ฮ่องเต้ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ เมื่อเขาไล่ตามเขาไปยังท้องพระโรงเสี่ยวเทียนยเหยาก็หายไปแล้ว ฮ่องเต้โกรธมากจนไม่สามารถรอที่จะควักดวงตาของเขาออกมาได้“เจ้าคิดว่าหากไม่มีเจ้า เราจะไม่สามารถเอาชนะสงครามได้หรือ? เราจะชนะอย่างแน่นอน เจิ้นจะทำให้แน่ใจว่าโดยปราศจากเจ้าแล้ว ผู้ใต้บัญชาการของเจิ้นสามารถที่จะปกป้องแคว้นนี้ได้!”
ที่ตำหนักของฮ่องเฮา นางได้รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาและฮ่องเต้ตกอยู่ในสภาพที่กดดันกันอีกครั้ง ด้วยสิ่งนี้นางจึงช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นเล็กน้อย“ ถ้าเสี่ยวหวางเย่จะไม่แทรกแซง สิ่งต่างๆก็จะง่ายขึ้นมาก”
ชายชราที่อยู่ใกล้กับมามาก็ยิ้มขึ้นเมื่อเขาได้ยิน“ฮ่องเฮา โปรดวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ เราได้จัดการกับเรื่องนี้แล้ว พวกเขาจะไม่สามารถสืบหาสายลับของเราพ่ะย่ะค่ะ”
“เปิ่นกงเชื่อในฝีมือของท่าน แต่ช่างน่าเสียดาย” ฮ่องเฮาถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นอีก“ ข้าต้องการเตรียมการเพิ่มเติมสำหรับองค์ชายเจ็ดของข้า แต่ตอนนี้ข้ากลัวว่าเราจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว”
ตอนนี้ พวกเขาถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้!
หลังจากเสี่ยวเทียนเหยา ออกจากวัง เขาก็ไม่ได้กลับไปยังตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แต่เขากลับสั่งให้รถม้าตรงไปที่โรงหมอแทน
ในโรงหมอ ซู่ฉาผู้ซึ่งถูกปฏิเสธในการให้เข้าดูการผ่าตัดกำลังรออยู่นอกห้องผ่าตัด ในขณะที่เขาก้มลงและวาดวงกลมด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินเสียงของเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ลุกขึ้นทันทีและพูดขึ้น“ หวางเย่ ท่านมาด้วยหรือ?”
“เป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวเทียนเหยาเดินเข้ามาด้านในและนั่งในตำแหน่งประธานอย่างเป็นธรรมชาติ เขาทำตัวเหมือนเป็นเจ้านายของสถานที่นี้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ซู่ฉาดูเหมือนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย แต่ตามความเป็นจริง เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเคารพ
ต่อหน้าคนอื่น ซู่ฉาไม่เคยลืมตัวตนของเขา
เสี่ยวเทียนเหยาโบกมือแล้วพูดขึ้น“ ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว”
“ตอนนี้เลยหรือ?” ตอนนี้เขาไม่มีประโยชน์แล้ว เขากำลังจะถูกโยนทิ้งหรือ?
มันช่างเศร้าเหลือเกิน!
“หรือไม่เช่นนั้น?” เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ซู่ฉา อย่างเย็นชา ซู่ฉารู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขาต้องการที่จะจากไปในทันที“ข้าจะไปแล้วๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย” คนใจร้าย!
เมื่อซู่ฉาจากไป เสี่ยวเทียนเหยาก็เรียกผู้ดูแลโรงหมอมาพบ“ เสี่ยวหวางเฟยอยู่ที่ไหน”
“เรียนเสี่ยวหวางเย่ เสี่ยวหวางเฟยอยู่ทางปีกฝั่งตะวันตก เสี่ยวหวางเฟยสั่งว่าไม่ให้รบกวนขอรับ” หลังจากผู้ดูแลโรงหอมพูดจบ เขาก็ก้มศีรษะลงทันที เขาไม่กล้ามองไปที่เสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย
เขากลัวจะต้องตาย … …
หัวคิ้วของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้น แต่เขาก็ไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็ปล่อยผู้ดูแลโรงหมอไป … …
ในปีกฝั่งตะวันตกมีเพียงหลิน ชูจิ่วเท่านั้นที่มีอยู่ที่นั่น เพื่อที่จะปกปิดการมีอยู่ของระบบการแพทย์หลิน ชูจิ่ว จึงลดการใช้ยาแผนปัจจุบันในโรงหมอให้น้อยที่สุด และเธอไม่เคยปล่อยให้คนแปลกหน้ามาพร้อมกับเธอในระหว่างการผ่าตัด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิน ชูจิ่วทำการผ่าตัดคนเดียว ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับมันแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำการผ่าตัดได้สำเร็จก่อนที่มันจะมืด
การผ่าตัดตอนนี้เป็นกรณีสุดท้ายในบรรดาเด็กที่มีปากกระต่าย หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว หลิน ชูจิ่ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“ดูแลเด็กคนนี้ให้ดี อย่าให้แผลเขาเปิด” เมื่อหลินชูจิ่วส่งเด็กออกไป เธอก็แนะนำซ้ำแล้วซ้ำอีก
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากรับประกันซ้ำแล้วซ้ำอีกกับหลิน ชูจิ่ว แม้ว่าหวางเฟยของพวกเขาจะพูดอย่างมีเมตตา แต่ถ้าหากนางทำผิดพลาดซ้ำ ๆ นางก็จะไม่ใจอ่อนเช่นกัน
เมื่อหลิน ชูจิ่ว ผ่าตัดเสร็จ เธอก็คิดจะไปเยี่ยมทารกที่มีอาการปอดบวม อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เธอก้าวออกมาจากห้องผู้ดูแลโรงหมอก็เข้ามาขวางทางของเธอเอาไว้
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” หลิน ชูจิ่วถาม
ผู้ดูแลโรงหมอพยักหน้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะพูดขึ้น“หวางเฟย หวางเย่มารอท่านนานกว่าสองชั่วยามแล้วขอรับ”
“หวางเย่อยู่ที่นี่หรือ?” ดวงตาของหลิน ชูจิ่วสว่างขึ้น “ เขาพูดอะไรหรือไม่?”
หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าเธอมีความสุขมากที่ได้ยินว่าเสี่ยวเทียนเหยา มาหาเธอ เธอพบว่ามันน่ารักอยู่ไม่น้อย
เมื่อเธอยังเรียนและทำงานในชีวิตก่อน เธอมักจะอิจฉาเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มีแฟนมารับและมาส่งที่ทำงาน แม้ว่าการที่เขาจะมารอถึงสองชั่วยามจะฟังดูไร้สาระ แต่เธอก็…มีความสุขจริงๆ!