บทที่ 596 เทพสังหารผู้ไร้เทียมทาน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เหลียวหวังซูรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ

หากจะมีใครสักคนในเมืองหยุนเมิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ได้ คนคนนั้นก็ต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน

เหลียวหวังซูไม่คาดคิดว่าหลินเป่ยเฉินจะมาปรากฏตัวรวดเร็วเช่นนี้

แต่เมื่อเห็นว่ารอบกายยังคงมียอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ชาวทะเลอยู่จำนวนไม่น้อย ชายชราก็เริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“ฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่เจ้ามาช้าเกินไป หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่สามารถช่วยใครได้อีกแล้ว และเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกเช่นกัน”

เหลียวหวังซูขยับถอยไปด้านหลัง รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะจ้องมองเด็กหนุ่ม “อยากฆ่าข้านักใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาเลย”

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

“รับรองว่าวันนี้เจ้าไม่รอดแน่”

เด็กหนุ่มพลิ้วกายไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ในมือ

วูบ!

คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ

“ฆ่ามัน”

เหลียวหวังซูยกมือโบกสะบัด

บรรดานักรบชาวทะเลถาโถมออกมาด้วยความรวดเร็ว

แต่ในไม่ช้า พวกมันกลับพบว่าพรรคพวกของตนเองต้องถึงแก่ความตายรวดเร็วมากกว่าเดิม

เมื่อคมกระบี่สาดประกายขึ้นตรงหน้า

ร่างของพวกมันก็จะแยกออกเป็นสองซีก

คมกระบี่ตวัดตัดมือ ตัดแขน ตัดลำตัว…

ร่างกายของมนุษย์ชาวทะเลถูกตัดขาดง่ายดายราวเป็นเพียงวัชพืชข้างถนน

เลือดสาดกระจาย

หลินเป่ยเฉินสามารถกำจัดกลุ่มนักรบดาวทะเลได้รวดเร็วไม่ต่างจากเครื่องตัดหญ้าจัดการวัชพืช หลังจากนั้น เขาก็กระโดดเข้าไปหาเหลียวหวังซู

“นี่มันอะไรกัน?”

เหลียวหวังซูถอยกรูดไปด้านหลังด้วยความตกตะลึง

“ตายซะเถอะ”

หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวเข้าไปประชิดตัว

กระบี่สายฟ้าเงื้อขึ้นมาเหมือนคมเคียวยมทูต

“ช่วยข้าด้วย…”

เหลียวหวังซูแตกตื่นตกใจถึงขีดสุด

ตัวเขาเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพียงขั้นปรมาจารย์ ในสถานการณ์ปกติยามเผชิญหน้าหลินเป่ยเฉินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว

แต่บัดนี้ คนที่เหลียวหวังซูกำลังเผชิญหน้าอยู่ก็คือหลินเป่ยเฉินผู้ถูกขับเคลื่อนด้วยความโกรธแค้น ดังนั้น ชายชราจึงหวาดกลัวแทบตายแล้ว ความคิดที่จะต่อสู้กับเด็กหนุ่มไม่มีอยู่ในหัวสมอง เหลียวหวังซูทำได้เพียงอย่างเดียวคือถอยหนีต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความหวาดผวา

ฉัวะ!

โลหิตสาดกระจาย

แล้วแขนข้างที่ถือกระบี่ของเหลียวหวังซูก็ขาดกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ

“อ๊าก…”

เหลียวหวังซูแผดเสียงร้องโหยหวน

แขนขวาของเขาถูกตัดเสมอไหล่

ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย

และแทบจะในทันทีนั้นเอง ใบหน้าของเหลียวหวังซูก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน ดูไปแล้วคล้ายกับวิญญาณคร่ำครวญอยู่หลายส่วน

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่สายฟ้าในมืออีกครั้ง

คมกระบี่สาดประกาย

กระบี่กำลังจะตัดแขนซ้ายของเหลียวหวังซู

แต่ในทันใดนั้น…

เคล้ง!

เกิดประกายไฟสาดกระจายไปรอบทิศทาง

ได้ยินเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น

แล้วดาบฟันเลื่อยที่ทำขึ้นมาจากกระดูกสีขาวโพลนก็ปรากฏขึ้นยับยั้งการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน

พร้อมกันนั้น ได้มีพลังลมปราณถูกซัดเข้ามาผ่านกระบี่สายฟ้า ส่งผลให้ตัวของหลินเป่ยเฉินไถลถอยหลังไปไกลหลายวา

ดาบกระดูกขาวมีเปลวไฟสีขาวลุกโชน

ผู้ที่ถือมันอยู่เป็นมนุษย์ดาวทะเลตัวหนึ่ง ร่างกายผอมสูง ดูคล่องแคล่วปราดเปรียว สีหน้าสงบสุขุม

บนร่างกายสวมใส่ด้วยชุดเกราะสีเงิน ใบหน้ายาวเหมือนม้า ผิวหนังราบเรียบปราศจากเกล็ดปลา ดวงตาเป็นสีเหลืองส่งประกายเย็นเยียบ มนุษย์ดาวทะเลผู้นี้จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความไม่หวั่นเกรง พร้อมกับพูดว่า “ข้ามีนามว่าโยวไฮว่ เป็นยอดฝีมือลำดับที่สี่ของเผ่าพันธุ์ดาวทะเล… มนุษย์ผู้ต่ำต้อย เห็นว่าเจ้ามีฝีมือกระบี่ดีพอสมควร ดังนั้น ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าได้มาสู้กับข้าอย่างยุติธรรม”

หลินเป่ยเฉินรีบดูดซับพลังขึ้นมาจากพื้นดิน

“เสี่ยวจี้ สแกนคิวอาร์โค้ดหาจุดอ่อนของหมอนี่ให้หน่อย”

เขาออกคำสั่งอยู่ในใจ

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

เสียงของเสี่ยวจี้ตอบรับกลับมาด้วยความร่าเริง

เมื่อหลินเป่ยเฉินเริ่มเปิดฉากต่อสู้อีกครั้ง เขาก็ใช้กระบี่สายฟ้าร่ายรำกระบวนท่าที่ 1 กระบวนท่าที่ 2 และกระบวนท่าที่ 3 จากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรออกมาติดๆ กัน

โยวไฮว่รับมือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ดาบกระดูกขาวในมือมันเป็นประกายสว่างไสว เวลาตวัดกวัดแกว่งจะมีเสียงลมกรีดร้องดังหวีดหวิว ปลายดาบกระดูกขาวเล่มนี้มีความสามารถรับสัญญาณคลื่นความถี่สูง ดังนั้นจึงสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของกระบี่สายฟ้าได้อย่างทันท่วงที ประกายไฟสาดกระจายต่อเนื่อง เพียงพริบตาเดียว การโจมตีทั้งสามกระบวนท่าของหลินเป่ยเฉินก็ถูกสลายลงไปอย่างง่ายดาย

“อย่าบอกนะว่าต้องให้ใช้ถึงกระบวนท่าที่ 7 เลยรึ…”

หลินเป่ยเฉินลอบถอนหายใจออกมาขณะร่ายรำกระบวนท่าที่ 4

โยวไฮว่ยังคงสามารถปัดป้องได้โดยไม่ลำบากยากเย็น

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

เสียงโลหะปะทะกันดังต่อเนื่อง

“หึหึ กระบวนท่าที่ประเสริฐ มีความรวดเร็วและรุนแรง แต่น่าเสียดายที่ระดับพลังเจ้ายังอ่อนด้อยมากเกินไปที่จะใช้กระบวนท่าสูงส่งเหล่านี้…”

โยวไฮว่พูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ถ้าอย่างนั้น เจ้าลองรับการโจมตีของข้าดูบ้าง… เพลงดาบสายฟ้าสมุทร จงตายซะ”

เพลงดาบสายฟ้าสมุทร!

นี่คือหนึ่งในสามกระบวนท่าระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์ดาวทะเล

เมื่อคมดาบถูกตวัดฟาดฟัน มวลอากาศก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที

ลำแสงสีขาวพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มดวงตาพร่าพรายด้วยแสงสว่างที่เจิดจ้าขึ้นเบื้องหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว

เขาหมุนตัวหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ

วูบ!

คมดาบกระดูกขาวปักลงมาที่หัวไหล่ซ้ายของหลินเป่ยเฉิน

ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะเข้าประชิดตัวแทงกระบี่ในมือขวาทะลวงใส่ชายโครงซ้ายมือของโยวไฮว่

ปลายกระบี่เพียงทะลุผิวหนังลงไปเล็กน้อยเท่านั้น

“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”

โยวไฮว่ก็ระเบิดเสียงร้องด้วยความตกใจ ซวนเซถอยไปด้านหลัง

ใบหน้าที่เรียวยาวของมันปรากฏความเหลือเชื่อขึ้นมาแล้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร…”

การใช้กระบวนท่าเพลงดาบสายฟ้าสมุทรนั้น มีจุดอ่อนอยู่ตรงที่โยวไฮว่จำเป็นต้องรวบรวมพลังขึ้นมาจากชายโครงฝั่งซ้ายมือของตนเอง เมื่อรวบรวมพลังตรงจุดนั้นขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งนั้นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนที่ไร้การป้องกัน หากโดนโจมตีเข้าไปตรงบริเวณนั้น นอกจากเพลงดาบสายฟ้าสมุทรจะถูกสลายลงได้สำเร็จ แม้แต่ชีวิตของโยวไฮว่ก็อาจจะต้องพบจุดจบอีกด้วย

นี่คือความลับที่มีแต่สมาชิกระดับสูงของเผ่าพันธุ์ดาวทะเลเท่านั้นที่ล่วงรู้

แล้วหลินเป่ยเฉินรู้ได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินโดนดาบของมันฟันเข้าใส่หัวไหล่อย่างจัง แต่แทนที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส เด็กหนุ่มกลับใช้จังหวะนี้ตอบโต้กลับมาได้อย่างน่ากลัว

นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็มีจิตสังหารเปี่ยมล้นในหัวใจ

“ตายซะ”

หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาพูดจาให้มากความและใช้กระบวนท่าที่ 6 ออกมาโดยทันที

เงากระบี่ครอบคลุมเหนือศีรษะ

ในอากาศเต็มไปด้วยลำแสงสว่างไสว

โยวไฮว่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจสุดขีด แต่จากการที่ถูกเล่นงานเข้าจุดอ่อนเมื่อสักครู่ ก็ทำให้มนุษย์ดาวทะเลไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับอีกแล้ว

คมกระบี่ตวัดแนวขวาง

แล้วหัวของยอดฝีมือลำดับที่สี่จากเผ่าพันธุ์มนุษย์ดาวทะเลก็ลอยกระเด็นออกไป

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เหลียวหวังซูที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อเห็นผลลัพธ์ของการเผชิญหน้า หัวใจก็หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ชายชราไม่เสียเวลาพูดจาอีกแล้ว เขาหมุนตัวหลบหนีทันที

เสียสติ

หลินเป่ยเฉินผู้นี้เสียสติไปแล้วจริงๆ

เพื่อที่จะไล่ล่าเขาให้ได้ หลินเป่ยเฉินถึงกับยอมทำทุกอย่างแล้ว

“ขวางมันไว้ให้ได้”

เหลียวหวังซูวิ่งหนีไปด้วยพร้อมกับส่งเสียงออกคำสั่งไปด้วย “ฆ่ามัน ฆ่าพวกมนุษย์ให้หมด”

เงาร่างเคลื่อนไหววูบวาบ

แล้วนักรบชาวทะเลหลายสิบชีวิตก็พุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินจากทุกทิศทุกทาง

ในขณะที่มนุษย์ดาวทะเลอีกกลุ่มใหญ่ก็กำลังพุ่งเข้าไปเล่นงานพวกของหยางเฉินโจว

ในดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น

กระบวนท่ากระบี่ที่ 7!

คมกระบี่สาดประกายเป็นทางยาว!

เงากระบี่สายฟ้าแผ่ครอบคลุมเป็นตาข่ายพลังชนิดหนึ่ง ตาข่ายพลังนั้นขยายขอบเขตออกไปรอบทิศทางด้วยพลังทำลายล้างสูงส่ง

ฟู่! ฟู่! ฟู่! ฟู่!

เลือดเนื้อและโลหิตกระจัดกระจายในอากาศ

บรรดานักรบชาวทะเลที่ถาโถมเข้ามาเล่นงานหลินเป่ยเฉินไม่ทันได้ตั้งตัว พวกมันติดอยู่ในตาข่ายพลังของกระบี่สายฟ้า และเพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์จากใต้ทะเลลึก ก็มีสภาพกลายเป็นกองเนื้อกองหนึ่งเท่านั้นเอง

ในรัศมียี่สิบวารอบกายหลินเป่ยเฉิน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต

ไม่มีผู้ใดมีซากศพที่สมบูรณ์

เลือดนองเต็มพื้น

ไม่ต่างจากทุ่งสังหาร

กลิ่นคาวเลือดตลบฟุ้งในอากาศ

บรรดานักรบชาวทะเลที่หนีรอดไปได้ต่างก็ล่าถอยไปด้วยความตกตะลึงและไม่มีผู้ใดกล้าขยับออกมาข้างหน้าอีก

หลินเป่ยเฉินปักกระบี่สายฟ้าลงไปกับพื้น

และดาวน์โหลดปืน 98k ออกมาใช้งาน

ดูดซับพลังกระสุนจากศิลาบูชา

เล็งเป้า

แล้วเหนี่ยวไกยิง

เปรี้ยง!

เสียงคำรามปานฟ้าผ่าในตำนานดังขึ้นอีกครั้ง

เหลียวหวังซูที่วิ่งหนีไปได้ไกลหลายร้อยวาพลันรู้สึกชาวาบที่ขาขวาของตนเอง

เมื่อก้มหน้ามองลงไป

ชายชราก็พบว่าขาขวาของตนเองนั้นได้ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปเสียแล้ว

“อ๊าก…”

เหลียวหวังซูได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวนขณะล้มกลิ้งลงไป

แขนขาดไปแล้วหนึ่งข้าง

ขาขาดไปแล้วอีกหนึ่งข้าง

ด้วยสภาพเช่นนี้ เหลียวหวังซูจึงไม่สามารถหลบหนีได้อีก

“คุ้มครองข้าเดี๋ยวนี้…”

เหลียวหวังซูร้องเสียงหลงเหมือนสัตว์ป่าผู้ตื่นกลัว เขาพยายามใช้มือและขาที่เหลืออยู่เพียงอย่างละข้างตะเกียกตะกายคลานไปข้างหน้าบนพื้นที่เจิ่งนองด้วยโลหิตสีแดงสด

หลินเป่ยเฉินดึงกระบี่สายฟ้ากลับขึ้นมาจากพื้นห้องและกระโดดตามติดไปด้วยความรวดเร็ว

เหล่านักรบชาวทะเลที่ยืนอยู่โดยรอบ นอกจากไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวางเด็กหนุ่มในชุดนอนผู้นี้แล้ว บางคนถึงกับหลีกหนีเปิดทางเดินให้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

หลินเป่ยเฉินเดินตรงเข้าไปใช้เท้าเหยียบบนแผ่นหลังเหลียวหวังซู

“หนีสิ เก่งจริงก็หนีให้ได้ตลอดสิ”

เขาเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนกระบี่สายฟ้ากับเสื้อของเหลียวหวังซู จากนั้น เด็กหนุ่มก็กระชากคอเสื้อชายชราขึ้นมาเหมือนกำลังหิ้วลูกไก่ตัวหนึ่ง ก่อนจะลากกลับไปหาพวกของหยางเฉินโจวที่เหลืออยู่

“ไม่นะ ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย…”

เหลียวหวังซูส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน “อย่าทำอะไรข้าเลย…”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “เจ้ามาขอร้องอ้อนวอนตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์.. เตรียมตัวเตรียมใจรอรับความตายให้ดีเถิด”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของเหลียวหวังซูพลันส่งเสียงร้องครวญครางว่า “เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ… หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่อยากรู้หรือไงว่าฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงอยู่ที่ไหน?”

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย