ถังอ้าวเทียนมุมปากกระตุก “หึ แม้ข้าจะดื้อรั้นตามติดเจ้าก่อน ทว่าเจ้ายังมีทางเลือก! เจ้าสามารถเลือกไปกับคนรักในวัยเยาว์ของเจ้าได้ แล้วเหตุใดจึงแต่งกับข้า ถังอ้าวเทียน! ”
“พูดได้ดี ถังอ้าวเทียน ที่แท้นี่คือคำพูดจากใจจริงของเจ้า! ในที่สุด วันนี้ ฮูหยินอย่างข้าก็ได้เห็นธาตุแท้ของเจ้า ใช่หรือไม่? สิบกว่าปีก่อน เจ้าก็คิดเช่นนี้ใช่หรือไม่? เจ้าต้องการให้ข้าจากไปตั้งแต่แรก เพื่อให้เจ้าได้อยู่ด้วยกันกับคนรักเก่าผู้นั้นอย่างมีความสุข ใช่หรือไม่? เจ้าพูดออกมา ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่? ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งแสดงท่าทางวางอำนาจ นางก้าวประชิดตัวถังอ้าวเทียน จนจมูกของนางแทบชนกับจมูกของถังอ้าวเทียน
ทั้งสองคนมีอายุมากแล้ว หากนำอายุของพวกเขามารวมกันคงเกินหนึ่งร้อย ทว่ายังทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ พอได้แล้ว!
เคราของถังอ้าวเทียนกระตุก เขายกมือทั้งสองเท้าสะเอว และเดินเข้าไปหาฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง จมูกของเขาสัมผัสกับจมูกของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพอดี
“ใช่แล้ว ข้าคิดเช่นนั้น คิดเช่นนั้นมานานแล้ว! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งตกตะลึง ดวงตางดงามเต็มไปด้วยความเสียใจ ทว่าใบหน้ายังคงแสดงออกอย่างดื้อรั้น “ถุย! ถังอ้าวเทียน ตาเฒ่าไร้ยางอาย ข้าขอบอกเจ้า สายไปแล้ว! คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว! ผู้ใดจะรู้ว่านางแพศยาของเจ้าผู้นั้นไปตายอยู่ที่ใด! ข้าจะบอกเจ้า ชีวิตนี้ของเจ้าไม่มีโอกาสแล้ว”
พูดจบ ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็ยืนอย่างภาคภูมิใจ สองมือยังคงเท้าสะเอว
ถังอ้าวเทียนเงยหน้ามองฮูหยินเตี๋ยเมิ่งที่อยู่ด้านบน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ชิวเตี๋ยเมิ่ง เจ้าอย่าทำเกินไปนัก”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่สนใจ “ข้าทำสิ่งใดเกินไปหรือ? หึ ถังอ้าวเทียน เจ้าจะทำอันใดข้าได้? ”
เบื้องหลังของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยังมีสกุลชิว
“เจ้าต้องการให้ข้าอยู่กับหลานเอ๋อร์ตั้งแต่แรก และปล่อยให้เจ้าได้สมหวังกับบุรุษคนรักผู้นั้น ใช่หรือไม่? ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงในแววตาของนางได้เป็นอย่างดี “ใช่! ”
ถังอ้าวเทียนเครากระตุก “ชิวเตี๋ยเมิ่ง ข้าขอบอกเจ้า เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว ต่อให้บุรุษผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ไม่มีโอกาส เขามีภรรยา ทั้งยังมีอนุอีกสามคน มีบุตรชายสามคน และบุตรสาวหนึ่งคน ต่อให้เจ้ากับเขาได้อยู่ด้วยกัน เจ้าก็เป็นเพียงอนุ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเขาเท่านั้น ทว่าน่าเสียดาย เขาถูกน้องสาวของตนเองสังหารไปแล้ว”
ชายผู้นั้นของฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ที่ถังอ้าวเทียนเอ่ยถึงก็คือจงเนี่ย ทว่าเรื่องราวระหว่างจงเนี่ยกับฮูหยินเตี๋ยเมิ่งนั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายหลัง
สุดท้าย ถังอ้าวเทียนก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ชิวเตี๋ยเมิ่ง ดูเจ้าสิ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! จงเนี่ยมีชีวิตอยู่มาตั้งหลายปี ทว่าเขาไม่เคยพาเจ้าเข้าสกุลจง แต่ให้เจ้ารอเขาอยู่ที่หุบเขาร้อยบุปผา ในใจของเขาหาได้มีเจ้า หากเขารักเจ้าจริง เขาคงทิ้งภรรยาและลูกเพื่อออกตามหาเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ นางดึงคอเสื้อของถังอ้าวเทียนมาด้านหน้า “ถังอ้าวเทียน เจ้าหุบปาก เจ้าหุบปากได้เเล้ว! ”
ถังอ้าวเทียนจ้องฮูหยินเตี๋ยเมิ่งโดยไม่แสดงถึงความอ่อนแอ
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งสะบัดตัวถังอ้าวเทียนออกไปอีกครั้ง “ข้าต้องการหย่ากับเจ้า ถังอ้าวเทียน ข้าขอบอกเจ้า ข้าต้องการหย่ากับเจ้า! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพูดพลางเดินไปที่ห้องหนังสือ
ถังอ้าวเทียนโกรธจนควันออกหู เขาเดินตามหลังฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไป “ได้ วันนี้ข้าก็ต้องการหย่ากับภรรยาอย่างเจ้าเช่นกัน! ”
“ได้ ผู้ใดหย่าผู้ใดกันแน่! ”
ทั้งสองเดินมาถึงห้องหนังสือ ก่อนจะแยกไปคนละโต๊ะ ถือกระดาษคนละใบ หยิบพู่กันคนละด้าม และเริ่มเขียนหนังสือหย่า
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเริ่มเขียนก่อน ทว่านางรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เขียนในบรรทัดแรก จึงขยำทิ้งและเขียนใหม่อีกครั้ง
ถังอ้าวเทียนน่ารังเกียจเกินกว่าจะเขียนออกมาได้หมด นางต้องการเขียนใบหน้าและการพูดจาทั้งหมดของถังอ้าวเทียนลงไป
ถังอ้าวเทียนก็เช่นเดียวกัน หลังจากเขียนได้สองบรรทัด เขาก็รู้สึกไม่พอใจ จึงโยนทิ้งและเริ่มเขียนใหม่
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งน่ารังเกียจเกินไป นางเป็นภรรยาที่ไร้คุณธรรม เขาต้องการจดบันทึกความป่าเถื่อนของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งลงไปให้หมด
พวกเขาเขียนและโยนทิ้ง โยนทิ้งและเขียนใหม่ ผ่านไปไม่นาน บนโต๊ะและบนพื้นต่างเต็มไปด้วยเศษกระดาษที่พวกเขาโยนทิ้ง
ยิ่งไปกว่านั้น เศษกระดาษที่ถังอ้าวเทียนโยนทิ้ง กลับตกลงบนใบหน้าของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพอดี
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพลันเดือดดาล
“ถังอ้าวเทียน เจ้าทำร้ายข้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าคิดจะทำร้ายข้า! ”
นางพูดพลางหยิบไม้บรรทัดบนโต๊ะทุบไปที่หัวของถังอ้าวเทียน
ถังอ้าวเทียนหลบไม่ทัน เขาถูกตีจนศีรษะเต็มไปด้วยเลือด ทันใดนั้น เขาก็หยิบแท่นฝนหมึกขึ้นมา คิดจะทุบฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามน่าหลงใหลของนาง เขากลับหยุดชะงัก
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเดินมาด้านหน้าถังอ้าวเทียน สองมือเท้าสะเอว “ถังอ้าวเทียน นับวันเจ้ายิ่งบังอาจมากขึ้น ยิ่งกล้ามากขึ้น! ตีสิ เจ้าตีเลย! ตีฮูหยินอย่างข้า แล้วค่อยแต่งอนุอีกคนใช่หรือไม่! ”
นางพูดพลางยื่นศีรษะของตนเองไปกระแทกหน้าอกของถังอ้าวเทียน
นางดันจนถังอ้าวเทียนถอยหลังไป ทั้งยังทำให้เส้นผมของตนเองยุ่งเหยิง
ถังอ้าวเทียนมองท่าทางของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งด้วยแววตาทอประกายอ่อนโยน
“ชิวเตี๋ยเมิ่ง เจ้าทำเกินไปแล้ว! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเงยหน้าขึ้น เส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั้นงดงามอย่างน่าประหลาด นางกัดฟันพูดว่า “ถังอ้าวเทียน หากวันนี้ข้าทำเกินไป เจ้าจะทำอันใดข้าได้? ”
สิบปีมาแล้ว ไม่เห็นถังอ้าวเทียนจะทำอันใดนางได้
ดวงตาแก่ชราของถังอ้าวเทียนหรี่ลง “ชิวเตี๋ยเมิ่ง อย่าคิดว่าข้าแก่จนอายุปูนนี้แล้วจะจัดการเจ้าไม่ได้! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกระโดดขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ พลางยกมือเท้าสะเอวมองถังอ้าวเทียน “ถังอ้าวเทียน เจ้าข่มขู่ฮูหยินอย่างข้าหรือ? อย่าคิดว่าฮูหยินชราอย่างข้าจะทำอันใดเจ้าไม่ได้! ”
ถังอ้าวเทียนเครากระตุก เขาวางแท่นฝนหมึกที่อยู่ในมือลง และพับแขนเสื้อขึ้น “ดี! ชิวเตี๋ยเมิ่ง พวกเราได้เห็นดีกัน วันนี้ผู้ใดจะจัดการผู้ใดกันแน่! ”
“ได้เลย เข้ามาเลย! ดูสิว่าใครจะจัดการใครก่อน! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็ทำท่าพับแขนเสื้อเช่นกัน
ทว่านางยังไม่ทันได้พับแขนเสื้อ ก็ถูกถังอ้าวเทียนดึงตัวลงมา ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ และยังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง ถังอ้าวเทียนก็หมุนตัวนางเป็นวงกลม และล้มลงบนเตียงที่อยู่ด้านหลัง
“โอ๊ย… ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งร้องเสียงดังด้วยความตกใจ “ถังอ้าวเทียน เจ้ามันโรคจิต! ”
ถังอ้าวเทียนจับมือทั้งสองของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไว้ข้างลำตัว จากนั้นจึงจุมพิตริมฝีปากของฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง “แม้ข้าจะอายุมากแล้ว ทว่ายังมีแรงเหลือเฟือให้จัดการภรรยาของตนเอง”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยกขาทั้งสองเตะถังอ้าวเทียนอย่างสุดกำลัง “ถังอ้าวเทียน เจ้าปล่อยข้า ข้าต้องการหย่ากับสามีอย่างเจ้า! ”
ถังอ้าวเทียน “อืม ข้าก็ต้องการหย่ากับภรรยาอย่างเจ้าเช่นกัน รอจัดการเจ้าเสร็จแล้ว เจ้ากับข้าก็หย่าขาดจากกัน! ”
……
เมื่อครู่ ขณะที่เขียนหนังสือหย่า พวกเขาไม่เพียงนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายของกันและกันในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่ายังนึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่ทั้งสองมอบให้กันและกันอีกด้วย
เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เมื่อฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกลับมาที่สำนักถังเหมิน พวกเขาจะทะเลาะกัน ทันทีที่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเริ่มมีปากเสียง นางก็จะขอหย่าสามี ซึ่งขอหย่ามาสิบกว่าปีแล้ว คาดว่าคงมีหนังสือหย่าที่ถูกทำลายและโยนทิ้งไปหลายพันฉบับ ทว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกลับเขียนไม่เสร็จแม้แต่ฉบับเดียว
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องอย่างเลือนราง แสงนั้นตกกระทบลงบนหนังสือหย่าสองฉบับบนโต๊ะที่ยังเขียนไม่เสร็จ สายลมพัดผ่าน หนังสือหย่าปลิวออกไปตามสายลม
มันลอยไปอยู่ในมือของถังเสวี่ยที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา
ถังเสวี่ยอ่านเนื้อหาข้างใน พลางส่ายศีรษะอย่างหมดหนทาง “ท่านแม่ท่านพ่อ พวกท่านพอได้แล้ว! พอได้แล้ว! ”
เยี่ยโยวเหยา อวิ๋นจิ่น มู่หรงฉี ทั้งสามไม่มีเวลามาฟังเนื้อหาที่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งและถังอ้าวเทียนทะเลาะกัน พวกเขามาเพื่อตามหาไข่มุกทะเลใต้พิภพ ดังนั้นจึงมุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่ตั้งของมัน
ในเวลานี้ พวกเขากำลังรีบไปที่คลังเก็บอาวุธของสกุลถัง