ตอนที่ 2739 Upper Zone

สำนักงานใหญ่หลักสภาสิบแปดปีก ห้องรับรอบชั้นบนสุด :

หลังจากซือเฟิงจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปที่ห้องรับรอง ซึ่งเมื่อเข้ามาในห้องเขาก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และกำลังเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ด้านนอก ในบรรดาเด็กผู้หญิงสองคน คนโตนั้นคือมู่ฉิน ซึ่งซือเฟิงเคยพบเจอมาบ้างแล้ว โดยมู่ฉินนั้นสวมชุดวันพีซสีม่วงฟ้า และเธอก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นเดียวกับแสงแดดในฤดูร้อนที่ให้ความอบอุ่นอย่างไม่อาจบรรยายได้ ออร่าของเธอในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกับออร่าที่เคร่งขรึมของเธอใน God domain เลย

ขณะเดียวกันเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างมู่ฉินนั้นก็สวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวและกางเกงยีนส์ แม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะอายุน้อยกว่า แต่เธอก็ให้ความรู้สึกที่บริสุทธิ์และสงบมากๆ อย่างไรก็ตามเมื่อวัดจากรูปล่างที่เล็กน่ารักของเธอ มันก็ทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น

เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ซือเฟิงเคยพบมาบ้างแล้วใน God domain เธอคือเครุย น้องสาวของมู่ฉิน

“ซือเฟิง ในที่สุดคุณก็ปรากฎตัวออกมาได้สักทีนะ คุณรู้ไหมว่าคุณให้เรารออยู่ที่นี่นานแค่ไหน ?” เครุยกล่าว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิง

“ไม่ต้องไปฟังเธอ เราไม่ได้รอนานมานักหรอก ….” มู่ฉินกล่าวพลางส่ายหัว “ฉันและน้องสาวของฉันได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการพักผ่อนและชื่นชมทิวทัศน์ของเมืองในโลกภายนอกรอคุณมาน่ะ …. และจากสิ่งที่ฉันได้เห็นมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้ ฉันต้องบอกเลยว่านี่มันเป็นความรู้สึกที่สนุกสนานมากทีเดียว”

คำพูดของมู่ฉินทำให้ซือเฟิงสับสนเล็กน้อย “ชื่นชมทิวทัศน์ของเมืองในโลกภายนอกงั้นหรอ ?”

“โอ้ ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ….” เมื่อสังเกตเห็นความสับสนบนใบหน้าของซือเฟิง มู่ฉินก็ยิ้มบางๆ และพูดว่า “ฉันและน้องสาวของฉันอาศัยอยู่ใน Upper Zone มาโดยตลอด และเราสองคนก็แทบจะไม่ได้ออกจากที่นั่นเลย”

“ฉันเข้าใจล่ะ” ซือเฟิงพยักหน้า อย่างไรก็ตามคำพูดของมู่ฉินมันก็ทำให้เขาสับสนเล็กน้อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะถาม “มิสมู่ฉิน มันไม่มีทิวทัศน์แบบนี้ในเมืองของ Upper Zone งั้นหรอ ?”

Upper Zone ทั้งหมดถูกก่อตั้งขึ้นในมหานครชั้นหนึ่ง และตามเหตุผลแล้วทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองควรจะเป็นเรื่องปกติมากๆในมหานครแบบนี้ อันที่จริงทิวทัศน์ของมหานครเหล่านี้น่าจะงดงามมากกว่าทิวทัศน์ที่มองเห็นได้จากสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกซะอีก

“คุณจะเข้าใจเอง เมื่อได้เข้าไปที่ Upper Zone” มู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “Upper Zone นั้นแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ แม้ว่าลุงหงจะมอบช่องสามช่องในการเข้าสู่ Upper Zone ให้แก่คุณ แต่คุณก็ยังต้องไปลงทะเบียกับ Upper Zone ก่อนจึงจะสามารถเข้าได้ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วย Upper Zone มันเป็นเรื่องใหม่กับคุณ และคุณก็ไม่มีความคุ้นเคยกับมันเลย ดังนั้นลุงหงจึงได้ส่งฉันมาคุ้มกันคุณเพื่อที่คุณจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้”

“ใช่แล้ว หากคุณไม่มีผู้ประสบการณ์อย่างเราคอยแนะนำ และเป็นไกด์ให้ คุณจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายแน่นอน เมื่อคุณเข้าสู่ Upper Zone” เครุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และบางทีคุณอาจถูกไล่ออกจาก Upper Zone ได้เลยด้วยความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว”

มู่ฉินมองไปยังเครุย แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้คิดจะหักล้างคำพูดใดๆของน้องสาวเธอ

เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็มองไปที่มู่ฉินก่อนจะกล่าวว่า “ฉันคงต้องรบพวกคุณหน่อยแล้ว”

“ไม่มีปัญหา นี่มันไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลย” มู่ฉินส่ายหัว จากนั้นเธอก็พูดต่อเบาๆว่า “ทางฉันต้องขอบคุณ คุณอย่างมากด้วยซ้ำที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่มาได้”

หลังจากพูดจบมู่ฉินก็หยิบกระเป๋าเอกสารสีดำข้างที่นั่งของเธอออกมา

“มันมีสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดอยู่ในนี้ คุณควรจะจัดเก็บมันให้ดี” มู่ฉินกล่าวหลังเปิดกระเป๋าเอกสาร จากนั้นเธอก็เตือนว่า “อย่างไรก็ตามแม้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S จะจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้มันมากเกินไปนะ เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์”

“มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์งั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลนี้

สารอาหารเหลวระดับ S เป็นสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้มา แะความจริงที่ว่ามันช่วยคงความเยาว์วัยไว้ได้ของผู้ใช้มันไว้ในระดับหนึ่งมันก็จัดเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากแล้ว แต่สารอาหารเหลวระดับ S นี้กับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์เนี่ยนะ ?

“ถูกต้อง มันมันยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ ดังนั้นคุณควรจะใช้มันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้” เครุยกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ในเมื่อคุณกำลังจะเข้าสู่ Upper Zone มันก็เป็นเรื่องที่คุณควรรู้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S นั้นเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันส่งผลอัศจรรย์ประมาณหนึ่งต่อร่างกายมนุษย์ บริษัทกรีนก๊อดจึงได้ตัดสินใจจะขายมันในปริมาณเล็กน้อย อย่างไรก็ตามที่ Upper Zone นั้น เราไม่แนะนำให้คุณดื่มมัน !!!”

มู่ฉินพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเครุย

“จนถึงตอนนี้ เครุยกับฉันได้ดื่มสารอาหารเหลวระดับ S ไปแค่ราวสองถึงสามขวดเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ที่พิเศษ และลุงหงก็ได้เตือนเรากับสั่งห้ามเราดื่มเพิ่มอย่างเด็ดขาดแล้ว ซึ่งลุงหงก็ไม่ใช่คนที่จะคิดร้ายต่อเรา ดังนั้นคุณควรระมัดระวังเรื่องการใช้สารอาหารเหลวระดับ S ให้ดี” มู่ฉินกล่าวอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินคำพูดยืนยันมาแบบนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องสารอาหารเหลวระดับ S มากขึ้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะให้คนของฉันดื่มมันให้น้อยที่สุด”

หากแม้แต่ที่ Upper Zone ก็ยังแนะนำไม่ให้ดื่มสารอาหารเหลวระดับ S มันก็แสดงว่าผลิตภัณฑ์นี้มีปัญหาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามปัญหาพวกนี้คืออะไร มันก็คงมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

โชคดีที่นอกจากตัวเขาเองแล้ว คนอื่นๆในกิลนัั้นก็ไม่ได้บริโภคสารอาหารเหลวระดับ S ในปริมาณมากนัก

“ตอนนี้ในเมื่อทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว ….” เนื่องจากพี่สาวของเธอได้จัดการส่งมอบทุกอย่างให้ซือเฟิงตามข้อตกลงแล้ว เครุยจึงพูดอย่างตื่นเต้นกันว่า “งั้นเราเข้าไปที่ Upper Zone กันเถอะ !!!”

“เราจะไปที่นั่นกันตอนนี้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

Upper Zone ถูกก่อตั้งขึ้นเฉพาะในเขตมหานครชั้นหนึ่งบางเมือง ซึ่งมันต้องใช้เวลาบินไปหลายชั่วโมง แต่ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ….

“แน่นอนสิ เราได้เตรียมเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงไว้พร้อมแล้ว” เครุยกล่าวอย่างสบายๆ “หากเราพลาดโอกาสในวันนี้ การนัดหมายครั้งอื่นมันจะเป็นเรื่องที่
ยากมากๆ”

“เครุยพูดถูก แม้ว่าลุงหงจะได้สถานะที่จำเป็นแก่คุณในการเข้าสู่ Upper Zone แล้ว แต่การเข้าสู่ Upper Zone จริงๆมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากระหว่างเราทั้งหมดมันเรียบร้อยแล้ว เราจึงควรจะรีบดำเนินการในเรื่องนี้ทันที” มู่ฉินกล่าวเชิงเห็นด้วยกับเครุย

“งั้นก็ตกลง แต่ฉันขอไปเตรียมการบางอย่าง และสั่งงานที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปพบคุณในภายหลัง ….” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ต้องการไปเยี่ยมชม Upper Zone เช่นกัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีมากนัก ซึ่งหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ทั้งสองก็อาจจะถึงขั้นโคม่าได้

ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา Upper Zone ก็ยังเป็นสถานที่ที่แม้แต่พวกผู้บริหารระดับสูงของกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลปราถนาที่จะได้อาศัยอยู่ ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้ากิลชั้นรองแบบตัวเขาเองเลย Upper Zone เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง

การที่มู่ฉินเต็มใจจะพาเขาไปที่ Upper Zone ด้วยตัวเองมันก็นับเป็นผลประโยชน์สำหรับเขา

หลังจากซือเฟิงเตรียมพร้อมทุกอย่าง พลางฝากเรื่องการจัดการกิลไว้ให้กับเหลียง เขาก็ตรงไปที่สนามบินพร้อมกับมู่ฉิน และเครุย

ระหว่างการเดินทาง ซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่าบริษัทโบลเดอร์นั้นร่ำรวยและมีอิทธิพลอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงส่วนตัวของบริษัท การเดินทางที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในเครื่องบินทั่วไป กับเสร็จสิ้นได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

ในตอนท้ายของเที่ยวบิน ทั้งสามก็พบว่าตัวเองมาถึงเมืองหยวนเทียน ซึ่งเป็นหนึ่งในมหานครชั้นหนึ่ง สามแห่งภายในประเทศ ที่เป็นที่ตั้งของ Upper Zone

ในขณะที่ทำการเดินทางข้ามเขตเมืองด้วยด้วยรถแม๊คเกรฟชั้นสูง ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่เขาได้เห็นมาตลอดทาง

ในฐานะมหานครชั้นหนึ่ง ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน และเรื่องแค่เรื่องนี้มันก็ทำให้เมืองหยวนเทียนแซงหน้าเมืองอื่นๆไปอย่างมากในแง่ของความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้นี่ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่ซือเฟิงปราถนาจะนำสภาสิบแปดปีกมาพัฒนาโดยตลอด เนื่องจากที่นี่มีทรัพยากรที่สำคัญมากมายที่แทบจะไม่สามารถพบได้ในเมืองทั่วไป

ในความเป็นจริงกิลชั้นยอดทั้ง และซุเปอร์กิลทั้งหมดที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริงล้วนมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองที่มี Upper Zone ทั้งหมด เนื่องจากบางครั้ง Upper Zone จะปล่อยทรัพยากรบางส่วนออกสู่โลกภายนอก ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขาที่เฝ้ารออยู่สามารถแย่งชิงทรัพยากรจาก Upper Zone ไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ทรัพยากรหลุดรอดออกมาสู่โลกภายนอกจริงๆน้อยมาก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็พบว่าถนนที่สภาสิบแปดปีกต้องเดินมันยังอีกยาวไกลมากทีเดียว ในขณะเดียวกันหลังจากการเดินทางเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านิดหน่อย มู่ฉินก็ได้มาจอดรถในพื้นที่กว้างใหญ่ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงเหล็ก จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ประตูบานใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆและพูดว่า “เราอยู่ที่นี่แหละ …” หลังจากพูดจบมู่ฉินก็เดินออกจากรถ และพาซือเฟิงไปที่ประตูบานใหญ่

“Upper Zone ตั้งอยู่เบื้องหลังกำแพงนี้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ ขณะที่เขามองไปยังประตูขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่าห้าสิบเมตรตรงหน้าเขา และกำแพงเหล็กที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ล้อมรอบพื้นที่นี้อยู่

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาแค่เคยได้ยินเรื่องราวของ Upper Zone เท่านั้น แต่เขามีข้อมูลเกี่ยวกับมันไม่มากนัก แต่ตอนนี้เขากับได้มาเห็นมันด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เพราะ Upper Zone ดูเหมือนจะเป็นอาคารขนาดมหึมาที่ทำจากเหล็กทั้งหมด

“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เครุยพูดกับซือเฟิง ในขณะที่เธอชี้ไปที่ทางเดินใต้ประตูบานใหญ่ที่มีคนนับโหลต่อแถวกันอยู่ และเธอก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามคุณควรต้องระวังให้มาก เมื่อเข้าไป ….”

“มันมีอะไรพิเศษงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสับสน

“คุณจะเข้าใจได้ทันที เมื่อคุณได้เข้าไป ….” เครุยกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส และขี้เล่น เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของซือเฟิง “อย่างไรก็ตามคุณควรจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เพราะเมื่อคุณเข้าไปข้างในแล้ว คุณอาจจะไม่ได้มีโอกาสกลับมาสู่โลกของคุณอีกเลย”

หลังจากพูดจบ เครุยก็เดินไปที่ทางเดินใต้ประตูบานใหญ่ ขณะที่มู่ฉินก็เดินตามเธอไปด้วยท่าทีที่ยังคงนิ่งเงียบตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นครู่หนึ่งมู่ฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พลางมองไปที่ซือเฟิง จากนั้นเธอก็พูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าเรื่องที่เครุยพูดมามันจะถูก แต่ที่ Upper Zone มันก็ยังมีโอกาสที่คุณไม่สามารถจะจินตนาการได้มากมาย และหากคุณประสบความสำเร็จภายในนั้นในระดับหนึ่ง แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศ และบริษัทนานาชาติต่างๆก็ยังจะต้องปฎิบัติกับคุณด้วยความเคารพ”

“อย่างไรก็ตามตอนนี้เวลาใกล้จะหมดแล้ว เรารีบเข้าไปกันเถอะ !!!”