บทที่ 1381 ส่งส่วย / บทที่ 1382 เพราะหลงใหลในความงามของพี่เก้าต่างหาก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1381 ส่งส่วย

“นึกไม่ถึงว่าพันธมิตรอู๋เว่ยที่ฉันสร้างมากับมือ…ตอนนี้ฉันกลับกลายเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง น่าขำจริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มหยัน

“พี่…คือพี่เฟิ่งจริงๆ เหรอ?” ชีซิงจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่น

“ชีซิง ตอนนายเก้าขวบ ฉันช่วยนายออกมาจากสลัม จากนั้นนายก็ติดตามฉันมาตลอด นายยังจำได้มั๊ย?” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว

“ผมจำได้…” ชีซิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า

เยี่ยหวันหวั่นยิ้มอย่างพอใจ ไม่เลวๆ นี่เป็นข้อมูลที่เธอสืบมาก่อนหน้านี้

“พี่เฟิ่ง…ผม…”

ชีซิงเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เขายังไม่ทันพูดอะไร จู่ๆ ก็มีสมาชิกของพันธมิตรอู๋เว่ยมารายงานว่าคนส่งสารของอาชูร่ามาขอเข้าพบ

“อาชูร่า…” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายกลุ่มหนึ่งก็สาวเท้ายาวๆ เข้ามาในห้องประชุม ชายที่เป็นหัวหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นแล้วประสานมือทำท่าคารวะ “หัวหน้าไป๋ ได้ยินชื่อเสียงมานาน”

“อาชูร่ามาหาฉันมีเรื่องอะไร” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเย็น

“หัวหน้าไป๋ เรื่องในอดีตนายของเราจะไม่เอาเรื่องกับคุณแล้ว…แต่ใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่นี้ ต้องจ่ายส่วยทุกเดือน พันธมิตรอู๋เว่ยต้องจ่ายส่วยครึ่งหนึ่ง นี่เป็นกฎ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจดี!” ชายที่เป็นหัวหน้ากล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง

“หึๆ…น่าขำ!” เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืนแล้วจ้องหน้าคนของอาชูร่า จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ฉันไป๋เฟิ่งเป็นใคร พวกนายไม่รู้หรือไง มีแต่ฉันที่คอยเก็บส่วย ยังไม่เคยมีใคหน้าไหนกล้ามาเก็บส่วยจากพันธมิตรอู๋เว่ยซักครั้ง…”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองคนส่งสารด้วยรอยยิ้มจางๆ เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง “เอาอย่างงี้เป็นไง? ตั้งแต่นี้ไป รายได้ทุกเดือนของอาชูร่าให้ส่งส่วยมาให้พันธมิตรอู๋เว่ยของเราครึ่งหนึ่ง!”

“คุณ…คุณว่าไงนะ…” ชายที่เป็นหัวหน้าหน้าบึ้งทันที หน้าตาเหมือนไม่อยากเชื่อ คล้ายนึกไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดจาบ้าๆ อย่างนี้ออกมาได้

“กลับไปบอกนายแห่งอาชูร่า ถ้าอยากได้ส่วยก็ให้เขามาเจอฉันด้วยตัวเอง อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง! พวกนายเองก็น่าจะรู้ว่าคนที่อาชูร่าเคยส่งมาเก็บส่วยมีจุดจบยังไง” เยี่ยหวันหวั่นข่มขู่

หลังจากคลำทางมานาน ตอนนี้เธอเริ่มสวมรอยวิธีการพูดและสไตล์การทำงานของแบดเจอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว

“ได้ คำพูดของหัวหน้าไป๋ ผมจะกลับไปรายงายให้นายของเราทราบ แต่จะเกิดอะไรขึ้นนั้น…หัวหน้าไป๋คงต้องรับผิดชอบเอง…พวกเราไป!”

……

ขณะเดียวกัน ณ พื้นที่ต้องห้ามของรัฐอิสระ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอย่างเดียวดายหลังหนึ่ง

บนที่นั่งใจกลางห้องโถง ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว นัยน์ตาเย็นชาดุจน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย รังสีอำมหิตแผ่กระจายรอบตัว ผาให้ผู้คนยำเกรง

ด้านล่างที่นั่ง ชายผมน้ำตาลคนหนึ่งใส่ชุดสูทแล้วพูดกับชายบนที่นั่งว่า “หึๆ ความกล้าของพันธมิตรอู๋เว่ย…ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…ถึงขนาดกล้าเพ้อเจ้อบอกให้นายแห่งอาชูร่าไปเจอเธอด้วยตัวเอง?

นายท่าน ในเมื่อไป๋เฟิ่งมองข้ามความหวังดี งั้นเราก็ออกคำสั่งอาชูร่าสังหารเถอะครับ! รัฐอิสระคงไม่ได้เห็นคำสั่งอาชูร่าสังหารของเรามานานเกินไปแล้ว!”

บนที่นั่ง ชายหนุ่มเงียบงันไม่เอ่ยอะไรอยู่เนิ่นนาน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยเสียงเย็นว่า “ออกไปให้หมด”

“นายท่านครับ…แล้วพันธมิตรอู๋เว่ย…” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งขมวดคิ้วอย่างเจ็บใจ

————————————————————————————-

บทที่ 1382 เพราะหลงใหลในความงามของพี่เก้าต่างหาก

“ออกไป” ซือเยี่ยหานกล่าวเสียงเย็น น้ำเสียงไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ

“ครับ…”

ไม่นาน ทุกคนในห้องโถงออกจากห้องไปหมด เหลือเพียงซือเยี่ยหานกับหลินเชวียแค่สองคน

“พี่เก้า พันธมิตรอู๋เว่ยอวดดีขนาดนี้ แถมในอดีตยังเป็นแกนนำโจมตีเราอีก ทำไมไม่ขุดรากถอนโคนพวกเขาทิ้งซะล่ะ?” หลินเชวียมองซือเยี่ยหานอย่างไม่เข้าใจ

ซือเยี่ยหานสีหน้าสะดุดเล็กน้อย คล้ายจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำในอดีต

ผ่านไปเนิ่นนาน ซือเยี่ยหานจึงค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพราะหวันหวั่น”

“หา? เยี่ย…เยี่ยหวันหวั่น?!” หลินเชวียทำหน้าแปลกใจ “ไม่ใช่มั้ง…พี่เก้า เยี่ยหวันหวั่นเกี่ยวอะไรกับพันธมิตรอู๋เว่ย?!”

“เธอเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ย” ซือเยี่ยหานกล่าวด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์

“หา?! เยี่ยหวันหวั่นเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ย?!” หลินเชวียตกตะลึง เขาเพิ่งเคยได้ยินซือเยี่ยหานพูดถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

แม่เอ็งเถอะ ตอนที่รู้ว่ายัยไก่อ่อนอัปลักษณ์เยี่ยหวันหวั่นเป็นผู้หญิงในดวงใจของพี่เก้าเขาก็ตกใจมากแล้ว นึกไม่ถึงว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจอย่างพันธมิตรอู๋เว่ยด้วย

หลังจากที่ซือเยี่ยหานตัดสินใจกลับรัฐอิสระถึงได้บอกเขา ว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนรัฐอิสระ เป็นผู้หญิงที่เขาชอบตั้งแต่เมื่อก่อน ต่อมาเพราะเจอกับเหตุพลิกผันครั้งใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของหวันหวั่นเขาถึงได้พาเธอไปที่จีน

“พี่เก้า พี่มีเรื่องที่ไม่ได้บอกผมมากเกินไปแล้ว จนถึงตอนนี้ผมยังได้แต่ทำหน้างง ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…” หลินเชวียถามอย่างร้อนใจ

ซือเยี่ยหานครุ่นคิดครู่หนึ่ง หัวคิ้วเข้มสะท้อนไอสังหาร เนิ่นนานจึงค่อยอธิบายเสียงเข้ม

ตอนนั้น ซือเยี่ยหานกำลังสำรวจสาขาย่อยของอาชูร่า แต่จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นกลับแฝงตัวเข้ามาและคิดจะทำลายสาขาย่อยของอาชูร่า

ต่อมา เยี่ยหวันหวั่นกลับได้พบกับซือเยี่ยหานที่สาขาย่อย

เยี่ยหวันหวั่นเห็นว่าซือเยี่ยหานฝีมือไม่เลว คิดว่าซือเยี่ยหานเป็นหัวหน้าสาขาย่อย เกิดใจรักในความสามารถ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมซือเยี่ยหานให้ออกจากอาชูร่า แล้วไปอยู่พันธมิตรอู๋เว่ย…

หลินเชวียฟังมาถึงตรงนี้ก็แอบมองพี่เก้าของเขาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก

อืม รักในความสามารถ?

แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่…รักในความงาม?

สองเดือนหลังจากนั้น แทบจะทุกวันที่เยี่ยหวันหวั่นแฝงตัวเข้ามาหาซือเยี่ยหานในสาขาย่อยของอาชูร่า และคิดหาทางดึงตัวซือเยี่ยหานไปอยู่พันธมิตรอู๋เว่ยให้ได้

พูดมาถึงตรงนี้ ซือเยี่ยหานเงียบไปเล็กน้อย คล้ายกับภาพทุกอย่างยังคงชัดเจนอยู่ตรงหน้า ไม่เคยเลือนหายไปไหน

“ดังนั้น…เยี่ยหวันหวั่นเลยน่าจะเป็นสมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ย?” หลินเชวียถาม

“น่าจะ” ซือเยี่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ

“ให้ตายเถอะ ยัยเด็กนั่นเหลือเกินจริงๆ อยู่กับใครไม่อยู่ แต่ดันไปอยู่กับคนอย่างไป๋เฟิ่ง! แต่ยัยเด็กนั่นก็เกินไปจริงๆ ใช้อะไรดูถึงได้เห็นพี่เป็นหัวหน้าสาขาย่อยของอาชูร่า…

จิ๊ๆ ถ้าหากเยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าหัวหน้าสาขาย่อยที่เธอคิดจะขโมยตัวไปในตอนนั้นก็คือนายแห่งอาชูร่า BOSS ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชูร่า จะทำหน้ายังไงก็ไม่รู้

แต่เยี่ยหวันหวั่นดึงดันจะดึงพี่ไปอยู่พันธมิตรอู๋เว่ยให้ได้ขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าเธอภักดีกับพันธมิตรอู๋เว่ยขนาดไหน!” หลินเชวียคาดเดา!

ไม่น่าล่ะพี่เก้าถึงได้อ่อนข้อให้พันธมิตรอู๋เว่ยอย่างงี้

ซือเยี่ยหานได้ยินประโยคสุดท้ายก็มองหลินเชวียด้วยสายตาเรียบเฉย สีหน้าคล้ายเย็นชาขึ้นหลายส่วน

หลินเชวียรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจ จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “อะแฮ่มๆๆ พันธมิตรอู๋เว่ยอะไรนั่นเป็นแค่ข้ออ้างทั้งนั้นแหละ ยัยเด็กนั่นหลงไหลในความงามของพี่เก้าล้วนๆ…”