บทที่ 598 นี่แหละความอำมหิต

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บนท้องฟ้าในขณะนี้ มังกรเขียวตัวนั้นก็ได้กลับมาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งเหนือเกาะกลางทะเลสาบ…

มันเป็นเวลาเดียวกับที่นายทหารชาวทะเลส่งเสียงเรียกระดมพลทั่วบริเวณ

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังลงมาจากกลุ่มก้อนเมฆ เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตชนิดหนึ่ง

ความแค้นในจิตใจของชาวทะเลกำลังจะปะทุเดือดราวกับภูเขาไฟ

หลินเป่ยเฉินนำปืนยิงจรวด Type 69 ออกมา

เขาแบกมันเอาไว้บนหัวไหล่

เล็งเป้าหมายไปที่จวนผู้ว่าบนเกาะกลางทะเลสาบ

แต่แล้วเขาก็ลดปืนยิงจรวดลงด้วยความลังเลใจ

เพราะว่าอาจารย์ของเขายังอยู่ที่นั่น

หากอานุภาพของปืนยิงจรวดกระบอกนี้มีความรุนแรงมากกว่าที่คิด การยิงระเบิดเพียงลูกเดียว อาจจะทำให้ติงซานฉือต้องถึงแก่ความตายก็เป็นได้

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย จึงฆ่าเวลาด้วยการทำให้กิ่งไม้งอกงามออกมาจากแขนของเหลียวหวังซูอีกครั้ง

“อ๊าก… อ๊าก…”

เหลียวหวังซูยังคงส่งเสียงร้องโหยหวนต่อไปอย่างน่าเวทนา

“สิ่งที่เจ้าอยากรู้ ข้าก็ตอบไปหมดแล้ว… หยุดเดี๋ยวนี้นะ อ๊ากกกก”

ชายชราพยายามขอร้องด้วยความขมขื่น

หลินเป่ยเฉินนั่งเท้าคางอยู่บนยอดหอคอยและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ความจริงข้าก็ไม่ได้อยากรู้อะไรหรอก แต่ข้าแค่อยากได้ยินเสียงกรีดร้องของเจ้าเท่านั้น… ไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าบอกมาเองว่าตราบใดที่เจ้ายังไม่ตาย ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงก็จะยังปลอดภัยดี เพราะฉะนั้น ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าความอำมหิตมันเป็นเช่นไร”

เมล็ดต้นหญ้าในตอแขนของเหลียวหวังซูเริ่มเจริญเติบโตงอกงามออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

หลินเป่ยเฉินอยากจะทำให้เหลียวหวังซูได้รู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นเช่นไร

เขาอยากจะทำให้เหลียวหวังซูได้นั่งมองร่างกายของตนเองเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเรือนเพาะชำทีละเล็กทีละน้อย

เขาอยากจะทำให้เหลียวหวังซูไม่ลืมเลือนประสบการณ์นี้ไปจนวันตาย

หรือต่อให้ตายแล้ว ศพของเหลียวหวังซูก็ยังกลายเป็นแหล่งเจริญเติบโตของต้นไม้ใบหญ้าได้อีกด้วย

นี่แหละความอำมหิต

ถ้าต้องการ หลินเป่ยเฉินก็สามารถเลือกสีสันของดอกไม้ที่จะงอกงามออกมาจากร่างกายชายชราได้ด้วยซ้ำ

สุดท้าย เหลียวหวังซูก็ส่งเสียงร้องโหยหวนจนเสียงแหบแห้ง แล้วเขาก็เงียบเสียงไปเอง

ร่างกายสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ลำคอแห้งผาก

เหลียวหวังซูได้แต่นอนเหม่อมองท้องฟ้า

เริ่มรู้สึกสำนึกเสียใจ…

แต่หลินเป่ยเฉินกลับไม่ได้ชำเลืองมองมาเลยแม้แต่นิดเดียว

ขอบฟ้าเริ่มมีแสงสว่างแล้ว

เสียงไก่ขันและเสียงสุนัขเห่าหอนดังไปทั่วเมืองหยุนเมิ่ง

วันเวลาหลายเดือนที่ผันผ่านพร้อมกับความหวาดกลัว ทำให้ชาวเมืองทุกคนมีประสาทตึงเครียด และช่วยเพิ่มความสามารถในการอพยพได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ

เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ผู้คนจำนวนหมื่นกว่าคนก็เก็บข้าวของสัมภาระเสร็จเรียบร้อย และกำลังมุ่งหน้าตรงไปที่ภูเขาเสี่ยวซีแล้ว

“ขอแค่อีกก้านธูปเดียว ทุกคนก็จะไปรวมตัวกันที่ภูเขาเสี่ยวซีได้สำเร็จ” หลินเป่ยเฉินนั่งฟังเสียงครวญครางของเหลียวหวังซูพร้อมกับเริ่มคำนวณเวลาอยู่ในใจ

ในทันใดนั้น เสียงของเสี่ยวจี้ก็ดังขึ้นในหูของเขาว่า

“กราบเรียนนายท่าน เสี่ยวจี้ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง เสี่ยวจี้ไม่สามารถถอดรหัสเนื้อหาส่วนที่เหลือของคัมภีร์ 17 คาบสมุทรได้สำเร็จเจ้าค่ะ… ความสามารถนี้ยังเกินขีดจำกัดของเสี่ยวจี้มากเกินไป”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างไม่แปลกใจ “งั้นก็เลิกถอดรหัสได้”

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

เสี่ยวจี้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจ

ก่อนหน้านี้ เขาลองสั่งให้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะลองถอดรหัสเนื้อหาส่วนที่หายไปของคัมภีร์ 17 คาบสมุทร

เพราะคัมภีร์ที่เขามีอยู่ในมือนั้น เป็นเพียงข้อมูลของ 7 กระบวนท่าแรกเท่านั้น

ปรากฏว่าเสี่ยวจี้ยังไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น

นับเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะถ้าเสี่ยวจี้ทำได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็จะรับมือกับศัตรูได้อย่างมีความมั่นใจมากกว่านี้

แต่สำหรับเขา แค่ 7 กระบวนท่าแรกก็เพียงพอแล้ว

ยังไม่จำเป็นต้องถอดรหัสค้นหากระบวนท่าอื่นๆ ในตอนนี้

บางทีด้วยระดับพลังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ต่อให้เสี่ยวจี้สามารถถอดรหัสกระบวนท่าส่วนที่เหลือได้สำเร็จ แต่เขาก็คงอ่อนแอเกินไปที่จะใช้งานพวกมันได้อยู่ดี

หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมากดเข้าไปในแอปจิงตงมอลล์

เขาดูข้อมูลการขนส่งสินค้า และพบว่ารากชงโหลวจากร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจะส่งไปถึงมือเทพีกระบี่หิมะไร้นามในเวลาอีกครึ่งวัน

แต่กว่าที่เทพีกระบี่กับเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะสามารถใช้พลังของรากชงโหลวฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตนเองได้นั้น หลินเป่ยเฉินก็ไม่ทราบเลยว่าพวกนางต้องใช้เวลามากแค่ไหน

แต่อย่างไรก็ตาม หลินเป่ยเฉินได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เทพีกระบี่คงช่วยเหลือเขาไม่ได้

จังหวะนั้น

‘ติ๊ง! พัสดุมาถึงปลายทางแล้ว กรุณาตรวจสอบ’

ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

หลินเป่ยเฉินแตะข้อความเปิดเข้าไปในแอป Taobao

สีหน้าของเขาเกิดความประหลาดใจไม่ใช่น้อย

“มาถึงแล้วหรือ? มาได้ทันเวลาพอดีเลยนี่นา…”

หลินเป่ยเฉินกดรับสินค้าโดยไม่ลังเล

ครั้งนี้สินค้าที่เขาสั่งมาก็คือ ‘ที่เก็บเสียง’ และ ‘ขาตั้ง’ สำหรับปืน 98k

ที่เก็บเสียงจะช่วยทำให้เขายิงศัตรูได้ในความเงียบ

ส่วนขาตั้งปืนจะช่วยลดแรงถีบได้ถึงครึ่งหนึ่ง

หลินเป่ยเฉินกดสั่งซื้อมาตั้งแต่ก่อนต่อสู้กับแม่ทัพฉลามอู๋หยา

ในที่สุด สินค้าก็เดินทางมาถึงแล้ว

เหนือศีรษะของเด็กหนุ่มมวลอากาศแหวกออกจากกัน แล้วสินค้าสองชนิดก็หล่นลงมาสู่มือของเขาด้วยความแม่นยำ

หลินเป่ยเฉินติดตั้งที่เก็บเสียงเข้ากับปลายกระบอกปืนและนำขาตั้งมาประกอบส่วนอย่างรวดเร็ว

เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาก็วางปืน 98k ตั้งไว้โดยหันทิศทางตรงไปยังจวนผู้ว่าบนเกาะกลางทะเลสาบ

บัดนี้ นักรบชาวทะเลได้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก นายทหารระดับสูงขี่ม้าน้ำยักษ์นำอยู่ด้านหน้า และพวกมันก็กำลังจะเคลื่อนขบวนพลข้ามสะพานโครงกระดูกมาแล้ว

ผู้ที่นำมาหน้าสุดเป็นแม่ทัพชาวทะเลระดับสูง

มันสวมใส่ชุดเกราะสีเงิน ร่างกายสูงใหญ่ราวกับหอคอย ม้าน้ำที่ควบขี่มีความสูงเท่ากับคนสองคน ราวกับเป็นอสูรกายที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากใต้ทะเลลึกพร้อมด้วยพลังลมปราณที่รุนแรงยิ่ง

กะบังหมวกเหล็กของแม่ทัพชาวทะเลผู้นี้เปิดออก

เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความปรารถนาที่จะเข่นฆ่าสังหารมนุษย์

มันกระตุ้นให้ม้าน้ำยักษ์คู่กายเพิ่มความเร็ว พร้อมกับส่งเสียงคำรามอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการเคลื่อนย้ายกระบวนพลไปไล่ล่าชาวเมือง

นักรบชาวทะเลใต้บังคับบัญชาของมันมีความตื่นเต้นไม่แพ้แม่ทัพใหญ่ พวกมันชักกระบี่ออกจากฝักและยกกระบี่ชี้ไปยังทิศทางของจวนผู้ว่าหลังเก่า แทบรอไม่ไหวที่จะได้แก้แค้นให้กับมิตรสหายที่เสียชีวิตไปจำนวนมาก…

หลินเป่ยเฉินเล็งเป้าหมายและยิ้มมุมปาก

“ขอต้อนรับสู่การพิพากษา”

เขาพูดกับตัวเองแล้วเหนี่ยวไกยิง

ตัวของเขากระตุกเล็กน้อย

แต่แรงถีบเพียงเท่านี้ยังถือว่าพอรับได้

ห่างออกไปเป็นระยะทางบนโลกมนุษย์ 4 กิโลเมตร อยู่ดีๆ หัวของแม่ทัพใหญ่ชาวทะเลที่ขี่ม้าน้ำนำอยู่หน้าสุดบนสะพานโครงกระดูก ก็ระเบิดกระจายโดยไม่มีสัญญาณเตือน

หัวระเบิดเป็นม่านหมอกเลือด คล้ายกับมีคนยิงพลุดอกไม้ไฟสีแดงก็ไม่ปาน

ตอนแรก ขบวนผู้ติดตามไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง

จนกระทั่งร่างของแม่ทัพใหญ่ร่วงลงมาจากหลังม้าน้ำนั่นเอง ความตื่นเต้นของพวกมันถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นความตื่นตระหนก

นักรบระดับนายกองผู้หนึ่งรีบรุดเข้าไปตรวจสอบซากศพของผู้บังคับบัญชา

มันเพิ่งจะก้มตัวลงไปเท่านั้น ศีรษะก็ระเบิดกระจาย พบจุดจบเดียวกับแม่ทัพใหญ่โดยไม่มีสัญญาณเตือน

หมวกโลหะและกะโหลกศีรษะระเบิดกระจาย

มันสมองสีขาวและโลหิตสีแดงฟุ้งกระจายราวกับละอองน้ำ

มองดูแล้วคล้ายกับเป็นบุปผาบานสะพรั่งสีแดงขาวที่สวยงาม

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

ความตายมาถึงตัวโดยไม่คาดคิด

นี่คือการลงทัณฑ์ด้วยความอำมหิตที่แท้จริง!!

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย