เหลียวหวังซูรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
หากจะมีใครสักคนในเมืองหยุนเมิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ได้ คนคนนั้นก็ต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน
เหลียวหวังซูไม่คาดคิดว่าหลินเป่ยเฉินจะมาปรากฏตัวรวดเร็วเช่นนี้
แต่เมื่อเห็นว่ารอบกายยังคงมียอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ชาวทะเลอยู่จำนวนไม่น้อย ชายชราก็เริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“ฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่เจ้ามาช้าเกินไป หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่สามารถช่วยใครได้อีกแล้ว และเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกเช่นกัน”
เหลียวหวังซูขยับถอยไปด้านหลัง รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะจ้องมองเด็กหนุ่ม “อยากฆ่าข้านักใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาเลย”
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก
“รับรองว่าวันนี้เจ้าไม่รอดแน่”
เด็กหนุ่มพลิ้วกายไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ในมือ
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ
“ฆ่ามัน”
เหลียวหวังซูยกมือโบกสะบัด
บรรดานักรบชาวทะเลถาโถมออกมาด้วยความรวดเร็ว
แต่ในไม่ช้า พวกมันกลับพบว่าพรรคพวกของตนเองต้องถึงแก่ความตายรวดเร็วมากกว่าเดิม
เมื่อคมกระบี่สาดประกายขึ้นตรงหน้า
ร่างของพวกมันก็จะแยกออกเป็นสองซีก
คมกระบี่ตวัดตัดมือ ตัดแขน ตัดลำตัว…
ร่างกายของมนุษย์ชาวทะเลถูกตัดขาดง่ายดายราวเป็นเพียงวัชพืชข้างถนน
เลือดสาดกระจาย
หลินเป่ยเฉินสามารถกำจัดกลุ่มนักรบดาวทะเลได้รวดเร็วไม่ต่างจากเครื่องตัดหญ้าจัดการวัชพืช หลังจากนั้น เขาก็กระโดดเข้าไปหาเหลียวหวังซู
“นี่มันอะไรกัน?”
เหลียวหวังซูถอยกรูดไปด้านหลังด้วยความตกตะลึง
“ตายซะเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวเข้าไปประชิดตัว
กระบี่สายฟ้าเงื้อขึ้นมาเหมือนคมเคียวยมทูต
“ช่วยข้าด้วย…”
เหลียวหวังซูแตกตื่นตกใจถึงขีดสุด
ตัวเขาเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพียงขั้นปรมาจารย์ ในสถานการณ์ปกติยามเผชิญหน้าหลินเป่ยเฉินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว
แต่บัดนี้ คนที่เหลียวหวังซูกำลังเผชิญหน้าอยู่ก็คือหลินเป่ยเฉินผู้ถูกขับเคลื่อนด้วยความโกรธแค้น ดังนั้น ชายชราจึงหวาดกลัวแทบตายแล้ว ความคิดที่จะต่อสู้กับเด็กหนุ่มไม่มีอยู่ในหัวสมอง เหลียวหวังซูทำได้เพียงอย่างเดียวคือถอยหนีต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความหวาดผวา
ฉัวะ!
โลหิตสาดกระจาย
แล้วแขนข้างที่ถือกระบี่ของเหลียวหวังซูก็ขาดกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ
“อ๊าก…”
เหลียวหวังซูแผดเสียงร้องโหยหวน
แขนขวาของเขาถูกตัดเสมอไหล่
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
และแทบจะในทันทีนั้นเอง ใบหน้าของเหลียวหวังซูก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน ดูไปแล้วคล้ายกับวิญญาณคร่ำครวญอยู่หลายส่วน
หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่สายฟ้าในมืออีกครั้ง
คมกระบี่สาดประกาย
กระบี่กำลังจะตัดแขนซ้ายของเหลียวหวังซู
แต่ในทันใดนั้น…
เคล้ง!
เกิดประกายไฟสาดกระจายไปรอบทิศทาง
ได้ยินเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น
แล้วดาบฟันเลื่อยที่ทำขึ้นมาจากกระดูกสีขาวโพลนก็ปรากฏขึ้นยับยั้งการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน
พร้อมกันนั้น ได้มีพลังลมปราณถูกซัดเข้ามาผ่านกระบี่สายฟ้า ส่งผลให้ตัวของหลินเป่ยเฉินไถลถอยหลังไปไกลหลายวา
ดาบกระดูกขาวมีเปลวไฟสีขาวลุกโชน
ผู้ที่ถือมันอยู่เป็นมนุษย์ดาวทะเลตัวหนึ่ง ร่างกายผอมสูง ดูคล่องแคล่วปราดเปรียว สีหน้าสงบสุขุม
บนร่างกายสวมใส่ด้วยชุดเกราะสีเงิน ใบหน้ายาวเหมือนม้า ผิวหนังราบเรียบปราศจากเกล็ดปลา ดวงตาเป็นสีเหลืองส่งประกายเย็นเยียบ มนุษย์ดาวทะเลผู้นี้จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความไม่หวั่นเกรง พร้อมกับพูดว่า “ข้ามีนามว่าโยวไฮว่ เป็นยอดฝีมือลำดับที่สี่ของเผ่าพันธุ์ดาวทะเล… มนุษย์ผู้ต่ำต้อย เห็นว่าเจ้ามีฝีมือกระบี่ดีพอสมควร ดังนั้น ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าได้มาสู้กับข้าอย่างยุติธรรม”
หลินเป่ยเฉินรีบดูดซับพลังขึ้นมาจากพื้นดิน
“เสี่ยวจี้ สแกนคิวอาร์โค้ดหาจุดอ่อนของหมอนี่ให้หน่อย”
เขาออกคำสั่งอยู่ในใจ
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”
เสียงของเสี่ยวจี้ตอบรับกลับมาด้วยความร่าเริง
เมื่อหลินเป่ยเฉินเริ่มเปิดฉากต่อสู้อีกครั้ง เขาก็ใช้กระบี่สายฟ้าร่ายรำกระบวนท่าที่ 1 กระบวนท่าที่ 2 และกระบวนท่าที่ 3 จากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรออกมาติดๆ กัน
โยวไฮว่รับมือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ดาบกระดูกขาวในมือมันเป็นประกายสว่างไสว เวลาตวัดกวัดแกว่งจะมีเสียงลมกรีดร้องดังหวีดหวิว ปลายดาบกระดูกขาวเล่มนี้มีความสามารถรับสัญญาณคลื่นความถี่สูง ดังนั้นจึงสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของกระบี่สายฟ้าได้อย่างทันท่วงที ประกายไฟสาดกระจายต่อเนื่อง เพียงพริบตาเดียว การโจมตีทั้งสามกระบวนท่าของหลินเป่ยเฉินก็ถูกสลายลงไปอย่างง่ายดาย
“อย่าบอกนะว่าต้องให้ใช้ถึงกระบวนท่าที่ 7 เลยรึ…”
หลินเป่ยเฉินลอบถอนหายใจออกมาขณะร่ายรำกระบวนท่าที่ 4
โยวไฮว่ยังคงสามารถปัดป้องได้โดยไม่ลำบากยากเย็น
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังต่อเนื่อง
“หึหึ กระบวนท่าที่ประเสริฐ มีความรวดเร็วและรุนแรง แต่น่าเสียดายที่ระดับพลังเจ้ายังอ่อนด้อยมากเกินไปที่จะใช้กระบวนท่าสูงส่งเหล่านี้…”
โยวไฮว่พูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองรับการโจมตีของข้าดูบ้าง… เพลงดาบสายฟ้าสมุทร จงตายซะ”
เพลงดาบสายฟ้าสมุทร!
นี่คือหนึ่งในสามกระบวนท่าระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์ดาวทะเล
เมื่อคมดาบถูกตวัดฟาดฟัน มวลอากาศก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ลำแสงสีขาวพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มดวงตาพร่าพรายด้วยแสงสว่างที่เจิดจ้าขึ้นเบื้องหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขาหมุนตัวหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ
วูบ!
คมดาบกระดูกขาวปักลงมาที่หัวไหล่ซ้ายของหลินเป่ยเฉิน
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะเข้าประชิดตัวแทงกระบี่ในมือขวาทะลวงใส่ชายโครงซ้ายมือของโยวไฮว่
ปลายกระบี่เพียงทะลุผิวหนังลงไปเล็กน้อยเท่านั้น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
โยวไฮว่ก็ระเบิดเสียงร้องด้วยความตกใจ ซวนเซถอยไปด้านหลัง
ใบหน้าที่เรียวยาวของมันปรากฏความเหลือเชื่อขึ้นมาแล้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร…”
การใช้กระบวนท่าเพลงดาบสายฟ้าสมุทรนั้น มีจุดอ่อนอยู่ตรงที่โยวไฮว่จำเป็นต้องรวบรวมพลังขึ้นมาจากชายโครงฝั่งซ้ายมือของตนเอง เมื่อรวบรวมพลังตรงจุดนั้นขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งนั้นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนที่ไร้การป้องกัน หากโดนโจมตีเข้าไปตรงบริเวณนั้น นอกจากเพลงดาบสายฟ้าสมุทรจะถูกสลายลงได้สำเร็จ แม้แต่ชีวิตของโยวไฮว่ก็อาจจะต้องพบจุดจบอีกด้วย
นี่คือความลับที่มีแต่สมาชิกระดับสูงของเผ่าพันธุ์ดาวทะเลเท่านั้นที่ล่วงรู้
แล้วหลินเป่ยเฉินรู้ได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินโดนดาบของมันฟันเข้าใส่หัวไหล่อย่างจัง แต่แทนที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส เด็กหนุ่มกลับใช้จังหวะนี้ตอบโต้กลับมาได้อย่างน่ากลัว
นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็มีจิตสังหารเปี่ยมล้นในหัวใจ
“ตายซะ”
หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาพูดจาให้มากความและใช้กระบวนท่าที่ 6 ออกมาโดยทันที
เงากระบี่ครอบคลุมเหนือศีรษะ
ในอากาศเต็มไปด้วยลำแสงสว่างไสว
โยวไฮว่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจสุดขีด แต่จากการที่ถูกเล่นงานเข้าจุดอ่อนเมื่อสักครู่ ก็ทำให้มนุษย์ดาวทะเลไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับอีกแล้ว
คมกระบี่ตวัดแนวขวาง
แล้วหัวของยอดฝีมือลำดับที่สี่จากเผ่าพันธุ์มนุษย์ดาวทะเลก็ลอยกระเด็นออกไป
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เหลียวหวังซูที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อเห็นผลลัพธ์ของการเผชิญหน้า หัวใจก็หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ชายชราไม่เสียเวลาพูดจาอีกแล้ว เขาหมุนตัวหลบหนีทันที
เสียสติ
หลินเป่ยเฉินผู้นี้เสียสติไปแล้วจริงๆ
เพื่อที่จะไล่ล่าเขาให้ได้ หลินเป่ยเฉินถึงกับยอมทำทุกอย่างแล้ว
“ขวางมันไว้ให้ได้”
เหลียวหวังซูวิ่งหนีไปด้วยพร้อมกับส่งเสียงออกคำสั่งไปด้วย “ฆ่ามัน ฆ่าพวกมนุษย์ให้หมด”
เงาร่างเคลื่อนไหววูบวาบ
แล้วนักรบชาวทะเลหลายสิบชีวิตก็พุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินจากทุกทิศทุกทาง
ในขณะที่มนุษย์ดาวทะเลอีกกลุ่มใหญ่ก็กำลังพุ่งเข้าไปเล่นงานพวกของหยางเฉินโจว
ในดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
กระบวนท่ากระบี่ที่ 7!
คมกระบี่สาดประกายเป็นทางยาว!
เงากระบี่สายฟ้าแผ่ครอบคลุมเป็นตาข่ายพลังชนิดหนึ่ง ตาข่ายพลังนั้นขยายขอบเขตออกไปรอบทิศทางด้วยพลังทำลายล้างสูงส่ง
ฟู่! ฟู่! ฟู่! ฟู่!
เลือดเนื้อและโลหิตกระจัดกระจายในอากาศ
บรรดานักรบชาวทะเลที่ถาโถมเข้ามาเล่นงานหลินเป่ยเฉินไม่ทันได้ตั้งตัว พวกมันติดอยู่ในตาข่ายพลังของกระบี่สายฟ้า และเพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์จากใต้ทะเลลึก ก็มีสภาพกลายเป็นกองเนื้อกองหนึ่งเท่านั้นเอง
ในรัศมียี่สิบวารอบกายหลินเป่ยเฉิน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต
ไม่มีผู้ใดมีซากศพที่สมบูรณ์
เลือดนองเต็มพื้น
ไม่ต่างจากทุ่งสังหาร
กลิ่นคาวเลือดตลบฟุ้งในอากาศ
บรรดานักรบชาวทะเลที่หนีรอดไปได้ต่างก็ล่าถอยไปด้วยความตกตะลึงและไม่มีผู้ใดกล้าขยับออกมาข้างหน้าอีก
หลินเป่ยเฉินปักกระบี่สายฟ้าลงไปกับพื้น
และดาวน์โหลดปืน 98k ออกมาใช้งาน
ดูดซับพลังกระสุนจากศิลาบูชา
เล็งเป้า
แล้วเหนี่ยวไกยิง
เปรี้ยง!
เสียงคำรามปานฟ้าผ่าในตำนานดังขึ้นอีกครั้ง
เหลียวหวังซูที่วิ่งหนีไปได้ไกลหลายร้อยวาพลันรู้สึกชาวาบที่ขาขวาของตนเอง
เมื่อก้มหน้ามองลงไป
ชายชราก็พบว่าขาขวาของตนเองนั้นได้ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปเสียแล้ว
“อ๊าก…”
เหลียวหวังซูได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวนขณะล้มกลิ้งลงไป
แขนขาดไปแล้วหนึ่งข้าง
ขาขาดไปแล้วอีกหนึ่งข้าง
ด้วยสภาพเช่นนี้ เหลียวหวังซูจึงไม่สามารถหลบหนีได้อีก
“คุ้มครองข้าเดี๋ยวนี้…”
เหลียวหวังซูร้องเสียงหลงเหมือนสัตว์ป่าผู้ตื่นกลัว เขาพยายามใช้มือและขาที่เหลืออยู่เพียงอย่างละข้างตะเกียกตะกายคลานไปข้างหน้าบนพื้นที่เจิ่งนองด้วยโลหิตสีแดงสด
หลินเป่ยเฉินดึงกระบี่สายฟ้ากลับขึ้นมาจากพื้นห้องและกระโดดตามติดไปด้วยความรวดเร็ว
เหล่านักรบชาวทะเลที่ยืนอยู่โดยรอบ นอกจากไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวางเด็กหนุ่มในชุดนอนผู้นี้แล้ว บางคนถึงกับหลีกหนีเปิดทางเดินให้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินเดินตรงเข้าไปใช้เท้าเหยียบบนแผ่นหลังเหลียวหวังซู
“หนีสิ เก่งจริงก็หนีให้ได้ตลอดสิ”
เขาเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนกระบี่สายฟ้ากับเสื้อของเหลียวหวังซู จากนั้น เด็กหนุ่มก็กระชากคอเสื้อชายชราขึ้นมาเหมือนกำลังหิ้วลูกไก่ตัวหนึ่ง ก่อนจะลากกลับไปหาพวกของหยางเฉินโจวที่เหลืออยู่
“ไม่นะ ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย…”
เหลียวหวังซูส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน “อย่าทำอะไรข้าเลย…”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “เจ้ามาขอร้องอ้อนวอนตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์.. เตรียมตัวเตรียมใจรอรับความตายให้ดีเถิด”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของเหลียวหวังซูพลันส่งเสียงร้องครวญครางว่า “เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ… หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่อยากรู้หรือไงว่าฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงอยู่ที่ไหน?”
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย