ตอนที่ 1,865 : วาระสุดท้ายของตี้จิ่ว…
เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง อันเป็นเวทย์พลังที่สืบทอดต่อๆกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรนั้น แม้จะเพิ่มพูนพลังฝึกปรือให้ผู้ใช้ได้ ทว่าก็คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น…
และเมื่อระยะเวลาดังกล่าวสิ้นสุดลง ผลของร่างมังกรคุ้มคลั่งไม่เพียงแต่จะหายไป ยังทำให้ร่างกายของผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นระยะเวลาหนึ่ง
นี่เป็น ‘ผลกระทบ’ จากเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง!
และเป็นเพราะผลกระทบดังกล่าว ทำให้ตี้จิ่วตระหนักได้ชัดว่าตัวมันต้องตายคามือต้วนหลิงเทียนแน่…หากระยะเวลาแสดงผลของร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลง! เพราะเมื่อถึงเวลานั้นมันจะกลับกลายเป็นมดปลวกในสายตาของอีกฝ่ายแทน!!
เรื่องนี้ใจตี้จิ่วบังเกิดความไม่ยินยอมถึงขีดสุด!
อนิจจาไม่ยินยอมแล้วจะทำอย่างไรได้?
สถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว คนยังจะไปแข็งขืนอะไรได้!
มันทำได้แค่โทษตัวเองเท่านั้น ที่ไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนและปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปได้ต่อหน้าต่อตา
แต่ในขณะที่ตี้จิ่วกำลังสิ้นหวังถอดใจนั้นเอง มันพลันค้นพบเรื่องราวประการหนึ่งอย่างไม่คาดคิดว่า…ในขณะเดียวกันกับที่พลังของมันกำลังอ่อนลงเรื่อยๆนั้น…มิคาดทั้งพลังและความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็กำลังถดถอยลงเช่นกัน!
ครู่ต่อมามันก็ตระหนักได้ทันที เวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก็สมควรมี ‘ผลกระทบ’ เช่นกัน!
ทันใดนั้นมันคล้ายได้เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง
ถึงแม้ว่ามันจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอพักหนึ่ง แต่มันก็ไม่กลัวต้วนหลิงเทียนที่จะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นกัน!
หลังจากทั้งหมดแล้วรากฐานของมันก็แข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนมากมายนัก!
มันจะอย่างไรก็เป็นเซียนปฐพีขั้นต้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็แค่เซียนมนุษย์ขั้นกลาง! หากตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นกัน มันก็ต้องแข็งแกร่งกว่าต้วนหลงเทียนหลายขุม!
อย่างไรก็ตามมีคำถามหนึ่งที่ตี้จิ่วไม่เคยคำนึงถึง…
นั่นก็คือ…แม้เวทย์พลังกับมันและต้วนหลิงเทียนจะให้ผลลัพธ์ละม้ายคล้ายกัน ทว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้น ใช่ละม้ายคล้ายกันด้วยหรือไม่?
เป็นเพราะตี้จิ่วไม่เคยคิดคาดถึงคำถามดังกล่าวนี้เอง…วาระสุดท้ายมันจึงทำได้แค่ตกตายกลายเป็นผีโง่งม!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!!
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!!
…
พริบตาเดียวกันกับที่ผลกระทบของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งแสดงผล พลังฝึกปรือของตี้จิ่วถึงกับตกฮวบลงไปอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้น และวินาทีนั้นมันก็ถูกลงดาบประหารทันที!
และผู้ลงดาบประหารมันก็คือ กระบี่ทั้ง 3 เล่มของต้วนหลิงเทียน!
กล่าวให้ชัดมันคือกระบี่ที่ตัวต้วนหลิงเทียนเองถือไว้ในมือเล่มหนึ่ง ส่วนกระบี่ที่เหลือย่อมมาจากร่างแยกอวตารทั้ง 2 ของเขา!!
ร่างแยกอวตารทั้ง 2 ปรากฏขึ้นมาได้ เพราะเป็นเขาใช้เวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ!
ตึงงงง!!
จวบจนกระทั่งร่างมหึมาของตี้จิ่วหล่นร่วงลงไปกระแทกพื้นดินจนหุบเขาสะเทือนเลือนลั่น ทุกผู้คนจึงได้ฟื้นคืนจากความตกใจที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังสังหารตี้จิ่ว!
อย่างไรก็ตามความตกใจคงอยู่ได้ไม่นาน พอทุกสายตาจับจ้องมองไปยังร่างไร้วิญญาณของตี้จิ่ว พวกมันก็รู้สึกตะลึงงัน หนังศีรษะคล้ายจะกลับกลายเป็นชาด้าน!
‘ตี้จิ่วมันคิดว่าปฐมเวทย์กลืนกินของข้าจะมีผลกระทบเหมือนกันงั้นเหรอ…เหลวไหล! เลอะเทอะนัก! เห็นได้ชัดว่าปฐมเวทย์กลืนกินอยู่กันคนละระดับกับเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งของมัน! แต่จะว่าไปก็สมแล้วที่เป็นเวทย์พลังระดับสูง…ปฐมเวทย์กลืนกินนี่นับว่าร้ายกาจจริงๆ!’
นึกถึงฉากเรื่องราวก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบเย้ยหยันตี้จิ่วในใจ
ก่อนหน้านี้พักหนึ่ง ยามเมื่อเวลาได้ครบกำหนด 1 เค่อ ผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งที่ตี้จิ่วใช้ก็หมดลง ส่วนปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาที่เพิ่มพูนขึ้นมาก็ถูกใช้ไปจนหมด หวนคืนสู่สภาพเดิมก่อนใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน…
อย่างไรก็ตามสภาพเดิมก่อนหน้าที่ว่า พลังฝึกปรือของเขาก็เทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
นอกจากนี้เขายังมีเวทย์พลังระดับสูงให้ใช้ อย่างเช่นเซียนอมตะข้ามภพ! เช่นนั้นกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ลดทอนลงจากตอนแรกแม้แต่นิดเดียว!
กลับกัน พลังฝึกปรือของตี้จิ่วกลับตกฮวบลงไปถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้น อันเป็นสถานะอ่อนแอเพราะผลกระทบจากเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง!!
ด้วยความแตกต่างถึงหนึ่งขั้นพลัง รวมทั้งต้วนหลิงเทียนยังใช้ออกด้วยเซียนอมตะข้ามภพ เช่นนั้นแล้วถึงร่างกายตี้จิ่วจะถือว่าแข็งแรงทนทาน แต่สุดท้ายก็ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าเอาได้ง่ายๆ…
‘จริงสิ…เม็ดพลังมังกร!’
ในขณะที่ผู้คนกำลังตะลึงงันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกอะไรได้ออก ลูกตาเขาเผยประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที ร่างที่ลอยอยู่กลางฟ้าแปรเปลี่ยนไปคล้ายดาวตก พุ่งลงไปหารซากร่างตี้จิ่วด้วยความคิดขุดเม็ดพลัง ออกมา!
เม็ดพลังนั่นไม่เพียงเป็นสมบัติชั้นยอดสำหรับผู้คน! ยังถือเป็นวัตถุดิบระดับสูงสำหรับใช้ซ่อมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเช่นกัน!
‘ตี้จิ่วที่มีพลังฝึกปรือถึงเซียนปฐพีขั้นต้น เม็ดพลังของมันก็ต้องมีคุณค่ามากกว่าเม็ดพลังของตี้ยง น่าจะใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่! แถมอวัยวะส่วนอื่นของมันก็ถือว่ามีประโยชน์’
ในขณะที่พุ่งร่างหล่นฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดไปในใจอย่างลิงโลด
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งลงมาเจียนถึงร่างตี้จิ่ว ทั้งชักกระบี่ออกมาเตรียมขุดเจาะร่างมังกรตัวเขื่องหาเม็ดพลัง ทั้งยังคิดจะควักลูกตาหั่นกรงเล็บตัดเขาเลาะเส้นเอ็นขอดเกล็ดนั้นเอง…
ปงงง!!
มวลพลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งกลับกระแทกใส่ร่างเขาจนตัวเขากระเด็นไปไม่รู้เหนือใต้!
ทว่าแม้มวลพลังขุมนี้จะยิ่งใหญุสุดไพศาล หากแต่พอกระแทกเข้าร่าง ต้วนหลิงเทียนกลับพบว่ามันเป็นพลังไร้สภาพอ่อนหยุ่นขุมหนึ่ง เสมือนเจตนาส่งร่างเขาออกไปให้ไกลเท่านั้น ไม่ได้คิดทำร้ายอะไรแม้แต่น้อย…
“ตี้ชาน!”
ขณะเดียวกัน พลันมีร่างหนึ่งวูบมาปรากฏข้างกายต้วนหลิงเทียน เป็น ต้วนหรูเฟิง
ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงกำลังจับจ้องมองไปยังตี้ชานที่เป็นผู้ลงมือตาขวาง
“จ้าวตำหนักต้วน…ข้ามิอาจปล่อยให้ศพของมังกรเทพยาดาที่ตกตาย ถูกผู้ใดล่วงเกินหยามเกียรติได้!”
เผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิงที่มองมาตาขวาง ตี้ชานพลันมองสบตากลับไปอย่างไม่กลัว “เรื่องนี้กระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่ยินยอม!”
เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน!
เห็นได้ชัดว่าตี้ชานเจตนายกเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนขึ้นมากล่าวอ้าง หมายขู่ข่มต้วนหรูเฟิง “ตี้จิ่วถูกบุตรชายท่านสังหาร พวกเราก็ทำได้แค่ตำหนิในความอ่อนด้อยของตี้จิ่ว…และเผ่าพันธุ์มังกรเรายินดีกระทำตามสัญญา ยอมละทิ้งสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรในรอบ 5,000 ปี…มอบโอกาสให้ท่าน! แต่อย่างไรก็ตามร่างของตี้จิ่วนั้นมิอนุญาตให้ผู้ใดแตะต้องเด็ดขาด นี่เป็นขีดจำกัดล่างของพวกเราเผ่าพันธุ์มังกร!!
ตี้ชานกล่าวออกมาเสียงดัง
“ขีดจำกัดล่าง!!”
“บรรทัดฐาน!!”
…
ทันใดนั้นคนของเผ่าพันธุ์มังกรรอบๆ ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
เนื่องจากตี้จิ่วถูกฆ่าตาย และพวกมันก็เสียโอกาสเข้าใช้สระชำระมังกรที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีไป ทำให้อารมณ์ของพวกมันเสมือนดิ่งลงเหว ต่างจิตตกและรู้สึกแย่เป็นทุน ตอนนี้พอมีโอกาสจึงได้ระบายออกกันเต็มที่
“เฮอะ!”
เสียงเย็นชาหนึ่งพลันสบถดังก้องไปทั่วหุบเขา ต้วนหรูเฟิงที่ไม่คิดกดดันบีบคั้นอะไรตี้ชานสืบไป เพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียน พูดว่า “เทียนเอ๋อร่างกายของตี้จิ่วแม้จะถือว่าอุดมไปด้วยสมบัติ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เจ้าลืมมันไปเถอะ…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้าต้องเข้าสระชำระมังกร คว้าโอกาสในรอบ 5,000 ปีนี้ไว้!”
“ได้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ไม่คิดขุดร่างตี้จิ่วควักเม็ดพลัง กระทั่งชำแหละฉกฉวยอวัยวะอื่นๆที่ใช้งานได้ของมันอีก
เขารู้ว่าเม็ดพลังทั้งอวัยวะส่วนอื่นๆของตี้จิ่วมีคุณค่าแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจละเลยอารมณ์ของคนเผ่าพันธุ์มังกรได้ ยากที่เขาจะขุดสมบัติต่อหน้าต่อตาพวกมัน…
ดังนั้นเขาทำได้แค่ล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย ไม่สนใจอะไรร่างตี้จิ่วอีก
ตอนนี้เองทุกสายตาในหุบเขา ก็หันมาจับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน
ท่ามกลางสายตาเหล่านี้ มีทั้งตกตะลึง อึ้งทึ่ง นับถือ เลื่อมไส กระทั่งหวาดกลัว…
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ‘ต้วนหลิงเทียน’ ผู้นี้…กลับสังหารมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บตี้จิ่วผู้นั้นลงได้…ศักยภาพพรสวรรค์มิได้ต้อยต่ำไปกว่าบิดาแม้แต่นิดเดียว!”
“วาสนาของตำหนักเมฆาครามไฉนเลิศล้ำนักนะ…ตอนแรกก็ต้วนหรูเฟิงคนนึงแล้ว มาตอนนี้ยังมีต้วนหลิงเทียนอีกคน!”
“ด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ ตำหนักเมฆาครามจักเจริญรุ่งเรืองไปอีกร้อยแปดพันปีนับว่ามิมีปัญหา!!”
…
เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ต่างมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
หากอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในขุมพลังของพวกมันมั่งล่ะก็ ตราบใดที่ชุบเลี้ยงส่งเสริมจนเติบโตขึ้นมาได้อย่างดี ตัวตนเช่นนี้ย่อมนำพาขุมพลังของพวกมันให้พุ่งทะยานสูงขึ้นได้แน่ เรื่องจะทัดเทียมกับตลาดมืดหยินชานและตำหนักเมฆาครามก็คงไม่ใช่แค่ความฝัน!
เช่นเดียวกันกับในปีนั้น ตำหนักเมฆาครามอาศัยต้วนหรูเฟิงเพียงคนเดียว ก็ยกระดับตำหนักเมฆาครามให้บรรลุถึงขอบเขตใหม่!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ขณะเดียวกันนั้น ร่างผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรคนอื่นๆ ก็พุ่งมาหยุดเบื้องหน้าศพตี้จิ่วด้วย
นอกเหนือจากตี้ชานที่เพียงเผยโทสะออกมาในแววตาแล้ว อาวุโสคนอื่นๆไม่ว่าจะเฉวี่ยฉาน สื่อชิง และชิงเหยียนล้วนหันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟันทั้งสิ้น
การที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าตี้จิ่วไปแบบนี้ ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันสูญเสียผู้ที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกรที่สุดไป…
กว่าที่เผ่าพันธุ์มังกรจะให้กำเนิดมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บได้อีกครั้ง กว่าที่จะชุบเลี้ยงให้มีพลังฝึกปรือให้ทัดเทียมกับตี้จิ่ว ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยปี…
พอคิดถึงจุดนี้ในใจของพวกมันอดไม่ได้ที่จะผสมปนเปไปด้วยความขื่นขมระทมทุกข์ ทั้งโทสะแค้นยากระบาย ทั้งอึดอัดทั้งหงุดหงิดใจนัก! ทำได้แค่ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยอาฆาตเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน!
“น้องหลิงเทียน! ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย!!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่กู่ลี่กลับมาหยุดอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน สองมือป้องประสานเขย่าไปมา กล่าวคำแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยังยินดีกับต้วนหลิงเทียนที่ได้เข้าสระชำระมังกรจากใจ
กู่มี่เองก็มาปรากฏตัวด้านข้างต้วนหรูเฟิงเช่นกัน แม้มันจะยังคงนิ่งเงียบมาดขรึม หากแต่ในแววตาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเคารพนับถือยามมองไปยังต้วนหลิงเทียน
หากมีคนกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่มันแลดูใจดีกับต้วนหลิงเทียน เป็นเพราะจ้าวตำหนักอย่างต้วนหรูเฟิงล่ะก็
ตอนนี้มันทั้งนับถือ ทั้งเลื่อมไส กระทั่งหวาดกลัวต่อพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจากใจ! เพราะความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกก่อนหน้า ทำให้มันเปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ!!
เพียงพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนมนุษย์กลับสำแดงพลังสามารถถึงขั้นฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีได้!
พลังฝีมือนี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้มันตกใจแทบตาย!
มันเชื่อมั่นว่าตราบใดที่นายน้อยคนนี้ยังคงเติบโตต่อไปล่ะก็ วันหน้าต้องไม่ด้อยไปกว่าจ้าวตำหนักของมันแน่!
“ท่านผู้นำกลับเดาถูกจริงๆ…”
ห่างออกไปไกลๆ เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานตอนนี้เผยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก พวกมันหันมามองสบตากัน ก่อนจะเห็นความตกตะลึงในลูกตาอีกฝ่าย
“ขอแสดงความยินดีด้วย”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เขาจึงหันไปมองตามต้นเสียงทันที
เห็นว่าเป็น ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ที่ส่งเสียงมา
“ขอบคุณ…”
แม้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าไฉนคู่อริของบิดามากล่าวแสดงความยินดีกับเขาด้วยสีหน้าท่าทางไม่คล้ายเสแสร้งแบบนี้ แต่เขาก็แสดงความขอบคุณออกไปอย่างสุภาพ
ไม่ว่าจะอย่างอีกฝ่ายก็ปฏิบัติกับเขาด้วยดีก่อน เขาเองก็ไม่อาจหักหน้าอีกฝ่ายได้ ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ยากยื่นมือไปตบหน้าคนกำลังยิ้ม’
“จ้าวตำหนักต้วนโปรดรออีกสักวัน หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องศพของตี้จิ่วเสร็จสิ้นแล้ว…ข้าจักนำกุญแจตะวันออกมา และพาจ้าวตำหนักน้อยไปส่งยังสระชำระมังกร!”
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตี้ชานที่ยุ่งกับร่างตี้จิ่วเมื่อครู่ กำลังมองกล่าวกับต้วนหรูเฟิง
หลังจากกล่าวจบแล้วมันก็ไม่รอให้ต้วนหรูเฟิงตอบสนองอะไร เหินร่างนำพาอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรพร้อมหอบร่างตี้จิ่วจากไปทันที
ตี้จิ่วจะอย่างไรก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ กล่าวได้ว่ามันมีสายเลือดขัตติยะอยู่ในกาย
วันนี้มันถูกฆ่า กระทั่งตกตายในรังมังกร เป็นธรรมดาที่เผ่าพันธุ์มังกรต้องจัดพิธีศพให้มัน
“พวกเจ้าทุกคนเห็นแล้วหรือไม่? ประมุขไร้สามารถผู้นี้สามารถล้างแค้นให้พวกเจ้าได้สำเร็จ! ข้าประมุขไม่เอาไหนคนนี้ ฆ่ามันเพื่อเซ่นวิญญาณของพวกเจ้าได้แล้ว พวกเจ้าหลับให้สงบเถอะ!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับคนทั้ง 3 กำลังเหินกลับหุบเขาเล็กๆอยู่นั้น ร่างต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็หยุดค้างกลางหาว หันมองไปยังทิศทางที่ตั้งของทวีปเมฆาคราม ค่อยกล่าวพึมพำออกมาเสียงเบา
เสียงเขาไม่ดังอะไร หากแต่ทุกคนสามารถได้ยินถ้อยคำของเขาได้ชัดเจน
ต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่รู้ว่าคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียนมีความหมายอย่างไร
หากแต่กู่ลี่ที่ไม่รู้มาก่อนทำได้แค่คาดเดาว่า ต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วสมควรมีเรื่องราวบาดหมางเพาะสร้างความแค้นกันมาตั้งแต่อดีต
ทว่ารายละเอียดเรื่องราวนั้น มันไม่ทราบแม้แต่น้อย จึงทำให้บังเกิดความอยากรู้อยากเห็นนัก
“น้องหลิงเทียนเจ้ากับตี้จิ่ว…มีความแค้นกันมาก่อนหรือ?”
กู่ลี่ที่รู้สึกคันในหัวใจยากจะเกาไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวถามออกมา…
หากแต่มันยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควรจึงกล่าวตบท้ายไปว่า “แต่หากเจ้าลำบากใจไม่สะดวกจะเล่า ข้าก็เข้าใจ…”
“ไม่ได้ไม่สะดวกหรือลำบากใจอะไรหรอกพี่กู่…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเล่าให้กู่ลี่ฟังว่าตี้จิ่วมันทำลายนิกายหลิงเทียนที่เขาสร้างขึ้นในทวีปมนุษย์ก่อนหน้านี้อย่างไร…
พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด กู่ลี่ก็เข้าใจถึงความเคียดแค้นชิงชังของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อตี้จิ่ว…