ตอนที่ 1657 เก่าสู้ใหม่ไม่ได้

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

วันนี้เหล่าฉาพรางตัวออกเดินทาง ไม่เหมือนกับฟราเทอร์ เพราะมันกังวลว่าโรงน้ำชาจะไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปข้างใน และถ้ามีลูกค้าคนอื่นเห็นสัตว์เลี้ยงดื่มชาร่วมกับคนอย่างโจ่งแจ้ง ก็อาจจะไม่พอใจได้ 

 

 

หลังจากเข้าไปในโรงน้ำชา มันก็พิจารณาสิ่งของกับคนที่แยกจากกันไปเนิ่นนานอย่างละเอียด แล้วอดทอดถอนใจอย่างมากไม่ได้ 

 

 

ยิ่งอายุมากขึ้น มันยิ่งชอบความเงียบสงบ โรงน้ำชาอู้อิ่นเป็นสถานที่แห่งความสงบในอุดมคติ ฤๅษีชั้นสูงยุคโบราณก็มักจะสร้างกระท่อมอาศัยอยู่กลางป่าอย่างสันโดษ แต่เงียบเกินไปก็จิตใจฟุ้งซ่าน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่มันเลือกลงเขากับจางจื่ออัน 

 

 

การตกแต่งภายในโรงน้ำชาแทบจะไม่ต่างไปจากเมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้วเลยสักนิด แม้แต่การจัดวางเก้าอี้ก็เป็นอย่างเดิม เถ้าแก่เนี้ยและเสี่ยวเอ้อก็เช่นกัน เหมือนเวลาในโรงน้ำชาแห่งนี้หยุดนิ่งเอาไว้ 

 

 

เหล่าฉารู้สึกว่า ถึงแม้เวลานี้ในปีหน้ากลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง ที่นี่ก็ยังคงเป็นเหมือนภาพน้ำหมึกที่แน่นิ่ง 

 

 

แน่นอนว่าถ้าใช้สายตาจับผิดมาตัดสิน เถ้าแก่เนี้ยกับเสี่ยวเอ้อร์มีการเปลี่ยนแปลงบนร่างกายเล็กน้อย อย่างเช่น กลิ่นของสกินแคร์เปลี่ยนไปแล้ว ความยาวของเส้นผมก็เปลี่ยนไป ยังมีอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย สายตาก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย 

 

 

ที่โชคดีคือ กาลเวลายังไม่ได้สลักริ้วรอยลงบนใบหน้าของพวกเธอ แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึง ถึงอย่างไรเกิด แก่ เจ็บ ตายก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้เป็นพวกเธอสองคนที่ไม่ต้องกังวลกลุ้มใจเรื่องเงินทอง ในอนาคตก็ต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตจากการแต่งงาน 

 

 

“อร่อยมาก!” 

 

 

เสียงหวานกล่าวชมขึ้นขัดจังหวะความคิดของเหล่าฉา มันเลื่อนสายตาไปมองเงาหลังของเด็กผู้หญิงมัธยมต้นคนนั้น 

 

 

เดิมทีมันคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยและเสี่ยวเอ้อร์อยู่ในช่วงวัยสาวสะพรั่งที่สุด แต่อยู่ต่อหน้าเด็กสาวจริงๆ แล้วกลับหมองลง เธอเหมือนเป็นแสงสว่างเดียวที่จุดประกายโรงน้ำชาให้สว่างไสว แขนขาวผ่องและยาวสวยถือถ้วยชา ผิวพรรณผ่องใสเนียนละเอียดราวกับกึ่งโปร่งแสง คล้ายไม่ต้องการการบำรุงจากสกินแคร์เลยแม้แต่น้อย 

 

 

“เถ้าแก่เนี้ย ชาที่พวกคุณชงอร่อยเกินไปแล้ว!” สาวน้อยกล่าวชม “ถึงเป็นผู้มีฝีมือหรือเซียนยุคโบราณที่ชอบดื่มชา ก็ยังไม่ได้ลิ้มรสชาอร่อยๆ แบบนี้เลย!” 

 

 

เหล่าฉายิ้มเงียบๆ เป็นวัยรุ่นที่ออกมาจากบ้านแล้วไม่กลัวเสือจริงๆ พูดตรงเสียเหลือเกิน 

 

 

“คุณลูกค้าชมเกินไปแล้วค่ะ ปรัชญาเมธีเมื่อสมัยก่อน ฉันจะไปเทียบเท่าได้ยังไงกัน” เถ้าแก่เนี้ยยิ้ม แต่การชมเชยของลูกค้าทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก 

 

 

“ฉันพูดจริงๆ นะคะ! หลายคนพอพูดถึงวัฒนธรรมโบราณก็จะเทินทูนยุคโบราณต่างๆ นานา ยุคโบราณมีอะไรดีขนาดนั้นกัน ไม่ว่าอะไรก็พัฒนาไปหมดแล้ว เทคโนโลยีล้ำหน้าขึ้นเรื่อยๆ ศิลปะก็เหมือนกัน! ถ้าเอาชาจากสมัยราชวงศ์ถังกับราชวงศ์ซ่งมาในยุคปัจจุบัน พวกคุณกินคำเดียวก็คงจะคายทิ้งแล้ว!” แม้เธออายุยังน้อย แต่กลับพูดจาฉะฉาน หูกระต่ายอันใหญ่บนชุดกะลาสีกระเพื่อมเล็กน้อยตามจังหวะการพูดจาของเธอ 

 

 

แน่นอนว่าเถ้าแก่เนี้ยไม่ได้เถียงกับเด็กผู้หญิงแบบนี้ แค่ยิ้มตอบเท่านั้น 

 

 

จางจื่ออันผ่านความยากลำบากมาจนได้ เพิ่งถือเมนูไว้ในมือ พอได้ยินแล้วก็พยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริงๆ ของอร่อยแปลกประหลาดที่คนโบราณชอบคุยโม้ ก็เพราะพวกเขายังไม่เคยชิมเคเอฟซีกับน้ำโคล่าอารมณ์ดีน่ะสิ วิทยาศาสตร์สมัยนี้วิจัยรสชาติอาหารไปถึงระดับโมเลกุลแล้ว ถ้าเอากลิ่นไก่ที่ถูกที่สุดสักถุงย้อนกลับไปในยุคโบราณ แล้วโรยลงไปในหม้อตุ๋นสักหม้อก็กลายเป็นอาหารเลิศรสหาใดเปรียบแล้ว จะต้องถูกสรรเสริญเป็นไก่เทพไปแล้วแปดส่วน…” 

 

 

“ฮ่าๆ! ไก่เทพก็ไม่เลวเลยค่ะ” เด็กสาววัยมัธยมต้นยกถ้วยชาขึ้นมา มีน้ำกระฉอกออกมาเล็กน้อย 

 

 

“คุณจะสั่งชา หรือว่าจะพูดไร้สาระ” เสี่ยวเอ้อร์พูดด้วยความโมโห 

 

 

“อย่าเร่งสิ เดี๋ยวจะสั่งแล้ว” 

 

 

วันนี้จางจื่ออันที่เป็นผู้บริโภคอึดอัดทีเดียว ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้ทำผิดต่อเธอไว้ล่ะ เลยถูกเธออาฆาตแค้นจนถึงตอนนี้… 

 

 

บนเมนูมีรายการเพิ่มขึ้นมาเมื่อเทียบกับเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อนจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่าราคาก็แพงขึ้นด้วย ความจำของเขาไม่ได้ดีมากจนถึงขั้นจำราคาเมนูของเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ ความจริงแล้วเพราะเข้ามาในร้านตอนอยู่ในฝันครั้งหนึ่ง จึงยังไม่ลืม 

 

 

เขากางเมนูบนโต๊ะ ก่อนจะบอกให้เหล่าฉาสั่งชาที่ชอบ ส่วนเขาสั่งชุดน้ำชาและของว่างที่ราคาถูกที่สุดชุดหนึ่ง 

 

 

เหล่าฉาดูคร่าวๆ เล็กน้อย แล้วใช้หลายนิ้วชี้ชาเถียกวนยินคุณภาพดีที่สุด ทุกวันนี้มันนับเป็นชาระดับกลางของโรงน้ำชาเท่านั้น ชาระดับสูงในกรอบพวกนั้นมีเลข ‘แปด’ เยอะจนเวียนหัว อ่านแล้วแทบทรุด กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันจบสิ้น… 

 

 

“แล้วก็เอาชาเถี่ยกวนยินระดับคุณภาพดีที่สุดกาหนึ่ง” เขาเห็นเสี่ยวเอ้อร์บุ้ยปากจะไปแล้ว จึงพูดเสริมอีก 

 

 

“คุณไม่ได้มาคนเดียวเหรอ ในชุดน้ำชากับของว่างก็มีชาอยู่แล้ว คุณจะสั่งชาอีกกาหนึ่งทำไม” เสี่ยวเอ้อร์เห็นสายตาของเขาเหมือนกำลังมองคนโง่ 

 

 

“ยิ่งผมสั่งเยอะ ก็ยิ่งดีกับกิจการของพวกคุณไม่ใช่เหรอ” จางจื่ออันตอบด้วยสีหน้าจริงจัง 

 

 

ริมฝีปากของเสี่ยวเอ้อร์กระตุกขึ้น แต่อยู่ๆ ก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของเขา 

 

 

จางจื่ออันคิดว่าเธอจะจุ๊บตัวเอง ในใจพูดว่า ‘ดูท่าทางกิจการที่ร้านจะไม่ค่อยดีแล้ว สั่งชาสองกาก็ได้จูบหอมครั้งหนึ่งแล้วเหรอ เห็นผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง’ 

 

 

เขาเงยหน้ากำลังจะปฏิเสธด้วยคำพูดเด็ดขาด กลับได้ยินเธอพูดเสียงเบาว่า “ตรงตีนเขามีสถานีตำรวจเปิดใหม่ ถ้าคุณกล้ากินฟรีอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!” 

 

 

“ได้เลย! เถี่ยกวนยินคุณภาพสูงสุดกาหนึ่ง ชุดน้ำชามะลิชุดหนึ่ง เดี๋ยวมาเสิร์ฟนะคะ” เถ้าแก่เนี้ยขานรับ 

 

 

เสี่ยวเอ้อร์หยิบชุดชามชุดหนึ่งมาจากชั้นวาง ข้างในมีสามส่วน แบ่งเป็นชามใบเล็ก สบู่แบบใช้แล้วทิ้ง และผ้าขนหนูแบบใช้แล้วทิ้ง ในชามใบเล็กมีน้ำสะอาด ดูท่าทางให้จางจื่ออันใช้ล้างมือก่อนดื่มชา นี่เป็นบริการที่ไม่มีตอนมาครั้งแรก 

 

 

จางจื่ออันถอนหายใจ มิน่าล่ะ เมนูถึงมีราคาสูงขึ้น ที่แท้บริการก็ยกระดับขึ้นด้วย แม้แต่ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสก็ยังไม่มีบริการแบบนี้เลยมั้ง? แม้เขาจะไม่เคยนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส แต่คาดว่าพวกขุนนางยุคโบราณก็เป็นแบบนี้ 

 

 

พูดได้ว่า มีเงินนี่ดีจริงๆ สิ่งที่คนมีเงินดื่มด่ำได้ก็ดีจริง! 

 

 

เขาล้างมือเสร็จแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชามเล็กกลับไปข้างหลัง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโครมครั้งหนึ่ง ชามน้ำสะอาดที่ใช้แรงคนยกมาถึงยอดเขาหล่นลงพื้นแล้ว เขาได้ยินแล้วก็ปวดใจทีเดียว 

 

 

ฝีมือการชงชาของเถ้าแก่เนี้ยน่าชื่นชมอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เคร่งครัดเรื่องวิทยาศาสตร์มาก ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำร้อนในกาน้ำที่ทำจากเงินอย่างแม่นยำ เทน้ำใส่ใบชาในอุณหภูมิที่ดีที่สุด แค่เรื่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่คนโบราณทำไม่ได้แล้ว เพราะยุคโบราณไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ อุณหภูมิที่ใช้ในการต้มน้ำก็ต้องอาศัยประสบการณ์และการประเมิน และถึงคนโบราณใช้กาน้ำที่ทำจากเงินต้มน้ำเหมือนกัน คุณภาพของกาน้ำที่ทำจากเงินก็ไม่ใช่ของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนยุคปัจจุบัน มีสิ่งเจือปนค่อนข้างมาก จิบชาแล้วได้ลิ้มรสความสูงส่งแน่นอน แต่สิ่งเจือปนอะไรก็ส่งผลกระทบต่อรสชาติของชาได้ทั้งนั้น ดังนั้นคำพูดของเด็กสาววัยมัธยมต้นคนนั้นจึงมีเหตุผล 

 

 

เถ้าแก่เนี้ยชงชามะลิเสร็จก่อนแล้ว เสี่ยวเอ้อร์จึงยกเค้กชามะลิมาจากหลังครัว ก่อนจะวางลงในถาดเดียวกันแล้วยกมาให้จางจื่ออัน 

 

 

“เชิญทานให้อร่อยค่ะ” เสี่ยวเอ้อร์พูดเหมือนอย่างเคย 

 

 

เถ้าแก่เนี้ยชงชาเถี่ยกวนยินต่อแล้ว 

 

 

เค้กไร้ที่ติมาก แต่ว่า…ปริมาณน้อยเกินไปจริงๆ จางจื่ออันรู้สึกว่าตัวเองซดเข้าไปได้ในคำเดียวด้วยซ้ำ 

 

 

ตอนนี้เอง อยู่ๆ เด็กสาวมัธยมต้นคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “ตายแล้ว! ลืมเอาเงินมาด้วย ติดเงินไว้ได้ไหมคะ”