ตอนที่ 764 หัวใจที่เต้นระส่ำ(4)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 764 หัวใจที่เต้นระส่ำ(4) โดย Ink Stone_Romance

จูบลวกๆ เมื่อครู่ไม่พอปลอบประโลมหัวใจที่เต้นระส่ำของเขาได้จริงๆ

อีกอย่างเขารอไปถึงชั้นบนสุดไม่ไหวแล้ว

ริมฝีปากของเย่เซียวบดจูบปากแดงของเธอไปมาอย่างเอาแต่ใจ ทั้งดูดดุนทั้งไล้เลีย จูบไปไม่นานทั้งคู่ก็หายใจหอบหนัก

ทั้งที่เป็นฤดูหนาวแต่อากาศรอบตัวกลับร้อนระอุดั่งไฟแผดเผา ไป๋ซู่เย่คิดว่าเธอใกล้ละลายคาอ้อมแขนเขาอยู่รอมร่อได้แต่โอบลำคอเขาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว

ไม่รู้ว่าจูบนี้ผ่านไปนานเท่าไร

ริมฝีปากของทั้งคู่ถึงค่อยๆ ผละห่างกันแต่เย่เซียวไม่ได้ถอยออกไปยังคงโอบเอวเธอไม่ปล่อย ยิ่งกว่านั้นปลายจมูกติดชิดปลายจมูกเธอ สันจมูกทั้งสองคนมีเหงื่อซึมอยู่ชั้นบางๆ

รอสักพัก…

เมื่อลมหายใจทั้งคู่กลับมาคงที่ เย่เซียวเชยตามองเธอ หลังผ่านจูบร้อนแรงใบหน้าเล็กที่เคล้าด้วยอารมณ์ของเธอยิ่งเย้ายวนใจเป็นทวีคูณ เรียกให้เย่เซียวใจสั่นรุนแรงอีกครั้ง

เขาหายใจหนักหน่วงทำท่าจะประทับจูบอีกรอบ…

ใช่ เธอเป็นดั่งดอกฝิ่น ให้เขาจูบมากเท่าไรก็ไม่พอ…

แต่โทรศัพท์กลับแผดเสียงดังในเวลาที่ผิดจังหวะนี้

ครู่เดียวเท่านั้นก็ต่างดึงสติกลับมา ไป๋ซู่เย่พิงกำแพงยืนหลังตรงเลื่อนมือลงจากไหล่เขา ใช้ดวงตาที่รื้นด้วยน้ำใสมองเขา “คุณรับโทรศัพท์เถอะ…”

เย่เซียวล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋า

หน้าจอโชว์เบอร์ของหยูอัน

เขาใช้มือหนึ่งโอบเธอไว้และอีกมือรับโทรศัพท์

 “ฮัลโหล” ต่อหน้าคนนอกเขาต้องทำน้ำเสียงให้นิ่งซึ่งอีกฝ่ายต้องไม่มีทางรับรู้ได้ว่าเมื่อสักครู่เพิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขา

 “นายท่าน ลูกค้าของประเทศ M มาถึงแล้ว และกำลังรอคุณอยู่”

 “ฉันรู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

หยูอันตอบรับที เย่เซียวไม่พูดอะไรอีกพลางวางสายไป

มีเรื่องด่วนย่อมอยู่นานกว่านี้ไม่ได้

หลังเย่เซียวจ้องมองเธอนิ่งแวบหนึ่ง ถอยหลังปล่อยตัวเธอ “ไปเถอะ ผมส่งคุณเข้าไปในลิฟต์ก่อน”

 “อืม” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า

ทั้งสองคนเดินออกมาจากประตูทางออกฉุกเฉินพร้อมกันโดยที่ขณะไป๋ซู่เย่เข้าไปในลิฟต์อีกครั้งนั้นไม่ได้อาลัยอาวรณ์เหมือนเมื่อครู่ เธอโบกมือให้เย่เซียวก่อนขึ้นไปชั้นบน

เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้น เห็นลิฟต์ที่ทะยานสู่ชั้น 88 ถึงหมุนตัวเดินจากไป

ข้างนอกลมกำลังพัดแต่เขากลับไม่รู้สึกหนาว

ดอกหญ้าสีเขียวสองข้างทางทั้งที่มันดูเปล่าเปลี่ยวในฤดูหนาวแท้ๆ แต่ในสายตาเขาตอนนี้กลับรู้สึกอีกแบบหนึ่ง จะว่าไปก็สวยดี

……………………

หยูอันยังจับสังเกตถึงความผิดปกติของเย่เซียวได้

การเจรจาโครงการนี้กับประเทศ M ความจริงยืดเยื้อมานานตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงตอนนี้ ในจุดที่ต้องแบ่งผลประโยชน์เขาไม่เคยอ่อนข้อให้

หากว่าตามปกติครั้งนี้น่าจะมีโอกาสปฏิเสธไปเหมือนเดิมถึงจะถูก แต่ไม่คิดว่าขั้นตอนการเจรจาจะดำเนินได้ราบรื่นอย่างมาก อีกฝ่ายยังรู้สึกตกใจ

หลี่สือถามหยูอัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องที่คารังคาซังมาครึ่งปีกว่าทำไมถึงจบลงง่ายๆ แบบนี้?”

“จัดการได้ก็พอ เผื่อจะได้ไม่ต้องค้างอยู่อย่างนั้น ตอนนี้เซ็นสัญญาไปแล้วทุกคนต่างก็โล่งอกได้สักที”

 “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทั้งที่ช่วงนี้นายท่านอารมณ์แย่มาก แต่เมื่อกี้ดูแล้วมันต่างจากเดิม สักครู่นี้เลขาเข้าไปทำแก้วแตกไปใบหนึ่ง เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิด”

หยูอันมองหลี่สือแวบหนึ่งไม่ตอบแต่ดันถามกลับ “นายคิดว่าเรื่องที่ทำให้เขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จะมีใครได้อีก?”

หลี่สือก็เข้าใจทันควัน

ลอบถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง

 “นายว่า…พวกเขาจะอยู่ด้วยกันจริงๆ มั้ย?”

หยูอันไม่ตอบแค่จุดบุหรี่หนึ่งมวนสูบไปสองทีแล้วย้อนถาม “จากนิสัยของนายท่าน ถ้าเขาเลือกจะอยู่ด้วยกันกับไป๋ซู่เย่ นายว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง?”

หลี่สือเงียบ

ในใจเหมือนมีก้อนสำลีอุดอยู่

ครู่ใหญ่ถึงตอบ “เขาไม่มีวันปล่อยตัวเองไป”

 “ฉะนั้นนะ…” หยูอันดับก้นบุหรี่แรงๆ มุ่นคิ้วทำท่าหงุดหงิด “เธอเกิดมาเพื่อเป็นตัวซวยของเย่เซียว!เจอครั้งเดียวก็แทบกระอัก เจอครั้งที่สองต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงด้วย!”

พวกเขาเป็นคนนอกที่ได้แต่ยืนมอง จนตอนนี้ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

ไม่มีประโยชน์กระทั่งคำเกลี้ยกล่อม

เพราะความรักที่เย่เซียวมีให้เธอนั้นใครก็เห็นชัดสองตาและเข้าใจดี ราวกับต้องมนตร์ที่ต่อให้รู้ว่าเธอมาพร้อมกับจุดประสงค์อื่นกลับยังเข้าใกล้อย่างระมัดระวังอย่างที่ห้ามใจไม่ได้โดยที่ขณะเดียวกันก็คอยระแวงไปด้วย

……………………

ช่วงบ่าย

หลังไป๋ซู่เย่ฉีดยาก็กอดหมอนข้างนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟา

โทรศัพท์ส่งเสียงดังทันใด

เธอหยิบมาดูแวบหนึ่งพบว่าเป็นเบอร์ของไป๋หลางจึงแนบหูอย่างไม่ต้องคิดมาก

 “รัฐมนตรี ช่วงนี้สบายดีมั้ยครับ?”

ไป๋ซู่เย่อารมณ์ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอได้ยินเสียงจากเพื่อนเก่ายิ่งเพิ่มความสุขแก่หัวใจ ได้แต่ตอบกลับเสียงเกียจคร้านว่า ‘อืม’ “ทำไมนึกโทรหาฉันได้?”

 “ใช่ไงครับ ช่วงนี้คุณไม่อยู่ผมยุ่งจนมือเป็นระวิงแล้ว หาเวลามาโทรศัพท์ได้ยากมาก”

 “ดังนั้นตอนนี้ฉันได้รับสายจากนายก็ควรดีใจสินะ”

 “แน่นอนอยู่แล้ว” ไป๋หลางว่าถึงนี่ก็หยุดเว้นช่วง จากนั้นปรับน้ำเสียงให้จริงจัง “สถานการณ์ตอนนี้…เป็นยังไงบ้าง?”

 “เบื้องบนให้นายมาถามเหรอ?”

 “ครับ”

 “ก็ดี”

 “แล้ว…ตอนนี้พอรู้เวลาคร่าวๆ ที่พวกเขาจะเซ็นสัญญาหรือยัง?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ตอบ กล่าวเพียง “นายให้พวกเขาอย่าวู่วาม ฉันมีแผนของฉันเอง”

เธอไม่อยากบอกว่าความจริงตอนนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรก้าวหน้า อีกทั้งยังถูกคนของเย่เซียวคอยจับตามอง เธอกังวลว่าคนของกระทรวงความมั่นคงจะหมดความเชื่อใจในตัวเธอแล้วส่งคนมาฆ่าเย่เซียวอีก

เธอไม่อยากให้เขาบาดเจ็บ

ไป๋หลางได้ทำความเข้าใจขั้นตอนเบื้องต้นและไม่ได้พูดอะไร ไป๋ซู่เย่วางสายไปแล้วทิ้งตัวลงโซฟาด้วยใจที่วูบโหวง

อนาคตตัวเลือกทุกอย่างอยู่ในมือเธอ

เธอเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ผิดอยู่ดี เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตลอดชีวิตนี้เธอจะจมอยู่กับความรู้สึกผิด คิดว่าช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่คงอยู่อย่างไม่สงบ

เธอถอนหายใจหนักๆ หัวใจหนักอึ้งเพราะเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง

กริ่งประตูห้องดังขึ้นในทันที เธอคิดว่าเป็นพนักงานโรงแรมเลยไม่คิดมากอะไร

ลุกขึ้นไปเปิดประตู

คนที่ยืนอยู่นอกประตูเรียกให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง

 “คุณหญิงเย่” กลับเป็นมารดาของเย่เซียว ด้านหลังเธอมีบอดี้การ์ดยืนคุ้มกันอยู่หลายคน

ตอนนี้เธอให้ความรู้สึกที่ต่างจากหญิงวัยกลางคนบนหน้าจอในการวิดีโอคอลคราวก่อนอย่างสิ้นเชิง ครานั้นทั้งดูโทรมทั้งดูแก่ ตอนนี้สีหน้าดูดีขึ้นมาก

 “คุณไป๋ ฉันมาหาคุณกะทันหันแบบนี้รบกวนหรือเปล่า?”

 “ไม่ค่ะ เชิญเข้ามาค่ะ” ไป๋ซู่เย่ยืนหลบหน่อยๆ

 “ฉันไม่เข้าไปแล้วกัน เอาแบบนี้คุณไปเดินเล่นกับฉันหน่อยสิ ฉันเห็นคุณอุดอู้ในโรงแรมคนเดียวก็ไม่สบายเท่าไหร่”

 “ค่ะ งั้นรบกวนช่วยรอหนูแป๊บหนึ่ง หนูจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ปฏิเสธ หันหลังไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแล้วออกมา

………………………