ตอนที่ 1653 เจอโดยบังเอิญ

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

“ท่านผู้เฒ่าฉา ทางเดินบนภูเขาขรุขระเดินยาก ท่านเข้าไปพักในมือถือก่อน พอถึงยอดเขาแล้วฉันค่อยปล่อยท่านออกมาดีไหม” 

 

 

จางจื่ออัน ฟราเทอร์ และเหล่าฉาลงจากรถแท็กซี่ ก่อนจะเงยหน้ามองภูเขาลูกเล็กที่อยู่ตรงหน้า 

 

 

ภูเขาอิ่นอู้ลูกเตี้ยๆ ผุดขึ้นมาจากดินราวกับเป็นมาแบบนั้นตั้งแต่โบราณ บนภูเขามีต้นสนและต้นไซเปรซเขียวชอุ่ม ยอดเขามีเมฆหมอกวนเวียน ทำให้จางจื่ออันนึกถึงหมอกในป่าเรดวูด 

 

 

วันนี้ยังเป็นวันทำงาน แถวนี้จึงมีนักท่องเที่ยวบางตา ถึงเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลก็มีลูกค้าไม่กี่คน ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง แต่เป็นเพียงมุมเล็กๆ บนแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองปินไห่ บนภูเขาไม่มีโบราณสถาน เอกลักษณ์ของมันมีเพียงเมฆหมอกวนเวียนตลอดทั้งปี ใครจะตั้งใจมาสถานที่แบบนี้เพื่อดูหมอกเพียงอย่างเดียวกัน แถมยังต้องปีนภูเขาที่ไม่มีกระเช้าลอยฟ้าด้วย 

 

 

ข้างล่างตีนภูเขามีร้านค้าแผงลอยอยู่สองสามร้าน สิ่งของที่ขายก็คืออาหาร น้ำ ร่ม รองเท้าเดินป่า และสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ขึ้นเขา ร่มกับรองเท้าล้วนเป็นสินค้าลอกเลียนแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ อดิดาส พูม่า อะไรทำนองนี้ แม้แต่สินค้าปลอมก็ยังโจ่งแจ้งขนาดนี้ คาดว่าเป็นแบบที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว ใส่ขึ้นเขาแล้วอาจจะใส่ลงเขาไม่ได้ 

 

 

เหล่าฉาหรี่ตา พิจารณาความสูงของภูเขาครั้งหนึ่ง แล้วมองคนแก่ผมขาวที่สวมชุดออกกำลังกายสีขาวจั๊วะสองสามคนขึ้นเขาด้วยกันโดยที่ไม่พกไม้เท้ากายสิทธิ์ ก่อนจะหัวเราะ “ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ถึงขั้นที่แม้แต่ขึ้นภูเขาก็ไม่ไหวเสียหน่อย” 

 

 

เมื่อครู่ก็คือคนแก่สองสามคนที่ลงรถเมล์มาพร้อมกับจางจื่ออัน น่าจะเป็นเพราะคนแก่อายุมากกว่าเจ็ดสิบปีขึ้นรถเมล์ฟรี จึงนั่งรถมาขึ้นเขาทุกวัน 

 

 

“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น…ถึงยังไงถ้าเป็นฉัน ก็อยากให้คนแบกขึ้นเขานะ” จางจื่ออันยักไหล่ 

 

 

“ถึงได้บอกไงว่าคุณเป็นไก่อ่อน!” 

 

 

อยู่ๆ ก็มีคนพูดต่อจากเขา 

 

 

ฟราเทอร์ไม่ได้รู้สึกอะไร กลับเป็นจางจื่ออันกับเหล่าฉาที่ตกตะลึง 

 

 

เจอคนรู้จักที่นี่เหรอ? 

 

 

วันนี้ในร้านไม่มีลูกค้าที่รับมือยาก แถมข้างนอกยังอากาศเย็นสบาย เขาจึงเสนอให้ออกมาเที่ยวกัน แต่วลาดิเมียร์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว พายกำลังเพิ่มการอัปเดตเพราะลาหยุดมากเกินไปตอนไปอเมริกา เฟยหม่าซือยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปคู่กับแฟนคลับ ซิงไห่ก็ไม่อยากไปในที่ที่มีคนเยอะ และพื้นที่บนยอดเขาก็เล็กเกินไป ไม่มีที่ให้มันเล่นซ่อนแอบ ส่วนภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นก็อยู่ติดบ้านมาก…พอลองถามดู ก็มีแค่เหล่าฉากับฟราเทอร์ที่ตอบรับคำชวนของเขา ฟราเทอร์เพิ่งมาใหม่ มันจึงอยากรู้อยากเห็นเมืองปินไห่ แลออกมาเดินเล่นข้างนอกเพื่อศึกษาเส้นทาง 

 

 

เพราะคิดอยากจะออกมาเที่ยวสักพัก เขาจึงไม่ได้ทำอะไรเอิกเกริก ก่อนออกจากบ้านยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน พอขึ้นรถแท็กซี่แล้วถึงจะตกลงว่าไปภูเขาอิ่นอู้ ดังนั้นแม้แต่พวกพนักงานร้านก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน คนอื่นๆ ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ 

 

 

ลูกค้าและเพื่อนๆ บนอินเทอร์เน็ตที่น่าโมโหพวกนั้นมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็เรียกเขาว่าไก่อ่อนตลอด เขาจึงความรู้สึกไวต่อคำนี้มาก คิอว่าเจอคนรู้จักอีกแล้ว จึงแอบดีใจเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองก็นับว่าเป็นปัญญาชนที่ใต้หล้ารู้จักกันถ้วนทั่วแล้วสินะ? 

 

 

เสียงดังมาจากข้างหลัง เขากำลังจะหันไปมองว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้เอง หญิงสาวคนหนึ่งก็เฉียดไหล่ผ่านเขาไป ยกโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ข้างปาก เสียงใสพูดต่อว่า “ควรจะออกกำลังกายให้มากขึ้น!” 

 

 

ที่แท้ก็กำลังคุยโทรศัพท์นี่เอง ไม่ได้พูดกับจางจื่ออัน 

 

 

ผมของเธอไม่ยาวและไม่สั้น ประมาณประบ่า ปอยผมถูกลมพัดปลิว ปรกแก้มด้านหนึ่งที่ตรงกับเขาพอดี เขาจึงมองไม่เห็นหน้าตาของเธอ แต่แน่ใจได้ว่าตัวเองไม่รู้จักเธอ เพราะกลุ่มคนรู้จักของเขาไม่มีเด็กนักเรียนมัธยมต้น 

 

 

ไม่ว่ากลุ่มเพื่อนสมัยเรียน กลุ่มเพื่อนร่วมงานเมื่อก่อน หรือกลุ่มลูกค้าและกลุ่มเพื่อนในตอนนี้ คนที่เขารู้จักส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่อายุใกล้เคียงกับตัวเอง นักศึกษามหาวิทยาลัย หรือผู้สูงอายุ ไปจนถึงเด็กประถมนิดหน่อย แต่เด็กวัยรุ่นชั้นมัธยมหนึ่งถึงมัธยมสาม ไม่ว่าชายหรือหญิงเขากลับไม่รู้จักเลยสักคน 

 

 

เหตุผลง่ายมาก การบ้านของชั้นมัธยมหนึ่งถึงสามค่อนข้างหนัก และเด็กวัยรุ่นช่วงวัยนี้ไม่มีสิทธิ์ใช้เงินอย่างอิสระ ยิ่งไม่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเองได้ ดังนั้นถึงมีเด็กวัยรุ่นช่วงวัยนี้มาที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง ก็จะมากับผู้ปกครองทั้งนั้น เด็กที่มาด้วยตัวเองค่อนข้างน้อย ถึงแม้มีก็แค่ดูเท่านั้น ไม่ได้มาซื้อ 

 

 

หญิงสาวที่เฉียดไหล่ผ่านเขาไปเมื่อครู่ ดูจากขนาดตัว รูปร่าง เสียง และผิวพรรณแล้วคล้ายจะเป็นเด็กมัธยมต้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้จักเธอแน่นอน 

 

 

นอกเสียจากเป็นแฟนคลับของเสียวเสวี่ย และเคยเห็นเขาในช่องไลฟ์สด อย่างนี้ก็พูดยากแล้ว 

 

 

อีกอย่างที่เธอใส่เป็นชุดกะลาสีกับกระโปรงยาวเลยเข่าทั้งชุด ตรงหน้าอกประทับสัญลักษณ์บางอย่าง อาจจะเป็นตราโรงเรียน แน่นอนว่ายืนยันอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้สาวๆ หลายคนก็ซื้อชุดกะลาสีมาใส่เล่นเพราะดูสวยดี 

 

 

เธอกับชุดกาละสีทั้งชุดนี้โดดเด่นกว่าคนอื่น ฉายแววความกระปรี้กระเปร่าของวัยรุ่น เธอเดินไปยังทางเดินขึ้นเขาด้วยฝีเท้าเบาหวิว ขณะเดียวกันก็ยกโทรศัพท์มือถือคุยอยู่ตลอด 

 

 

ที่จางจื่ออันสงสัยอยู่บ้างคือ แม้จะอยู่ใกล้กันแค่พริบตาเดียว เขาพบว่าเนื้อผ้าของชุดกะลาสีทั้งชุดนี้ดูแปลกๆ ไม่ใช่ผ้าฝ้าย ไม่ใช่ผ้าลินิน แต่กลับรักษารูปทรงและไม่ได้พลิ้วหรือแนบตัวเหมือนผ้าไหมมันเงา อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นจนชินแล้ว แต่ไม่เคยเห็นเด็กสาวที่ไหนสวมเสื้อผ้าที่มีวัสดุแบบนี้เลยจริงๆ 

 

 

แค่พริบตาเดียวเธอก็หายไปในมุมโค้งของทางเดินขึ้นเขาแล้ว 

 

 

“จื่ออัน เป็นอะไรไป” เหล่าฉาเห็นเขาใจลอย จึงส่งเสียงถาม 

 

 

“ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ” 

 

 

จางจื่ออันได้สติกลับมา ตัวเองมองเงาหลังของเด็กสาวมัธยมต้นแบบนี้ คงจะไม่ถูกมองว่าเป็นโรคจิตหรอกนะ แต่เขาแค่สนใจเสื้อผ้าของเธอก็เท่านั้นเอง 

 

 

“นี่ก็คือภูเขาอิ่นอู้ที่พวกเจ้าพูดถึงหรือ เป็นภูเขาที่เหมือนกับชื่อเสียจริงนะ” ฟราเทอร์เหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตลอด เห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด 

 

 

บนคอของฟราเทอร์ใส่ปลอกคอและผูกเชือกจูงเอาไว้ ในเมื่อต้องแสดงเป็นสุนัข ย่อมต้องแสดงให้สมจริงสักหน่อย มันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องถูกล่าม เพราะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม มันเป็นสัตว์ป่า มาถึงเมืองแล้วก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ของเมือง 

 

 

“อากาศที่นี่ดีกว่าในเมืองเยอะ แต่ยังเทียบป่าเรดวูดไม่ได้” จางจื่ออันพูดตามตรง จนถึงวันนี้เขายังไม่เข้าใจว่า ทำไมฟราเทอร์ถึงเลือกออกจากฝูงหมาป่าแห่งป่าเรดวูดแล้วมาเมืองปินไห่กับเขา 

 

 

เนื่องจากออกจากปรากฏการณ์เกาะความร้อน*ในใจกลางเมือง ไปจนถึงมีต้นไม้ปลูกอยู่หนาแน่น อุณหภูมิของที่นี่จึงเย็นสบายกว่าในเมือง อากาศก็สดชื่นกว่า เป็นสถานที่คลายร้อนและหลบจากอากาศร้อนอันยอดเยี่ยม ถ้ามีกระเช้าลอยฟ้านะ 

 

 

“ไม่เป็นไร แต่ละที่ต่างก็มีข้อดีของมันเอง” ฟราเทอร์ยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ข้าไม่ชอบตรงที่ในป่ามีคนน้อยเกินไป นอกจากนักเดินป่าน้อยนิดแล้ว ก็มีแค่ผู้ร้ายท่าทางลับๆ ล่อๆ ในเมืองดีกว่าอีก ได้สัมผัสกับคนรูปแบบต่างๆ” 

 

 

หลังจากมาถึงร้านขายสัตว์เลี้ยง ฟราเทอร์ก็นั่งอยู่ในมุมของชั้นหนึ่งตลอดทั้งกลางวัน สังเกตลูกค้าที่ไปมาอยู่เงียบๆ ถ้าเห็นว่ามีคนห้อยไม้กางเขนไว้บนคอ มันก็จะเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมา 

 

 

มันเห็นการมายังโลกตะวันออกเป็นการฝึกฝนตัวเอง และมันก็ตกหลุมรักที่นี่อย่างรวดเร็ว จมอยู่ในวัฒนธรรมอันแปลกใหม่และบรรยากาศรอบตัวอันมีเอกลักษณ์ ความเสียใจเพียงอย่างเดียวคือผู้คนเห็นมันครั้งแรกแล้วมักจะรู้สึกหวาดกลัว แต่จางจื่ออันพยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่ามันหน้าตาดุร้ายนิดหน่อยเท่านั้น ความจริงแล้วอ่อนโยนมาก 

 

 

 

 

 

 

 

 

*ปรากฏการณ์เกาะความร้อน เป็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่เกิดจากมนุษย์ คืออากาศใกล้พื้นดินในเขตชุมชนเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องอยู่เป็นจำนวนมาก มีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณป่าไม้ที่อยู่ถัดออกไปรอบๆ