เมื่อตอนที่ข่าวมาถึงซางจิงมันก็เกิดการโต้เถียงใหญ่โตจนต้องรีบเปิดประชุมฉุกเฉินและมีการแบ่งพรรคพวกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมีหวังเฉินเป็นคนนำ และอีกฝ่ายก็มีเลาหมิงเป็นคนนำ บนโต๊ะประชุมยาวขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของทั้งสองฝ่ายที่ฟาดฟันไปกันมา
ทั้งสองฝ่ายต่างโต้เถียงเสียงดังลั่นห้องขณะที่ผู้บัญชาการมู๋ซึ่งนั่งเงียบอยู่ที่หัวโต๊ะซึ่งเป็นเก้าอี้ตำแหน่งของคนที่มีอำนาจสูงสุด เขากำลังมองเอกสารรายงานการต่อสู้ที่วางอยู่ตรงหน้า สีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆให้คนอื่นจับอาการได้
”หึ!ยังจะโทษว่าเรื่องของค่ายจินหยางเป็นฝีมือชูฮันอีกมั้ย? ใครมันจะสนใจว่าเป็นฝีมือใคร!” เลาหมิงสะบัดชายเสื้อแสดงความไม่พอใจ ท่าทางดูแข็งแรงและเต็มไปด้วยอำนาจ ไม่เหมือนกับชายอายุหกสิบปีที่ควรเกษียณได้แล้วเลย
ขณะที่หวังเฉินยังคงโต้เถียงเลาหมิงไม่เลิกแม้จะยอมลดลงโวยวายลงแล้วก็ตาม ครั้งนี้หวังเฉินกัดฟันพูดประชดชันใส่แทน “แล้วถ้าไม่ใช่ชูฮัน ใครคือคนที่ทำลายค่ายจินหยางล่ะ?”
”คุณเองก็ได้เห็นที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วกับตาตัวเองชูฮันอยู่ที่นั่น!” พูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆเลาหมิงก็มีท่าทีแปลกๆหากเขาก็รีบควบคุมตัวเองและพูดต่อ “ชูฮันกำลังวุ่นวายอยู่กับผู้หญิง แล้วเขาจะไปค่ายจินหยางได้ยังไง?”
”บางทีมันอาจเป็นกลลวงที่วางแผนไว้อย่างดี!”หวังเฉินเองก็ไม่แน่ใจ หากเขาก็ยังยืนยันจะต้องความผิดให้กับชูฮันให้ได้ “ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เมื่อเขี้ยวหมาป่าสามารถเอาชนะกลุ่มลูกผสมได้ ทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่าเขี้ยวหมาป่าเก่งกาจและทรงพลังมากขนาดไหน ไหนจะกลยุทธ์ต่างๆที่ชูฮันคิดค้นอีก เพราะงั้นการล่มสลายของค่ายจินหยางจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นฝีมือของชูฮันเหมือนกัน!”
ทุกคนในห้องประชุมต่างถกเถียงประเด็นนี้กันใหญ่และหลายๆคนรวมถึงผู้บัญชการมู๋ก็ให้ความสนใจกับการอ่านรายงานการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
ดังนั้นในตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้แย้งใส่กันไม่หยุดจู่ๆก็มีคนหนึ่งที่กำลังอ่านรายงานร้องอุทานขึ้นมา “กลยุทธ์นี้มัน! ชูฮันคือปีศาจทางการทหารชัดๆ!”
พอมีคนเปิดคนแรกคนอื่นๆรอบๆก็เริ่มให้ความสนใจและหันมาพูดคุยถึงประเด็นนี้ ทำให้คำพูดของหวังเฉินถูกเพิกเฉยไปอย่างสิ้นเชิง
”ดูเหมือนว่าการมอบตำแหน่งพลเอกและปล่อยให้เขาพัฒนาเมืองอันลูด้วยตัวเองเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง!”
”พวกลูกผสมโดนจัดการอย่างหนักคาดว่าพวกมันคงไม่กล้ามายุ่งกับมนุษย์ไปอีกพักใหญ่ได้?” พอได้ยินคำพูดของทุกคนผู้บัญชาการมู๋ก็หันไปแสยะยิ้มใส่หวังเฉิน แต่เหนือความคาดหมายผู้บัญชาการมู๋กลับไม่เห็นความโกรธใดๆบนสีหน้าของหวังเฉินเลย กลับกันหวังเฉินดูเหมือนกำลังมีแผนการชั่วร้ายอยู่ในหัว
ผู้บัญชาการมู๋จึงตกใจและคิดว่าพวกเขาช้าไปก้าวหนึ่งเสียแล้ว
เลาหมิงที่อยู่ข้างๆก็ไม่พบความผิดปกติใดๆเมื่อเห็นมีคนเริ่มพูดถึงชูฮันเขาก็รีบพูดดึงความสนใจจากทุกคน “ไม่! ตั้งแต่แรก หลายคนบอกว่าสายตาของคนแก่อย่างพวกฉันมีปัญหา ฉันคิดว่าปัญหาที่แท้จริงคือสมองพวกคุณทั้งหลายต่างหาก นี้มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าชูฮันคือความหวังของมนุษยชาติในยุคใหม่แห่งโลกาวินาศ!”
แต่แล้วจู่ๆผู้บัญชาการมู๋ที่อยู่ข้างๆก็แอบลอบกระตุกชายเสื้อของเลาหมิงที่ใต้โต๊ะโดยไม่ให้ใครเห็น
”โอ๊ะ?”เลาหมิงสะดุ้งและหันหน้ากลับไปมองผู้บัญชาการมู๋
ผู้บัญชาการมู๋ส่ายหัวก่อนจะพูด”รอก่อน”
เลาหมิงมีท่าทีตกใจหัวใจแทบตกลงไปถึงตาตุ่มก่อนจะใช้สายตาคมกริบมองไปที่หวังเฉิน
แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปหวังเฉินเงียบกริบมาตลอดกลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ “แน่นอนว่าชูฮันเป็นอัจฉริยะทางการทหาร งั้นถ้าเราให้เขานำกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นแนวหน้าในการบุกทำการกวาดล้างลูกผสมให้หมดทั้งจีนไปเลยดีมั้ยล่ะ?”
”ใช่แล้ว”คนที่สนับสนุนหวังเฉินเมื่อเห็นโอกาสก็รีบชิงพูดต่อทันที “ชูฮันคือความหวังของมนุษยชาติ ลูกผสมและซอมบี้คือภัยคุกคามต่อสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกคน ตอนนี้จำนวนของซอมบี้มันมากเกินกว่าจะนับได้แล้ว แต่จำนวนของลูกผสมยังมีโอกาสที่จะสามารถจัดการได้อยู่”
”ที่ผ่านมาเราไม่เคยปรึกษาเรื่องการจัดการกับลูกผสมกันเลย?ถ้างั้นเราจัดการแผนกำจัดลูกผสมโดยให้ชูฮันเป็นคนนำทัพเลย?”
”เขาคือความหวังของพวกเรา!”
”ชูฮันพึ่งได้ชัยชนะครั้งใหญ่มากเวลานี้พวกลูกผสมกำลังบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้แหละคือเวลาที่ดีที่สุดในการลงมือกำจัดลูกผสมให้หมดสิ้นไปทีเดียว”
”ฉันเชื่อในความสามารถของพลเอกชูฮันเขาต้องทำได้แน่”
เสียงพูดดำเนินต่อไปเรื่อยๆขณะที่สีหน้าของผู้บัญชาการมู๋และเละหมิงกลับแข็งกระด้างขึ้นไปทุกขณะ
ทุกคนรู้ดีว่าหลังจากสงครามของเขี้ยวหมาป่าจบลงแม้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าจะเป็นฝ่ายได้ชัยไปแต่แน่นอนว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าเองก็ได้รับความเสียหนักเหมือนกันและแน่นอนว่าต้องการเวลาในการพักฟื้น
การที่ทุกคนมาผลักดันและต้องการให้ชูฮันและกองทัพเขี้ยวหมาป่านำทัพไปกำจัดลูกผสมทั้งหมดก็ไม่ต่างอะไรกับการผลักพวกเขาเข้ากองไฟให้ตายชัดๆ!
”แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าชูฮันจะยอมออกเดินทางไปต่อสู้อีกครั้งเพื่อไปจัดการพวกลูกผสมที่เป็นภัยต่อทั้งจีนมั้ย?”หวังเฉินลุกขึ้นยืนและพูดด้วยใบหน้ายิ้มเยาะที่เต็มไปด้วยความสะใจ “และพวกเราทุกคนก็จะช่วยสนับสนุนทรัพยากรทุกอย่างที่มี เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติ!”
”แก!!!”เลาหมิงชี้หน้าหวังเฉินอย่างเคียดแค้น “คนน่ารังเกียจ!”
”หึ!”หวังเฉินไม่แยแส “มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของมนุษยชาติเลยนะ ที่ท่านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน? ท่านเลาหมิงควรจะสนับสนุนให้กำจัดลูกผสมให้หมดไปให้หมดสิ?”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาทางตลบคำพูดของหวังเฉินได้ดังนั้นเลาหมิงจึงทำได้แต่เพียงอยู่เฉยๆ
ผู้บัญชาการมู๋กระพริบตาอย่างใช้ความคิดกระตุกชายเสื้อคอยห้ามอารมณ์ของเลาหมิงข้างๆไม่ให้ปะทุและเป็นคนพูดขึ้นแทนเอง “ฉันก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะทำการกวาดล้างลูกผสมซะ”
พอเลาหมิงพูดออกมาทุกคนต่างช็อคกันหมด ยิ่งโดยเฉพาะหวังเฉินที่อ้าปากค้างสติหลุดไปพักหนึ่ง
นี้เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่หวังเฉินมีสีหน้าอูมตูมแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนเขาคิดว่าพอเขาเขาพูดดักทางและเป็นการบีบคออีกฝ่ายไปแบบนี้เพื่อจงใจบีบให้ชูฮันและเขี้ยวหมาป่าลำบาก ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงจะต้องไม่พอใจและถกเถียงหาทางปกป้องชูฮันอย่างเต็มที่ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้บัญชาการมู๋จะเลือกเห็นด้วย แถมยังสนับสนุนอีก?
มันจะต้องมีแผนซ้อนอยู่แน่!
แน่นอนว่าขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงผู้บัญชาการมู๋ก็ยิ้มออกมาและพูดต่อ “แต่ถ้าต้องการจะสู้ มันจะต้องเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ เราจะต้องกวาดล้างลูกผสมให้หมดสิ้นภายในทีเดียวและมันก็จำเป็นที่ต้องใช้กำลังพลมหาศาล เราจะต้องปิดตายเมืองซอมบี้ กวาดล้างให้สิ้นซากและจะต้องไม่ให้มีลูกผสมเกิดเหลือรอดในจีนได้อีกแม้แต่ตัวเดียว!”
”ดังนั้น…”น้ำเสียงของผู้บัญชาการมู๋เต็มไปด้วยความจริงจัง เขากวาดสายตาคมกริบมองทุกคนในที่ประชุม “ในฐานะที่ฉันเป็นผู้นำสูงสุดของซางจิง อันดับแรกเลยค่ายหลักทั้งสิบค่ายจะต้องส่งกองทัพมาเข้าร่วม ส่วนค่ายขนาดเล็กจะทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมคอยสนับสนุนด้านต่างๆ พวกเราทุกค่ายจะต้องร่วมมือร่วมแรงกันเพื่อโจมตีเมืองลูกผสม กวาดล้างให้สิ้นซาก!”
”เฮือก!!!”
หลังจากได้ยินคำประกาศของผู้บัญชาการมู๋ทุกคนต่างอ้าปากค้างจนแทบจะตกถึงพื้น โดยเฉพาะหวังเฉินและพรรคพวกที่กลัวจนฉี่แทบราดอยู่ร่อมร่อ เดิมทีพวกเขาแค่ต้องการบีบคอชูฮันและปล่อยให้ชูฮันต้องไปสู้กับลูกผสมในช่วงที่กำลังอ่อนแอและยิ่งถ้าชูฮันตายได้มันก็จะดีมาก แต่เขาไม่คิดว่าเลยผู้บัญชาการมู๋จะเย่อหยิ่งได้มากขนาดนี้ สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นการต่อสู้ของทุกคนร่วมมือกันเพื่อกำจัดลูกผสมไปได้
วันนั้นมันมาถึงเร็วเกินไปหรือเปล่า?
พวกเขายังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย!
เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของทุกคนเลาหมิงก็หันมาสบตากับผู้บัญชาการมู๋อย่างพอใจ ครั้งนี้การตีโต้กลับเป็นไปอย่างสวยงาม พวกคนไร้ยางอายที่ต้องการผลักดันชูฮันเข้าไปในกองไฟกลับกลายเป็นการฆ่าตัวเองทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว คงไม่คิดว่าผู้บัญชาการมู๋จะยอมเล่นตามน้ำและพลิกกลับได้ขนาดนี้
ครั้งนี้ใครจะกล้าผลักดันชูฮันต่ออีก?
อยากสู้ใช่มั้ย?
มาสิ! ร่วมด้วยกันการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุด มันจะต้องพิจารณาอย่างยาวนานและต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง
แล้วจู่ๆคิดจะให้ชูฮันออกไปสู้ทันที!
งั้นก็ทำให้ดูก่อนสิ!