แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1063
หวงไต้ซือพูดจบ ก็ก้าวเดินไปทางเฉินโม่อย่างฉับไว

เมื่อมาถึงข้างกายของเฉินโม่ หวงไต้ซือโค้งคำนับ “ผู้น้อยคารวะผู้อาวุโส!”

เฉินโม่มองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เขาจำคนผู้นี้ไม่ได้แล้ว

“การไปที่เขาซูคงมา ก็ถือว่านายเป็นคนมีวาสนา ในเมื่อได้ผลประโยชน์มาแล้ว ก็ต้องรู้จักรักษา อยากทำลายอนาคตตัวเองเป็นอันขาด”

หวงไต้ซือเข้าใจความหมายของเฉินโม่ดี จึงทำความเคารพอีกครั้ง “ผู้น้อยจะจำคำสอนของท่านเอาไว้!”

“อืม ไปเถอะ!” เฉินโม่ที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก

“ครับผม!” หวงไต้ซือที่พึงพอใจ เหมือนกับว่าการที่ได้คุยกับเฉินโม่เพียงไม่กี่คำ มันเป็นเกียรติกับเขาอย่างมาก

หวงไต้ซือเดินกลับไป หานทงที่อยู่ข้างเซินกงหมิงใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ กล่าวอย่างเสียงเบา “หวงไต้ซือยังเรียกเฉินโม่ว่าผู้อาวุโส? เฉินโม่คู่ครวเหรอ?”

วันนี้หวงไต้ซือนั้นมีพละกำลังของปรมาจารย์แดนคุ้มกาย หูไวตาไว แม้ว่าเสียงของหานทงจะเบามาก แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

หวงไต้ซือหันหน้าไปมองหานทงทันที ใบหน้าปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูถูก กล่าวอย่างเย็นชา “การที่สามารถเป็นรุ่นน้องของเฉินไต้ซือ เป็นเกียรติของฉันมาก บางคนแม้อยากจะเรียกเฉินไต้ซือว่ารุ่นพี่ เกรงว่ายังไม่มีสิทธิ์นั้น!”

“แกที่มีตัวตนเหมือนมดตัวหนึ่ง จะสามารถเข้าใจฐานะของเฉินไต้ซือในโลกฝึกบู๊ได้อย่างไร!”

หานทงใบหน้าร้อนแผ่ว พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว อยู่ต่อหน้าหวงไต้ซือ เขาไม่กล้าที่จะตอบโต้แม้แต่คำเดียว

เซินกงเฟิ่งเทียนที่ใบหน้าเศร้าหมอง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ ต้องโทษฉันที่สอนลูกได้ไม่ดี ถึงได้มีเหตุการณ์ในวันนี้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรมเถอะ!”

เมื่อได้ยินเซินกงเฟิ่งเทียนยอมปล่อยวางการตอบโต้ เสิ่นฉีเซิ่งถึงได้โล่งอก กล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน “น้องชายวางใจเถอะ ฉันจะช่วยนายร้องขอเฉินไต้ซืออย่างแน่นอน!”

เฉินโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูการหารือที่ไม่หยุดของพวกเซินกงเฟิ่งเทียน ไม่ได้ขัดจังหวะ สำหรับคนธรรมเหล่านี้ ขอเพียงพวกเขาไม่ทำอะไรที่เกินไป เฉินโม่ไม่มีใจที่จะเอาความอีกต่อไป

หากพวกเขามาสารภาพผิดด้วยตัวเอง เฉินโม่ก็ไม่อยากจะลงมือ อีกอย่างคนต้นคิดอย่างเซินกงหมิงกับหานทง ก็ได้ถูกเฉินโม่ลงโทษไปแล้ว

เซินกงเฟิ่งเทียนเป็นคนที่เด็ดขาดมาก ในเมื่อตัดสินใจที่จะยอมรับผิดกับเฉินไต้ซือ ก็ได้จ้องมองเซินกงหมิงทันที กล่าวอย่างจริงจัง “นายมากับพ่อ”

“ครับ!” เซินกงหมิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ลากขาที่บาดเจ็บเดินตามหลังพ่อตัวเอง

เสิ่นฉีเซิ่งกับเสิ่นหยูปิงก็รีบเดินตามไป สีหน้าหนักใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเฉินไต้ซือจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

หากเป็นไปตามฝีมือที่เฉินไต้ซือแสดงในงานพันธมิตรสี่ฝ่าย มีความเป็นไปได้ที่จะฆ่าเซินกงหมิงโดยตรง

เซินกงเฟิ่งเทียนพาลูกชายเดินมาถึงหน้าของเฉินโม่ โค้งคำนับอย่างสุภาพ “เซินกงเฟิ่งเทียนสั่งสอนลูกได้ไม่ดี ไปล่วงเกินเฉินไต้ซือ หวังว่าท่านจะให้อภัย!”

เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร แต่ได้มองไปยังเซินกงหมิงที่อยู่ด้านหลังเซินกงเฟิ่งเทียน

เซินกงเฟิ่งเทียนพูดอย่างเย็นชา “ลูกทรพี ยังไม่รีบมารับผิดกับเฉินไต้ซืออีก!”

ตอนนี้เซินกงหมิงนั้นเชื่อฟังอย่างดี ตั้งแต่ที่รู้ว่าเฉินโม่ก็คือเฉินไต้ซือ เขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอีกเลย

เซินกงหมิงลากขาที่บาดเจ็บของตัวเอง กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด คุกเข่าลงบนพื้นอย่างยากลำบาก “เฉินไต้ซือ ผมมีตาแต่ไร้แวว จำคุณไม่ได้ และได้ล่วงเกินคุณ ครั้งนี้โปรดอภัยให้ผมด้วย!”

เสิ่นฉีเซิ่งที่บากหน้าก้าวเดินไปข้างหน้า พูดอย่างขอร้อง “เฉินไต้ซือ ขอให้คุณอภัยให้เขาสักครั้งเถอะ!”

เฉินโม่ที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก เหลือบมองเสิ่นฉีเซิ่งไปแวบหนึ่ง กล่าวอย่างราบเรียบ “เขาทำร้ายเพื่อนฉันจนบาดเจ็บ เรื่องนี้จะจัดการยังไง?”

ผู้คนนิ่งเงียบ