บัญชามังกรเดือด บทที่ 980 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน
และอีกด้านหนึ่ง ฉินเทียนอยู่ที่อุทยานมังกรโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
ในทุกวันเขายุ่งอยู่แต่กับการดูแลซูซูและได้ปรุงยาถ้วยที่สองให้กับเธอแล้ว
หลังจากรักษาด้วยยาต้มสองถ้วย ผิวของซูซูนั้นก็ดูดีขึ้นมาก
ไม่เพียงแต่จะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นเท่านั้น แต่การนอนหลับของเธอก็ยังรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของซูซู ในที่สุดก็ทำให้ความกังวลที่มีมาเนิ่นนานของทุกคนนั้นได้บรรเทาลง
โดยเฉพาะหยางยู่หลัน หล่อนซ่อนตัวอยู่ภายในห้องพลางเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมาด้วยความดีใจ
ตั้งแต่ซูซูป่วยเป็นโรคประหลาดนี้ หล่อนโทษตัวเองตลอดเวลา โดยคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะตัวหล่อนเอง
เป็นหล่อนเองที่ดูแลซูซูได้ไม่ดีพอ ทำให้เธอต้องพบเจอเรื่องราวยากลำบากมากมาย
ยังโชคดี ตอนนี้เรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อีกไม่นาน ซูซูก็จะให้กำเนิดทายาทสืบทอด
ตราบใดที่มีลูก ซูซูและฉินเทียนก็จะมีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว
ความดีใจของหยางยู่หลัน อยู่ภายในสายตาของหม่าเสี่ยวเชวี่ย และหล่อนเช็ดน้ำตาบริเวณมุมหางตาด้วยความเงียบงัน
ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ภายในบ้านตระกูลฉิน เธอได้รับการดูแลจากหยางยู่หลันด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน
ความอบอุ่นแบบนั้นเป็นความรักในครอบครัวที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ระยะเวลาที่ซูซูป่วย หม่าเสี่ยวเชวี่ยเองก็ร้อนใจมาก แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย
ในที่สุดวันนี้อาการของซูซูก็ดีขึ้นแล้ว เธอมีความสุขมาก
เธอรู้ว่าสาเหตุที่หยางยู่หลันซ่อนตัวอยู่ในห้องและแอบร้องไห้ เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นความเปราะบางของเธอ
ในฐานะแม่ ความอดทนและความเด็ดเดี่ยวของหยางยู่หลันนั้นทำให้เธอเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
ความรู้สึกที่ดีมากเช่นนี้ เธอโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้มาเป็นลูกสาวบุญธรรมของหยางยู่หลัน มีความสุขไปกับครอบครัว!
หม่าเสี่ยวเชวี่ยไม่ต้องการให้หยางยู่หลันร้องไห้อีกแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามเดินเข้าไป
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอพลันเกิดไอเดียดีๆ จากนั้นเคาะประตูอย่างแผ่วเบา “แม่คะ ไม่ใช่แม่บอกว่าจะช่วยพี่ซูซูแขวนอักษรมงคลหรอกเหรอ เมื่อไรจะไปแขวนล่ะคะ?”
“ฮะ? อ้อ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” หยางยู่หลันรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตน จากนั้นเดินออกจากห้องพร้อมภาพอักษรมงคลที่ปักด้วยตนเอง
“ไป พวกเราไปแขวนไว้ที่ห้องของหล่อนกัน”
ทั้งสองคนถือภาพปักอักษรมงคลไว้และรีบตรงไปยังห้องของซูซู
ฉินเทียนและซูซูไม่ได้อยู่ภายในห้องนอน คาดว่าน่าจะออกไปเดินเล่นกันอยู่
การเคลื่อนไหวของหยางยู่หลันนั้นรวดเร็วมาก ภายใต้การช่วยเหลือจากหม่าเซวี่ย ตอกเข็มหมุดเสร็จภายในไม่กี่นาทีและแขวนภาพอักษรมงคลเสร็จเรียบร้อย
“เมื่อพี่ซูซูได้เห็นจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
หม่าเสี่ยวเชวี่ยยิ้มพลางเริ่มเก็บอุปกรณ์ แต่กลับไม่ทันระวัง กล่องเข็มหมุดร่วงหล่นและกระจายเต็มพื้น
“ไอหยา ทำไมแกไม่ระวังเลย เข็มหมุดเหล่านี้คมมาก อย่าให้ซูซูเหยียบเอาได้!”
“ใช่แล้ว รีบ พวกเรารีบเก็บเร็วเข้าเถอะ”
ทั้งสองคนง่วนกันอยู่พักหนึ่ง เก็บเข็มหมุดที่ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและเดินออกไปด้วยความพึงพอใจ
ช่วงพลบค่ำ ซูซูเดินกลับเข้ามาภายในห้องด้วยการประคับประคองจากฉินเทียน
ทันทีที่เธอนั่งลงข้างเตียง เธอรู้สึกแปลกบริเวณพื้นรองเท้าของเธอ
เมื่อยกเท้าดู ขณะนั้นเธอก็อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“เข็มหมุดมาจากไหนกัน? ฉันเหยียบไปสองดอกแหนะ”
“ฮะ?” ฉินเทียนตื่นตระหนกและรีบถอดรองเท้าของซูซู
ยังโชคดีที่พื้นรองเท้าของซูซูนั้นหนามาก เข็มหมุดไม่สามารถทิ่มทะลุไปได้ เพียงแต่ฝังอยู่ในพื้นรองเท้า
“ใครกันสะเพร่าขนาดนี้ ถ้าพื้นรองเท้าบางกว่านี้ มีหวังได้ทิ่มเท้าของคุณแน่!”
ฉินเทียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้ ผมจะต้องไปดูว่าใครกล้าเข้ามาวุ่นวายในห้องของพวกเรา!”
ซูซูห้ามเขาไว้ จากนั้นชี้ไปยังรูปอักษรมงคลบนผนัง “ไม่ต้องหรอก จะต้องเป็นแม่ของฉันอย่างแน่นอน”
“ถ้าคุณไปบอกหล่อนว่าฉันเหยียบเข็มหมุด หล่อนจะต้องโทษตนเองอย่างแน่นอน อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไร ครั้งหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ก็พอแล้ว”
ซูซูกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สามารถดับมอดอารมณ์ฉุนเฉียวของฉินเทียนได้ทันที
ถ้าหากเป็นคนอื่นทำเข็มหมุดหล่นแบบนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไปอย่างง่ายดายแน่นอน
แต่บังเอิญว่าเป็นแม่ยายทำหล่น อีกทั้งภรรยาของเขายังไม่ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เขาจะสามารถทำอย่างไรได้? ทำได้เพียงแค่อดกลั้นไว้อย่างเชื่อฟัง
“พอแล้ว เอาล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะพาฉันไปดูดาวหรอกเหรอ? คืนนี้ก็ไม่เลวนะ พวกเราไปด้านนอกกันเถอะ”
ซูซูเกลี้ยกล่อมฉินเทียนที่มีใบหน้าหม่นหมอง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกมาบริเวณสวนอีกครั้ง
บรรยากาศค่ำคืนนี้ดีมาก ดาวเต็มฟ้า เหมือนคืนนั้นที่ฉินเทียนกลับมาจากเกาะหวัง
ทั้งสองกอดกันแน่น บรรยากาศอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้ เสียงแตรรถดังขึ้นด้านนอกประตู
ดึกดื่นขนาดนี้ใครจะมาเยี่ยมเยียนกัน?
ฉินเทียนหันศีรษะไปมอง จากนั้นพบว่ารถตู้คันหนึ่งถูกเหลิ่งเฟิงสกัดกั้นไว้
เมื่อลดกระจกลง ซูเหวินเฉิงก็โผล่หน้าออกมา “พี่เขย ฉันเอง!”
เมื่อเห็นซูเหวินเฉิง ฉินเทียนรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก
เขามีหน้าที่ช่วยเหลือหลิวชิงพัฒนาเครือข่ายการตลาดทางทางเหนือไม่ใช่หรือ?
มาเยือนดึกดื่นขนาดนี้ หรือว่าประสบปัญหาถูกจู่โจมโดยตระกูลเซี่ยแห่งทางเหนือ?
ครั้งก่อนที่เดินทางไปยังเกาะตงไห่ เขาเอาชนะเฒ่าแร้ง อีกทั้งยังทำให้เซี่ยหมิงผู้สูงศักดิ์ต้องเสียหน้า
ยิ่งไปกว่านั้นหวังตัวยวี่กล่าวในที่สาธารณะว่าหล่อนจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเขา เช่นนั้นเขาจึงกลายเป็นคู่แค้นของตระกูลเซี่ยแห่งทางเหนือ
ผู้นี้มีนิสัยชอบล้างแค้นอย่างเซี่ยหมิง จะต้องเอาคืนเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน
มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะเริ่มจู่โจมธุรกิจทางทางเหนือของพวกเขาแล้ว
ขณะที่ฉินเทียนกำลังครุ่นคิด ซูเหวินเฉิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ สามารถเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำ อีกทั้งชุดสูทของเขาก็ยับยุ่งเหยิงมาก รู้ได้ทันใดว่าถูกทุบตีและชกต่อย
ซูซูไม่ได้เจอซูเหวินเฉิงมาเนิ่นนาน ทันใดนั้นเมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพยับเยินเช่นนี้ น้ำเสียงของเธอนั้นกังวลเป็นอย่างมาก
“เหวินเฉิง นายเป็นอะไร? ไปทะเลาะกับใครมา?”
ฉินเทียนขยิบตาให้ซูเหวินเฉิงทันที ภายในหัวใจของเขาสามารคาดเดาได้ประมาณ70-80% ไม่ต้องการให้ซูซูเป็นกังวล
ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับสุขภาพของซูซู
ซูเหวินเฉิงนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้า เขาเช็ดเลือดบริเวณมุมปาก “ไม่มีอะไรหรอกพี่ เจอพวกอันธพาลสองสามคนระหว่างทาง ฉันจัดการพวกเขานิดหน่อยน่ะ”
“เกินไปแล้ว ทำไมต้องลงมือกันรุนแรงแบบนี้ นายแจ้งตำรวจหรือยัง?”
ซูซูโกรธมาก “ทำร้ายคนอื่นตามใจชอบแบบนี้ ไอ้คนเลวพวกนี้จะต้องโดนจับเข้าคุก!”
“แจ้งแล้ว แจ้งแล้ว พี่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เขยหน่อย พี่จะกลับไปพักผ่อนก่อนไหม?”
“เป็นผู้หญิง อย่านอนดึกเกินไป มิฉะนั้น ใบหน้าจะหมองคล้ำและผิวจะหยาบกร้าน”
“ฉันจะส่งพี่กลับเข้าห้องนอนก่อน นอนหลับพักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้พวกเราสองคนค่อยพูดคุยกัน”
ซูเหวินเฉิงหัวเราะและเกลี้ยกล่อมซูซู จากนั้นเธอสงบลง เอ่ยอย่างไม่พอใจ “มีอะไรที่ไม่สามารถบอกฉันได้งั้นเหรอ มีลับลมคมใน จะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน”
“วางใจเถอะพี่ พี่เขยก็อยู่ตรงนี้ ฉันจะกล้าทำผิดได้อย่างไรกัน พี่ทำใจให้สบายแล้วกลับไปพักเถอะ”
ฉินเทียนอุ้มซูซูกลับไปยังห้องนอน จากนั้นปิดประตูและเทน้ำอุ่นให้กับซูเหวินเฉิง “พูดมาเถอะ พวกนายเจอปัญหาการถูกกดขี่ที่ทางเหนือใช่ไหม?”
“พี่เขย พี่เทพมาก ฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ!”
ซูเหวินเฉิงเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นและเทน้ำอุ่นหนึ่งแก้วก็คว่ำลง
“พี่เขย พวกเราไปทางเหนือในครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องยากมากจริงๆ”
“ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างก็เอาใจยากมาก ทันทีที่พวกเราไปถึง สมาคมท้องถิ่นของพวกเขาก็เข้ามาหาพวกเราและกล่าวว่าจะต้องจ่ายเงินตามจริง”
“พวกเรายังไม่ทันจะเปิดร้านเลยด้วยซ้ำ พวกเขาก็มาจะเอาเงินแล้ว หน้าไม่อายเกินไปหน่อยแล้ว!”
คนเรามีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องของการทำธุรกิจ
ทุกครั้งที่ไปยังสถานที่ใหม่ อย่างไรก็จะต้องจ่ายเงินให้กับผู้นำ ไม่อย่างนั้นต่อให้คุณทำการเปิดร้าน ถ้าไม่ถูกขอทานก่อกวนก็จะมีคนพาลมาหาเรื่อง เป็นการยากที่จะดำเนินธุรกิจต่อ
แต่อย่างไรเสีย ทันทีที่ซูเหวินเฉิงและพวกเขาไปถึง สมาคมท้องถิ่นก็เป็นฝ่ายริเริ่มเข้ามาเอาเงิน นี่เป็นการหากินที่น่าเกลียดเกินไปแล้ว!