ตอนที่ 74 - 4 ข้าจะมียูกชายให้เจ้า

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1]

กงอิ้นคีบไว้ชิ้นหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เคี้ยว จิ่งเหิงปัวหันหน้าจ้องมองเขาด้วยแววตาแวววาว ซักถามอย่างร้อนอกร้อนใจว่า “อร่อยหรือไม่ อร่อยหรือไม่?” 

 

 

กงอิ้นหันข้าง มองเห็นในแววตานางเปี่ยมด้วยความมุ่งมาดปรารถนา นัยน์ตาประหนึ่งหยกดำผ่องอำไพลานตา 

 

 

สิ่งนี้คือของหายากยิ่งของนางกระมัง? อาจจะมีเพียงชิ้นเดียว เจ้าคนละโมบสันหลังยาวผู้นี้ หลายครั้งหลายครานางแบ่งแยกชัดเจน หวังให้นางนำของสะสมออกมาแบ่งปัน คงต้องสำคัญต่อใจนางอย่างยิ่งถึงจะมีหวังกระมัง? 

 

 

เขากระหวัดมุมปากเล็กน้อย สูดกลิ่นหอมกรุ่นสดชื่นที่กำจายออกมาระหว่างเส้นผมของนาง รู้สึกเพียงจิตใจสงบเงียบและยินดี คีบให้นางชิ้นหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ไม่เลว ทว่าข้าไม่ชอบรสเค็ม เจ้ากินให้มากหน่อยเถิด” 

 

 

“อ้อ” จิ่งเหิงปัวรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง มหาเทพไม่รู้จักชื่นชมจ้าไช่ แต่คนเราชอบรสชาติไม่เหมือนกัน นี่ก็ช่วยไม่ได้นะ 

 

 

“พวกเราออกไปเดินเที่ยวกันดีหรือไม่” นางเกาะแขนเขาไว้พลางอ้อนวอน ในแววตาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความปรารถนา เอ่ยขึ้นว่า “วันพักอาบเช่นนี้หายากเชียวนะ” 

 

 

ตะเกียบของกงอิ้นหยุดลง การตอบสนองแรกคือปฏิเสธ ทว่ายามเงยหน้ามองเห็นสายตานาง ดวงใจก็พลันอ่อนยวบ กำลังจะพยักหน้าลง แต่มือกลับชะงักไปโดยพลัน 

 

 

สตรีที่กำลังอยู่ในห้วงความรักมีความรู้สึกไวกว่าปกติ จิ่งเหิงปัวชะโงกหน้าเข้ามาทันที แล้วกล่าวว่า “ทำไมหรือ?” 

 

 

กงอิ้นยกชามโจ๊กขึ้น ชามบดบังขากรรไกรล่างของเขาไว้ เขากลืนโจ๊กในชามลงไปภายในอึกเดียวอย่างรวดเร็วยิ่งนัก แล้ววางตะเกียบลงเอ่ยว่า “ข้ายังมีธุระ เจ้าไปเองเถิด ห้ามแอบหลบหนีอีก ให้อวี่ชุนตามไปด้วย” 

 

 

“อ้อ” จิ่งเหิงปัวไม่ทันได้มัวผิดหวัง ปากอ้าตาค้างมองดูท่าทางที่เขาดื่มโจ๊ก มหาเทพกินข้าวหรูหราสง่างามตลอดมา คำน้อยเคี้ยวเชื่องช้า เคยตะกละตะกลามขนาดนี้เสียที่ไหน? 

 

 

“มีเรื่องใดถึงได้เร่งด่วนขนาดนี้?” นางรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ยื่นมือตบกลางหลังเขา แล้วกล่าวว่า “ค่อยๆ กิน ระวังสำลักนะ” 

 

 

กงอิ้นเบี่ยงกายเพียงครั้ง หลบหลีกการลูบหลังของนาง นางเงยหน้าจะมองเขา เขากลับยื่นมือลูบศีรษะของนางโดยพลัน กดศีรษะของนางลงไป 

 

 

“มีเรื่องเร่งด่วนเล็กน้อย เจ้าจะออกจากวังก็ออกไป แต่ห้ามก่อเรื่องอีก คนสิ้นชีพมากเพียงใดก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า หากก่อเรื่องใดอีก เจ้าไม่ต้องคิดจะออกจากวังอีกตลอดกาล” 

 

 

“เหอะ” จิ่งเหิงปัวรับคำสั่งแต่น้ำเสียงเผด็จการแบบนี้พ่นออกมาจากจมูก ทว่าไม่คัดค้าน รอยยิ้มมุมปากอบอุ่น 

 

 

กงอิ้นรู้นิสัยปากไม่ตรงกับใจของนางมานานแล้วเช่นกัน มือไถลจากบนผมนางอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ก่อนจะลุกยืนขึ้น ยกชามของตนเองขึ้นมามอบให้ชาววังนำไปล้าง 

 

 

จิ่งเหิงปัวยังคงรับมือโจ๊กของตนเอง ยิ้มแย้มพลางกล่าวว่า “เหตุใดต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย รอนำของข้าไปล้างด้วยสิ…” 

 

 

กงอิ้นหยุดอยู่ชั่วครู่ ไม่ได้เอ่ยวาจาใด แววตาทอดลงในชามของตนเอง 

 

 

ดื่มโจ๊กจนหมดสิ้น เหลือเพียงก้นชามเล็กน้อย ผุดเผยสีชมพูเจือจางเลือนราง 

 

 

ไม่รู้ว่าใช่เงาสะท้อนของดอกอวี้หลาน[1]กิ่งหนึ่งเหนือศีรษะหรือไม่ 

 

 

… 

 

 

จิ่งเหิงปัวทานอาหารเสร็จแล้วออกจากวัง นางพาจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยไปด้วยตามคำสั่ง 

 

 

ปกติแล้วนางใช้คนโดยอาศัยลางสังหรณ์ ลางสังหรณ์บอกว่าสองคนนี้เหมาะสม สำหรับจิ้งอวิ๋น นางรู้สึกว่าสาวงามขี้โรคคิดมากเกินไป แต่ก่อนชุ่ยเจี่ยเป็นสาวแก่นแก้ว ตอนนี้ค่อยๆ คิดมากเช่นกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้พวกนางครุ่นคิดกันให้เต็มที่ 

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย นางรู้สึกว่าตนเองมีกำลังคนไม่พอ 

 

 

โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนจะทำอาณาจักรธุรกิจอะไร แค่คิดจะหาเงินให้มากหน่อย ก่อตั้งกิจการให้มาก จะได้เป็นที่พึ่งพาให้ตนเองในภายภาคหน้า อย่างไรเสียมีเงินมีคนถึงทางรอดเยอะ ทำเรื่องอะไร หากไม่มีเงินย่อมทำไม่ได้ทั้งนั้น 

 

 

เรื่องแรกหลังออกเดินทางก็คือพุ่งตรงไปยังร้านค้าที่หลายวันก่อนจื่อหรุ่ยดูไว้ให้นาง นางจะเปิดร้านวาดภาพเหมือน 

 

 

ร้านวาดภาพเหมือนร้านนี้มีลักษณะแตกต่างจากร้านค้าธรรมดาทั่วไป ไม่ได้คิดจะเปิดที่ย่านตลาดที่มีผู้คนหนาแน่น ตรงกันข้าม สิ่งที่นางต้องการคือความสงบเงียบ ลึกลับ มีรสนิยม ทางที่ดีที่สุดต้องใกล้บริเวณคฤหาสน์ใหญ่โตรโหฐานที่ขุนนางสำคัญในราชสำนักพำนักอยู่ อย่างเช่น ตรอกกงเต๋อ ตรอกซีเกอที่เต็มไปด้วยขุนนางใหญ่ 

 

 

กระดาษอัดภาพไม่อาจผลิตได้อีก ทุกใบล้ำค่าอย่างยิ่ง ฉะนั้นร้านวาดภาพเหมือนนี้เดินสายการค้าระดับบนเท่านั้น เทียบเท่ากับธุรกิจขายของโบราณ ไม่เริ่มกิจการโดยง่าย เริ่มกิจการครั้งเดียวกินไปสามปี ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยแก่ราษฎร หากเปิดอยู่ในย่านตลาด พ่อค้าและลูกน้องต่างก็วิ่งมาดูความแปลกใหม่ได้ เช่นนั้นนายท่านฮูหยินที่ยึดถือสถานะเหล่านั้นจะรู้สึกว่าลดสถานะของตนเอง แล้วยังจะกล้ามาได้อย่างไร? 

 

 

ฉะนั้นบ้านที่ซื้อไม่ใช่แค่ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จื่อหรุ่ยถูกใจคฤหาสน์สามส่วนที่แต่ก่อนเป็นของขุนนางที่ปรึกษาท่านหนึ่งในตรอกซีเกอ ขุนนางที่ปรึกษาท่านนั้นถูกถอดตำแหน่งต้องออกจากเมืองหลวง คฤหาสน์ถูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้กันซื้อไว้ พักไว้ไม่ได้ใช้ตลอดมา ในจวนมีป่าไผ่เขียวชอุ่ม ร่มรื่นร่มเย็น พื้นศิลาเขียวคราม สายธารคดเคี้ยว สอดคล้องกับเงื่อนไขเกี่ยวกับ ‘สถานที่ถูกใจ มีเสน่ห์ แสงเงาดีโดยกำเนิด’ ของจิ่งเหิงปัว แต่ราคาสูงลิ่ว จิ่งเหิงปัวล้วงมรกตที่แบกกลับมาจากต้าเยียนอย่างยากลำบากออกมาทั้งหมดยังขาดอีกนิดหน่อย ที่นางออกไปวันนี้เพราะคิดจะต่อรองราคา 

 

 

จิ่งเหิงปัวถอนหายใจอยู่บนรถ อยูในตี้เกอไม่ง่ายเลยแฮะ ต้าฮวงอัญมณีมากเกินไป แม้แต่มรกตก็มีค่าน้อยกว่าต้าเยียนมาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อเทียบกับยุคปัจจุบัน ตอนแรกที่นึกว่าตนเองแบกคฤหาสน์นับไม่ถ้วนท่องโลกหล้าด้วยซ้ำเป็นเรื่องน้ำเน่า แท้จริงแล้วมูลค่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นยุคปัจจุบันคงจะเทียบเท่ากับห้องน้ำห้องหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ 

 

 

ขึ้นรถแล้ว นางกำลังดึงนิ้วมือดังกร๊อบแกร๊บ หน้าเขียวเขี้ยวงอกคิดว่าจะหั่นราคาอย่างไรดี มองเห็นจื่อหรุ่ยยิ้มพราวเดินขึ้นมา ในมือมีซองจดหมายซองหนึ่ง เอ่ยว่า “ฝ่าบาท วันนี้ฝีพระโอษฐ์เก่งกล้าของพระองค์ ดูท่าคงขาดแหล่งสำแดงกำลังแล้วเพคะ” 

 

 

“หืม?” นางรับเอามา เปิดซองจดหมายล้วงตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมา มาอยู่ได้ระยะหนึ่งแล้ว นางก็รู้จักของสิ่งนี้ เพียงแต่ตัวเลขบนตั๋วเงินนี้ทำให้นางไม่กล้ารู้จักขึ้นมา เบิกตามองดูอยู่นาน ก่อนจะใช้นิ้วมือจิ้มนับทีละเลขว่า “หนึ่งสองสามสี่ห้า…ว้าวจำนวนเงินสูงสุด ว้าวหลายใบจัง ว้าว! เอามาจากที่ใดกันหรือ เจ้าพิมพ์เองหรือ ผิดกฎหมายหรือไม่ เหมือนของจริงเลย!” 

 

 

“เดิมทีก็เป็นของจริงอยู่แล้ว หม่อมฉันคงไม่มีความสามารถขนาดนั้นเพคะ” จื่อหรุ่ยกลั้นรอยยิ้ม เอ่ยสืบต่อว่า “เมื่อครู่ก่อนขึ้นรถ อวี่ชุนให้หม่อมฉันมา เอ่ยว่าราชครูเอ่ยแล้ว ตามกฎเกณฑ์ของต้าฮวง ผู้รายงานแผนก่อกบฏมีคุณูปการใหญ่ต่อประเทศ ตามกฎเกณฑ์ได้รับทรัพย์สินหนึ่งในห้าส่วนของผู้คิดก่อกบฏ ตั๋วเงินนี้คือทรัพย์สินหนึ่งในห้าส่วนที่ถูกขายไปของตระกูลซัง เป็นของพระองค์แล้วเพคะ” 

 

 

“วะฮะฮ่าๆ มีข้อนี้ด้วย!” จิ่งเหิงปัวดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึง คว้าตั๋วเงินไว้ในครั้งเดียวนับดังพึ่บพั่บ พอสัปหงกเจอหมอนอุ่น พอไม่มีเงินใช้บนฟ้าก็มีทองแท่งร่วงมาจริงๆ เลย! 

 

 

ยังจะเกรงใจอะไรอีก รีบเก็บเข้าสิ ใช้เงินที่แฟนหนุ่มให้ นี่มันก็ถูกหลักทำนองคลองธรรมแล้ว 

 

 

“ประมวลกฎหมายต้าฮวงเหมือนกองอึหมา มีข้อนี้ล่ะดีที่สุด” จิ่งเหิงปัวที่นอนหนุนตั๋วเงินชมเชยเสียงดัง 

 

 

“เป็นเช่นนี้ฝ่าบาท” ศีรษะอวบอ้วนของอวี่ชุนพลันยื่นเข้ามา เอ่ยอย่างไม่โง่เขลาเลยแม้แต่น้อยว่า “ประมวลกฎหมายข้อนี้เพิ่งเสนอขึ้นมา ยังไม่ทันได้ผ่านการเห็นชอบอย่างเป็นทางการ ทว่าราชครูเอ่ยออกมาแล้ว หากไม่ผ่านก็ต้องผ่าน เป็นเช่นนี้แล” 

 

 

… 

 

 

ลานบ้านของขุนนางที่ปรึกษาคนก่อนในตรอกกงเต๋อ เช้าตรู่วันนี้มีคนกำลังเก็บกวาด ตระเตรียมให้ผู้ซื้อเดินทางมาเยี่ยมชม บุรุษอายุสามสิบกว่าหน้าใสไร้หนวดเคราผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าธรณีประตู ฟังรายงานจากพ่อบ้านของที่แห่งนี้ 

 

 

“มีคนอยากซื้อลานบ้านแห่งนี้หรือ” เขาพยักหน้า พินิจโดยรอบแล้วเอ่ยว่า “ขายได้ก็ขายไปเถิด สถานที่เปล่าเปลี่ยวเงียบสงบไปหน่อย ทำการค้าขายมิได้ ซ้ำยังไม่ใหญ่โตพอ โอ้อวดความหรูหราฟุ่มเฟือยของเหล่าขุนนางไม่ได้ อีกทั้งแสงเงามืดครึ้ม ไม่สอดคล้องกับรสนิยมของเหล่านายท่าน ที่นี่ปล่อยว่างมานานหลายปีแล้ว ขายไปได้เร็วหน่อย บัญชีของฮูหยินจะได้มีเงินอีกก้อนเพิ่มเข้ามา” ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยสืบต่อว่า “แม้วาจาจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ราคาต้องไม่ถูกเกินไป หากน้อยไป จะเสียศักดิ์ศรีของจวนเสนาบดีกองขุนนางของพวกเรา อีกทั้งตรวจการณ์ทรัพย์สินของฝ่ายตรงข้ามให้ละเอียด หากไม่มีหัวนอนปลายเท้า ลักษณะต่ำต้อย จะขายให้ไม่ได้ จวนเสนาบดีกองขุนนางของพวกเราไม่อาจเป็นสหายข้างจวนกับพวกคนต่ำต้อยเช่นนี้” 

 

 

“นายท่านหวงคิดมากแล้ว ผู้ซื้อมองปราดเดียวก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดา” พ่อบ้านนั้นยิ้มแย้มเอ่ยว่า “เป็นแม่นางที่ท่าทางสง่าผ่าเผย รูปโฉมงดงามยิ่งนักเชียวล่ะ” 

 

 

คนผู้นั้นหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวไปโดยพลัน 

 

 

“แม่นางหรือ?” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

“คนเดียว?” 

 

 

“เพียงพาผู้ติดตามมาด้วยสองสามคน สตรีที่ต้องเปิดเผยหน้าตาในสมัยนี้ ส่วนมากในเรือนคงไม่มีผู้ใดแล้ว” 

 

 

“รูปโฉมงดงาม?” 

 

 

“สวยสง่าโดยแท้ โดยเฉพาะท่าทางโดดเด่น ดูดีมีการศึกษา พบเห็นได้ยากนัก” 

 

 

บุรุษยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแล้ว 

 

 

“ข้าอยู่รอดูสักหน่อย มองดูว่าท่าทางเป็นเยี่ยงไร” เขาเอ่ย 

 

 

พ่อบ้านถอยออกไปอย่างรู้งาน 

 

 

ต่างรู้ว่าหมู่นี้จวนเสนาบดีกองขุนนางกำลังตามหาสตรีมีสกุลอยู่ 

 

 

พ่อบ้านส่ายหน้าอย่างเงียบเชียบ แบะปาก…จวนเสนาบดีกองขุนนาง! ทรัพย์สินมากมายเชียว จวนขุนนางสูงส่งแห่งหนึ่งเชียว หากไม่ใช่คนในจวน ผู้ใดจะรู้ถึงความโสมมที่อยู่ภายใต้อาภรณ์สูงส่งชั้นนอก? นายท่านเป็นคนไม่มากความทว่าเจ้าชู้ ฮูหยินเป็นคนตระหนี่เหลือเกิน ต่างคนต่างควานหาเงินกันอยู่ในจวน ซ้ำยังมีนายน้อยที่ป่วยไข้โซเซผู้หนึ่งหาสตรีมา ‘สมรสสะเดาะเคราะห์’ ตลอดวัน ทุกปีเหล่าสาวใช้ถูกฮูหยินทารุณจนสิ้นชีพหรือถูกนายน้อย ‘สมรสสะเดาะเคราะห์’ จนสิ้นชีพกันไปหลายคน ชื่อเสียงเลวร้ายเหลือเกิน ส่งผลให้ฮูหยินอยากหาอนุภรรยามีสกุลให้นายท่านสักคนเพื่อคว้าหัวใจที่ค่อยๆ ลอยไปหาเรือนร่างสตรีข้างนอกของนายท่านกลับมา ต่างไม่มีผู้ใดกล้ายอมสมรสด้วย 

 

 

ดูท่าทาง หลานชายห่างๆ ของฮูหยินที่มาขอพึ่งบารมี รับตำแหน่งพ่อบ้านขั้นสามคนใหม่ของคฤหาสน์ใหญ่โตท่านนี้ คงรีบเร่งทำผลงานเบื้องหน้าฮูหยิน คราวนี้จะแก้ปัญหานี้ให้ฮูหยินแล้วหรือ? 

 

 

พ่อบ้านที่ดูแลลานบ้านแห่งนี้ นึกถึงวันนั้นที่ได้เห็นท่าทางหรูหราสง่างามยามซย่าจื่อหรุ่ยเดินทางมาเจรจาค้าขาย แล้วนึกถึงหลานสาวของตนเองที่ถูกกลั่นแกล้งจนสิ้นชีพในยามนั้น ก็ยิ้มเยาะพลางส่ายหน้า ตัดสินใจว่าเรื่องนี้ไม่เตือนสตินายท่านหวงแล้ว 

 

 

ผู้ใดอยากก่อเวรก่อกรรม จงรับผิดชอบด้วยตนเอง! 

 

 

… 

 

 

 

 

 

[1] ดอกอวี้หลาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Magnolia denudata หรือดอกแมกโนเลีย ไม้ยืนต้น ดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน