ในเวลาเพียงไม่นาน นับรบทั้งสิบเก้าคนก็หลงเหลือเพียงเจ็ดคน และเมื่อมองไปก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความรวดเร็วของพวกเขากำลังเสื่อมถอยลง
อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่า คนที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์เป็นห่วงที่สุดก็คือมารดาของนาง ดังนั้นศัตรูที่เหลืออีกเจ็ดคน นางจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซย่าโหวฉิงเทียน ส่วนตนเองเข้าไปจัดการสุ่ยเจ๋อหนาน
ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั้นนับเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวในสายตาของสุ่ยเจ๋อหนาน แต่สาวน้อยในชุดสีมพูนั้นไม่น่าหวาดกลัวแต่อย่างใด
หากว่าในมือของอวี้เฟยเยียนมียาพิษ เขาก็จะรีบหลบหลีกไปให้ไกล จะได้ไม่ถูกนางวางยาพิษเอาได้
แต่เมื่อครู่เขาเห็นกับตาว่าอวี้เฟยเยียนโยนผงยาพิษให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ไปเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นตอนนี้ ในสายตาของสุ่ยเจ๋อหนาน อวี้เฟยเยียนเป็นเพียงจอมปราชญ์อาวุโสตัวเล็กๆที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่านั้น
คนของตนถูกสังหารจนตายไปจำนวนมาก ทำให้สุ่ยเจ๋อหนานทั้งโกรธทั้งแค้น ตอนนี้อวี้เฟยเยียนมาให้เขาเชือดถึงที่ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องฆ่าคนเพื่อระบายแค้นอยู่แล้ว!
ไม่สิ เขาจะจับอวี้เฟยเยียนมาเป็นเชลย เช่นนั้นแล้วจะทำให้หมากตัวสำคัญในมือของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกคน
สุ่ยเจ๋อหนานรอจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนเข้ามาใกล้และเมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางก็ถึงกับแสยะยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา
‘คนงามเสียด้วย!’
‘อีกทั้งนิสัยยังแข็งกร้าวดุร้ายไม่เบา! อย่างนี้ฆ่าไม่ได้ ต้องเก็บเอาไว้ชื่นชมให้หนำใจ!’
ดูเอวเล็กๆนั่นสิ ทั้งเรียวบางอ้อนแอ้นทั้งอ่อนช้อย จะจับบิดไปทางไหนก็ย่อมได้ เชื่อแน่ว่านางจะต้องเป็นของเล่นชั้นดียามเมื่ออยู่บนเตียงอย่างแน่นอน!
แววตาหื่นกระหายของสุ่ยเจ๋อหนาน อวี้เฟยเยียนไหนเลยจะมองไม่ออก
‘ตาเฒ่านี่ รนหาที่ตายชัดๆ!’
พู่กันพิพากษาในมือของอวี้เฟยเยียนพุ่งตรงเข้าไปที่ดวงตาของสุ่ยเจ๋อหนาน
‘คนสวยดุเสียด้วย!’
สุ่ยเจ๋อหนานหลบหลีกได้ทัน เขาฉีกยิ้มน่ารังเกียจออกมา
“คนสวยตัวน้อย ดุดันถึงเพียงนี้เชียว น่าสนใจยิ่งนัก! รอให้ข้าจัดการธุระที่นี่ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน พวกเราค่อยกลับไปสนุกด้วยกันสักตั้ง!”
“เหอะ! ก็ต้องรอดูว่าเจ้าจะมีชีวิตกลับไปได้ไหม!” อวี้เฟยเยียนลงมือไม่มีปราณี พู่กันพิพากษาในมือของนางราวกับมีตาก็ไม่ปาน จ้วงแทงไปยังจุดตายของสุ่ยเจ๋อหนานแทบทุกครั้ง
“ยังไม่ทันได้ลิ้มรองคนสวยตัวน้อยเลย ข้าจะยอมตายได้อย่างไรกัน!”
สุ่ยเจ๋อหนานกล่าวจบ พู่กันพิพากษาก็เฉียดไหล่ของเขาไปเพียงนิด ทิ้งบาดแผลที่โชกเลือดซึ่งลึกถึงกระดูกเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
กระทั่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากร่างกายของตน สุ่ยเจ๋อหนานจึงเพิ่งจะรู้ว่า สาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นนับว่าเป็นผู้มีฝีมือคนหนึ่ง
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไปจริงๆ!” สุ่ยเจ๋อหนานกระชากปลายเสื้อออกมาเพื่อห้ามเลือดบริเวณบาดแผล
เวลานั้นแววตาของเขาวาวโรจน์ด้วยแรงสังหาร นับตั้งแต่เขาสำเร็จขั้นราชาอาวุโส ก็ไม่มีใครกล้ามาท้าทายเขาอีกเลยทำให้เขาไม่ได้บาดเจ็บมาเป็นเวลานาน มาวันนี้กลับถูกปราชญ์อาวุโสตัวเล็กๆเล่นงานจนบาดเจ็บได้ มันถือเป็นการลบหลู่เขาอย่างใหญ่หลวงทีเดียว!
“คนสวยตัวน้อย! ในเมื่อไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง ข้าก็ไม่ถือสาที่จะขืนใจศพ!”
สุ่ยเจ๋อหนานชักกระบี่ออกมา ลำแสงสีเขียวล้อมรอบไปทั่วร่าง
“เยียนเอ๋อร์ระวัง กระบี่สุริยันจันทราของเขาร้ายกาจยิ่งนัก!” อวี้ซิงฉงเมื่อเห็นภาพนั้น เขาก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่อวี้ซิงฉงจะเข้าไปช่วยเหลืออวี้เฟยเยียน ทันใดนั้น ทันใดนั้นผู้ที่เมื่อครู่ยังวรยุทธ์สูงส่งอยู่เลยอย่างสุ่ยเจ๋อหนานกลับเริ่มโซซัดโซเซ มือขวาจับกระบี่ปักลงบนพื้น เข่าข้างหนึ่งทรุดลงเพื่อคำยันร่างกาย
ขณะเดียวกันเลือดที่ออกมาจากบาดแผลที่บ่าของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำ ทำให้สุ่ยเจ๋อหนานตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“นังคนชั้นต่ำ เจ้าวางยาพิษข้า!” เดิมทีสุ่ยเจ๋อหนานคิดว่าอวี้เฟยเยียนได้โยนถุงยาพิษให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ไปหมดแล้ว ในตัวนางของนางคงจะไม่หลงเหลือพิษอยู่อีก จึงสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย ไหนเลยจะคาดคิดว่านางกลับทายาพิษเอาไว้บนพู่กันซึ่งเป็นอาวุธของนาง
เขาช่างสะเพร่าจริงๆ!
“ไอ้น่าโง่ ข้าเป็นหมอ เจ้าคิดว่าข้าจะใช้วรยุทธ์ต่อสู้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ต่ำช้า!”
รู้สึกว่าแขนขวาของตนค่อยๆอ่อนเปลี้ยและด้านชา สุ่ยเจ๋อหนานก็พุ่งเข้าไปหามารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้ววางกระบี่ชิดลำคอของนางทันที
“เอายาถอนพิษมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย!” สุ่ยเจ๋อหนานกล่าวด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม
ด้วยเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะไม่ยอมมอบยาถอนพิษให้ สุ่ยเจ๋อหนานจึงกดกระบี่กรีดไปบนลำคอของซือไท่มารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เล็กน้อย
“ท่านแม่”
เสียงร้อนรนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ดังขึ้น นางจะก้าวเท้าออกไปแต่ทว่าถูกอวี้ซิงฉงรั้งเอาไว้
“เยว่เอ๋อร์ พวกเราต้องเชื่อในเยียนเอ๋อร์!”
เมื่อได้ยินเสียงเตือนของอวี้ซิงฉง สุ่ยเยว่เอ๋อร์จึงค่อยได้สติ นางไม่ควรจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับอวี้เฟยเยียน
ในขณะที่สุ่เยจ๋อหนานกำลังครุ่นคิดว่าตนเองกำลังเข้าตาจนนั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็โยนยาเม็ดสีแดงมายังเบื้องหน้าของเขา
“เอาไป!” การที่อวี้เฟยเยียนยอมมอบยาถอนพิษออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ตรงกันข้ามกลับทำให้สุ่ยเจ๋อหนานไม่เชื่อถือ เขาเคยตกหลุมพรางของอวี้เฟยเยียนมาครั้งหนึ่งแล้ว ดั่งที่โบราณว่าเอาไว้ ผิดเป็นครู รู้จักเข็ดหลาบ
“เจ้าโกหก! เจ้ากินยานั่นเข้าไปเสียก่อน ข้าจึงจะเชื่อเจ้า!”
“ได้ ข้าจะกิน!” อวี้เฟยเยียนค่อยๆเดินเข้าไปหาสุ่ยเจ๋อหนานอย่างช้าๆ ในขณะที่สุ่ยเจ๋อหนานกดกระบี่เข้าไปชิดลำคอของซือไท่มากยิ่งขึ้น พร้อมๆกับมองมาที่อวี้เฟยเยียนอย่างระแวดระวัง
วินาทีที่อวี้เฟยเยียนหยิบยาเม็ดนั้นท่าทางจะกลืนมันเข้าไปนั่นเอง นางก็ใช้ศีรษะของตัวเองต่างอาวุธกระแทกเข้าที่ดวงตาของสุ่ยเจ๋อหนานอย่างแรง
“อ๊าก! นังคนชั้นต่ำ!”
สุ่ยเจ๋อหนานกุมที่ดวงตาของตนแล้วร้องออกมาเสียงดัง เตรียมจะลงมือทำร้ายมารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์
ฉับพลัน อวี้เฟยเยียนก็ปล่อยเข็มเงินออกไป เข็มเงินพุ่งเข้าแทงที่ดวงตาทั้งสองข้างของสุ่ยเจ๋อหนานทันที ขณะเดียวกันอวี้เฟยเยียนก็พุ่งตัวเข้ากอดมารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เอาไว้ คนทั้งสองกลิ้งลุนๆไปตามทางลาดรอดพ้นจากเงื้อมือของสุ่ยเจ๋อหนานมาได้
“นังชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ!”
ดวงตาทั้งสองข้างของสุ่ยเจ๋อหนานมีเลือดไหลออกมา เขาพยายามคลำทางเพื่อลุกขึ้น มือจับกระบี่เอาไว้ไล่ฟันไปทั่วทุกทิศทางอย่างไรจุดหมาย
วินาทีที่เขาใช้กระบี่ฟันมั่วไปทั่วนั้นเอง กระบี่ของเขาก็ถูกใครบางคนหนีบเอาไว้แน่น พลันสุ่ยเจ๋อหนานก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่รุนแรง
“ขืนใจศพ? “
น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนเย็นชาราวกับน้ำเย็นในเดือนสิบสอง หากมิใช่ต้องจัดการเศษสวะที่เหลือเหล่านั้นให้เรียบร้อย เขาคงเด็ดหัวสุ่ยเจ๋อหนานไปตั้งนานแล้ว
‘นี่มันบังอาจมาคิดไม่ซื่อกับแมวน้อย?’
‘รนหาที่ตาย’
“ในเมื่อเจ้าชอบนัก เช่นนั้นข้าก็จะส่งเสริมเจ้า!” ซย่าโหวฉิงเทียนหักแขนหักขาของสุ่ยเจ๋อหนาน แล้วโยนเขาทิ้งเอาไว้บนพื้น ขณะเดียวกันก็จัดแจงยัดยาเม็ดสีแดงสดเม็ดหนึ่งใส่ปากสุ่ยเจ๋อหนานไปด้วย
“เจ้าจะทำอะไร? เจ้าจะทำอะไร!” สุ่ยเจ๋อหนานหวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว
ยาเม็ดเมื่อครู่คือยาถอนพิษ มันกำลังบรรเทาความเจ็บปวดที่แขนขวาของเขา
แต่สุ่ยเจ๋อหนานไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเพราะอะไร ชายผู้นี้จึงต้องกระทำเช่นนี้
‘ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายไปเสียเลย? ชายผู้นั้นถึงขนาดทำลายวรยุทธ์ หักแขนหักขาของเขาแล้ว แต่กลับยังให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป’
สุ่ยเจ๋อหนานรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด เขากลัวตาย แต่ที่หวาดกลัวยิ่งกว่าตายนั่นก็คือ การถูกทรมานยิ่งกว่าตาย
อีกด้าน สุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ประคองมารดาขึ้นมา
“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ! ท่านแม่ ลำบากท่านแล้ว!”
“ข้าไม่ลำบาก คนที่ลำบากคือเจ้าต่างหาก!”
ซือไท่ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ด้วยอาการตื่นเต้น นางไม่ได้พบบุตรสาวมาเป็นเวลานาน มองดูใบหน้าที่ซูบผอมของสุ่ยเยว่เอ๋อร์แล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกสงสารบุตรสาวยิ่งนัก
ทว่าประโยคที่นางกล่าวขึ้นหลังจากนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน
“ลูกเอ๋ย พ่อของเจ้ามิใช่สุ่ยเจ๋อซี เขาคือศัตรูที่ฆ่าท่านพ่อของเจ้าต่างหาก! เดิมทีเขาคือสหายของท่านพ่อของเจ้า เพราะเขาหลงใหลในความงามของแม่ จึงฉวยโอกาสสังหารพ่อของเจ้า แล้วแย่งชิงแม่มาเป็นอนุภรรยาของเขา”
“เดิมทีแม่คิดที่จะตายตามสามีไป แต่ในตอนนั้นแม่มีเจ้าอยู่ในท้องเสียแล้ว ดังนั้นแม่จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน! แม้กระทั่งในตอนที่ให้กำเนิดเจ้านั้น แม่ยังต้องซื้อตัวหมอตำแย เพื่อให้นางพูดออกไปว่าแม่คลอดก่อนกำหนด จึงสามารถช่วยให้เจ้ารอดชีวิตมาได้…”
“ลูกเอ๋ย เจ้าไม่ได้แซ่สุ่ย เจ้าแซ่หมี หมีเยว่คือชื่อที่แม่และพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าตั้งให้กับเจ้า!”
ข้อมูลที่ได้รับจากคำพูดของมารดามากมายเหลือเกิน ซึ่งสุ่ยเยว่เอ๋อร์ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้
คนที่นางเรียกเขาว่าพ่อมาตั้งหลายปี ที่แท้แล้วคือศัตรูที่ฆ่าบิดาของนาง เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเข้าทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์สะเทือนใจไม่น้อย