเขาค่อยกลับไปกินที่บ้านได้”

“แค่เกี๊ยวไม่กี่ชิ้นเองครับ” โจวชิงไป๋ไม่ได้คิดอะไร

หม่าเสี่ยวตั้นยิ้มปากกว้างให้กับคุณลุง เมื่อเห็นว่าคุณย่าของเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป เขาจึงถือถ้วยขึ้นมาแล้วกินเกี๊ยวแสนอร่อยชามนี้

หลังกินเสร็จเขาก็ทำตัวเรียบร้อย นั่งเล่นลูกแก้วสามลูกอยู่ใกล้ ๆ กับคุณย่าของเขา เขานำลูกแก้วพวกนี้มาจากชนบท คุณพ่อของเขาเป็นคนซื้อมาให้ เขาจึงทะนุถนอมมันมาก

โจวกุยหลายได้มาเห็นภาพนี้เมื่อเขากลับถึงหลังเลิกเรียน เมื่อได้เห็นเขาก็ชอบใจและพูดว่า “นายจะเล็งแบบนี้ไม่ได้ นายต้องทำแบบนี้”

เขาสาธิตท่าทางและโยนลูกแก้วให้ดู หม่าเสี่ยวตั้นมองเขาด้วยสายตาที่แสดงความชื่นชม เห็นอยู่ว่ามันห่างออกไปตั้งไกลแต่เขายังสามารถโยนไปโดนลูกแก้วได้ นี่มันน่าทึ่งมาก!

“ไม่เห็นจะยากอะไรเลย ที่หมู่บ้านของพวกเราตอนที่เล่นลูกแก้วกันฉันเป็นคนที่โยนได้แม่นที่สุด” โจวกุยหลายอวด จากนั้นเขาก็หันไปหาคุณป้าหม่า “คุณยายหม่า นี่คือหลานชายของคุณยายหรือครับ? เขาชื่ออะไรครับ?”

“ใช่จ้ะ เขามีชื่อเล่นว่าหม่าเสี่ยวตั้น ชื่อจริงว่าหม่าอวี้หลินจ้ะ” คุณป้าหม่าบอกยิ้ม ๆ

“เมื่อเขาโตขึ้นในวันข้างหน้า เขาจะต้องมีอนาคตที่สดใสแน่นอนเลยครับ” โจวกุยหลายกล่าว

คุณป้าหม่ายิ้มปากกว้างมากขึ้นกว่าเดิม “แค่เด็กซุกซนคนหนึ่งเท่านั้น อยู่ที่บ้านสักวันยังไม่ได้ ฉันเลยต้องพาเขาออกมาด้วย”

“เขาก็ต้องอยู่ไม่ได้สิครับ ที่บ้านไม่มีอะไรสนุก ๆ ให้ทำเลย เขาควรจะออกไปเล่นข้างนอก คนเราจะโง่เขลาถ้าต้องอยู่แต่ในบ้านนานเกินไปนะครับ” โจวกุยหลายพูดราวกับว่าเขาเป็นผู้รอบรู้ จากนั้นเขาจึงหันไปถามหม่าเสี่ยวตั้นว่า “เสี่ยวตั้น นายหิวไหม? อยากกินเกี๊ยวไหม?”

“เขากินแล้ว เขาได้กินมันไปแล้วจ้ะ” คุณป้าหม่าพูดซ้ำ ๆ

“ผมกินได้อีกหนึ่งครับ” หม่าเสี่ยวตั้นตอบ

“ฉันเพิ่มให้นายอีกสองเลย” โจวกุยหลายขำ เขาไปทำเกี๊ยวมาให้ด้วยตัวเองหนึ่งถ้วย เมื่อตอนบ่ายเขามีคาบเรียนฟุตบอลในวิชาพลศึกษา ดังนั้นเขาจึงหิวมาก หลังจากที่เขาทำเกี๊ยวเสร็จ เขาก็หยิบช้อนส่งให้หม่าเสี่ยวตั้น “ถ้ากินถ้วยนี้หมดแล้ว ฉันจะตักให้นายเพิ่ม”

………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจ้าสามดีใจล่ะสิคะที่มีน้องให้เล่นด้วย

ผู้แปลก็ไม่อยากอยู่บ้านนานนักหรอกค่ะเจ้าสาม แต่ก็ไม่กล้าออกไปไหนเหมือนกันเพราะช่วงนี้เสี่ยงติดโควิดมาก เฮ้ออ

ไหหม่า(海馬)