ตอนที่ 768 มีความรัก(1) โดย Ink Stone_Romance

เธอหมุนตัวมาก่อนถูกเย่เซียวรั้งเข้าอ้อมแขน สบสายตานิ่งของเขา “รูปล่ะ?”

ไป๋ซู่เย่ถึงได้สติ

ท่าทางที่เขาแทบจะลอกหนังเธอเป็นๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องเอกสารเขาแต่เพราะรูปถ่ายติดบัตรใบนั้นของเธอ?

เธอเงยหน้าขึ้น “เย่เซียว คนในรูปใบนั้นคือฉัน”

เย่เซียวเงียบไปอึดใจ แล้วโต้กลับอย่างไม่รู้สึกผิด “แล้วยังไงล่ะ? เป็นคุณ คุณก็เอาไปโดยไม่ถามก่อนได้เหรอ?”

 “ตอนคุณเอารูปนี้ของฉันไปก็ไม่ถามก่อนไม่ใช่เหรอ?”

 “ตอนนี้คุณอยากมาเรียกร้องสิทธิ์การครอบครองสิ่งของกับผมเหรอ?” เย่เซียวใช้มือข้างที่ว่างล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทเธอเสร็จสรรพ เธอรีบจับมือเขาไว้ “คุณจะเอารูปฉันไปก็ได้ แต่…ฉันต้องการมีการแลกเปลี่ยน”

 “แลกเปลี่ยน?”

 “คุณต้องเอารูปของคุณให้ฉันใบหนึ่งถึงจะได้”

เห็นได้ชัดว่าเย่เซียวไม่คิดว่าเธอจะยื่นข้อเสนอนี้มาเลยตกใจไปครู่หนึ่ง สีหน้าอ่อนลงฮวบ “คุณจะเอารูปของผมไปทำไม?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบแต่ถาม “แล้วคุณจะให้หรือไม่ให้? ถ้าคุณไม่ให้ รูปใบนี้ของฉันก็ไม่ให้คุณแล้ว”

เธอว่าแล้วก็กระชับมือที่ซุกในกระเป๋าแน่น กำรูปไว้ในฝ่ามือจริงๆ

เย่เซียวจะปล่อยให้เธอข่มขู่แบบนี้ได้อย่างไร? กระตุกปลายนิ้วก็แกะมือที่กำแน่นของเธอได้อย่างง่ายดาย รูปถ่ายตกในมือเขาทันที

ไป๋ซู่เย่อยากแย่งกลับมาแต่เย่เซียวเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว หันหลังเอารูปไว้ในลิ้นชักแล้วกดล็อกรหัสทันท่วงที

ไป๋ซู่เย่จ้องเย่เซียวแล้วบ่นอุบอย่างไม่พอใจ “นี่คุณแย่งชัดๆ”

 “คุณยังไม่ตอบผมเลย—ว่าคุณจะเอารูปผมไปทำไม?” ถามย้ำอีกครั้ง เย่เซียวจ้องเธอไม่ละสายตาด้วยใจที่แอบคาดหวังลึกๆ

เขาเก็บรูปเธอไว้หลายปีขนาดนี้จึงมีความหมายเสมือนยา ทุกครั้งที่รู้สึกแย่จะหยิบรูปของเธอออกมาดูเพื่อปลอบตัวเอง

แต่ในเวลานั้นความคิดถึงคำนึงหาแสนทรมานก็กรีดหัวใจเขาอยู่ทุกครั้งไป ทำให้ภายหลังเขาเก็บรูปนี้ลึกสุดของมุม ด้วยกันกับเธอ

ไป๋ซู่เย่เงียบไปครู่ ใช้สายตาซับซ้อนมองเขาด้วยใจที่วูบไหว “ถ้าเกิดว่า…จะเก็บเป็นที่ระลึก ได้มั้ย?”

 “ระลึก?” ด้วยคำนี้เกิดไฟนิรนามผุดขึ้นกลางใจของเย่เซียวอย่างน่าแปลก

เวลาใดถึงต้องการระลึกถึง? ทุกครั้งที่มีการจากลา หรือไม่ทราบว่าครั้งหน้าที่จะกลับมาพบเจอกันคือเมื่อไรถึงต้องใช้คำว่า ‘ระลึก’ คำนี้!ฉะนั้นตอนนี้เธออยู่ที่นี่ยังคงคิดเหมือนเดิม พร้อมจะถอนตัวจากโลกของเขาเสมออย่างนั้นหรือ?!

แต่เมื่อครู่เขานั่งที่โต๊ะอาหารกลับยังจินตนาการถึงภาพครอบครัวสามคนในอนาคตของพวกเขาอยู่…

ความต้องการเพียงฝ่ายเดียว ความคิดเข้าข้างตัวเองมันสะท้อนให้เห็นถึงความโง่เขลา ช่างโง่เง่าจริงๆ!

เย่เซียวไม่ตอบอะไร เขากลัวว่าหากหลุดคำพูดไป อารมณ์จะอยู่เหนือการควบคุม

จุดบุหรี่ยืนริมหน้าต่างแล้วสูบเข้าไปหนักๆ สองที ไป๋ซู่เย่มองแผ่นหลังที่เย็นชาของเขา หมายจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

รอสักพักเย่เซียวดับบุหรี่นั่นก่อนหันหน้ามา “ไปเถอะ ผมจะส่งคุณกลับไป”

ทุกคำที่เอื้อนเอ่ยช่างเย็นชาเหลือเกิน

พูดจบเดินสวนไหล่เธอไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเธอสักแวบเดียว

เย่เซียวที่เป็นแบบนี้ ไป๋ซู่เย่รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ เธอพบว่านับวันตัวเองในช่วงนี้เริ่มทนท่าทีเย็นชาจากเขาไม่ได้

หลังกลับมาพบกับเขา เธอคิดว่าหัวใจของเธอทำจากเหล็กกล้าที่ต่อให้เขาจะประชดประชันเธอ ย่ำยีเธอ ทำให้เธอเสียใจอย่างไรเธอก็ทนได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับใจบอบบางมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งน้อยใจง่ายขึ้นเรื่อยๆ…

 “เย่เซียว…”

เธอยืนอยู่ในห้องไม่ขยับตัว เรียกเขาหนึ่งที

เย่เซียวไม่สนใจและไม่หันกลับมา

ทั้งที่เมื่อกี้เขากำลังโกรธ แต่ตอนนี้ท่าทีของเขากลับทำให้เธอโกรธแทน “เย่เซียว ฉันกำลังเรียกคุณอยู่”

เย่เซียวยังเงียบเหมือนเดิม เดินลงชั้นล่าง

ไป๋ซู่เย่ยิ่งรู้สึกแย่ ทำหน้าบึ้งตึงอย่างดื้อด้านไม่ยอมออกไป กลับคว้าหมอนบนโซฟาในห้องเขาแล้วนั่งลงด้วยความโกรธ ท่าทางคล้ายว่าหากเขาไม่ขึ้นมาเชิญเธอไป เธอจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนล่ะ!

เธอไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำเช่นนี้ของเธอความจริงออกจะเด็กน้อยไปสักหน่อย ไม่ต่างจากเด็กสาวที่ทะเลาะกับแฟนหนุ่มโดยทั่วไปเลย

รอสักพักได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย้อนกลับมาของเย่เซียว เขาย่ำเท้าเดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วปิดประตูหนักๆ สายตาคมเฉี่ยวมองเธอบนโซฟา ไป๋ซู่เย่หันหน้าไป เดิมทีอยากจะตีหน้าบึ้งเพื่อสื่อถึงอารมณ์ไม่พอใจของตัวเอง แต่ทันใดนั้น…

เมื่อสบตาที่แฝงด้วยไฟโทสะของเขาแล้วความน้อยใจก็พุ่งขึ้นมากลางอกทันที

แสบปลายจมูก ขอบตาแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่

เธอสังเกตถึงหนึ่งสิ่งที่แย่มาก—นอกจากหัวใจที่บอบบางมากขึ้น แต่…กลับชอบร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ด้วย…

น้ำตาของเธอมาโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า สร้างความตะลึงแก่เย่เซียวชั่วขณะรวมถึงเจ็บแปลบที่หัวใจ

ไฟโทสะทั้งหมดถูกดับมอดสลายไปในพริบตาเหมือนเจอน้ำเย็นถังราดใส่

 “คุณ…ร้องไห้ทำไม?” เขาเอ่ยปากถามอย่างยากลำบาก เทียบกับท่าทางเย็นชาเมื่อครู่แล้วตอนนี้เสียงอ่อนลงไม่น้อยอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่มีแรงต้านทานต่อน้ำตาเธออยู่เสมอ

ไป๋ซู่เย่สูดจมูกแล้วกลั้นน้ำตาไว้ ไม่สนใจเขาพลางทิ้งหมอนลุกขึ้นหมายจะเดินออกไป

เมื่อผ่านเขาก็ถูกเขาขวางไว้ตามการคาดหมาย

 “คุณปล่อยฉันนะ!” เธอแสร้งผลักเขาด้วยความโกรธซึ่งความจริงไม่ได้ใช้แรงมากเท่าไร

เย่เซียวกอดเธอแน่นกว่าเดิม

พักใหญ่ที่แนบแก้มข้างหูเธอ ถามอย่างปวดใจปนเอือมระอาหน่อยๆ “ร้องทำไม?”

พอเธอร้องไห้หัวใจเขาก็จะว้าวุ่นโดยสิ้นเชิง ทุกความไม่พอใจจะหายไปถึงท้ายที่สุดกลับกลายเป็นความผิดของเขาแทน กลายเป็นเขาที่มาสำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 “คุณไล่ฉัน” ไป๋ซู่เย่ท้วงอย่างน้อยใจ “ฉันเป็นแขกที่แม่คุณเชิญมา คุณกลับไล่ฉันไปอยู่นั่น”

 “ใช่ ผมไล่คุณไป เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน ผมจะรั้งคุณไว้ทำไม?”

ไป๋ซู่เย่ชะงัก

เงยหน้ามองเย่เซียวอย่างเหม่อลอย หลังเข้าใจว่าเขาพูดอะไรไปน้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อสักครู่ก็ไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป

แต่…

สิ่งที่เขาพูด กลับเป็นความจริง

ตอนนี้ พวกเขาไม่เป็นอะไรกันทั้งนั้นจริงๆ

 “ไหนคุณลองบอกผมมาว่าผู้หญิงที่ผมรั้งไม่อยู่ได้ตลอด ทำไมผมจะต้องรั้งทุกครั้ง? ผู้หญิงที่พร้อมจะถอนตัวไปจากข้างกายผมอย่างเด็ดขาดอยู่ทุกเมื่อ หรือว่าผมไม่ควรไล่เธอไปให้ไกลจากตัวผมในตอนที่ผมยังมีสติเหลืออยู่บ้างเหรอ?”

เขาเชยคางเธอขึ้นมา สายตาล้ำลึกและลงแรงที่มือเพื่อสื่อถึงไฟโทสะของเขาในตอนนี้ รวมถึงความเจ็บปวดที่รักแต่ไม่อาจสมหวังจากก้นบึ้งของหัวใจเขา “ผมทรมานตัวเองมามากพอแล้ว คุณยังหวังจะให้ผมทรมานตัวเองอีกสิบปี ยี่สิบปี หรือชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมด? แบบนี้คุณจะมีความสุข หรือจะได้ใจอะไร?”

………………………