ตอนที่ 792 บั้นท้ายปะทะฟู่ซี่ ProjectZyphon
ตูม!
หลินสวินกำลังต่อสู้ ทั้งแข็งแกร่งและดุดัน เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ทั่วร่างเปล่งประกาย ชั่วขณะนี้เขาเหมือนกับเทพมารขนานแท้ ระหว่างที่เคลื่อนไหวดูน่าหวาดกลัวเหลือล้น
นี่คืออานุภาพอันผงาดผยองอย่างหนึ่ง ใจต่อสู้ลุกโหม มีเพียงตัวข้าที่ยิ่งยง หมายกำราบศัตรูทั้งปวง
ดวงหน้าไร้ที่เปรียบของเด็กสาวชุดดำถูกหน้ากากสีเงินปกปิดเอาไว้ ทว่าแววประหลาดใจกลับไม่สามารถซุกซ่อนไว้ได้
แดนฐิติประจิมกว้างใหญ่นัก ครอบคลุมเขตแคว้นหลายพัน ไพศาลหาใดเปรียบ มีสำนักโบราณจำนวนมากตั้งตระหง่าน และมีผู้กล้าโดดเด่นที่มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่มากมาย
นับตั้งแต่เด็กสาวชุดดำฝึกปราณเป็นต้นมา ได้พบเจอผู้กล้าโดดเด่นมาแล้วทุกรูปแบบ และเคยประชันกับผู้มีพรสวรรค์เหนือใครอย่างแท้จริงมาบ้างแล้ว
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในระดับหยั่งสัจจะ หนำซ้ำยังอายุน้อยขนาดนี้ ดูแล้วอายุของเขาถึงขั้นน้อยกว่าตนอยู่หลายปีทีเดียว
สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวชุดดำพิศวงยิ่งนัก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะจับพลัดจับผลูมาเจอ ‘เจินหลง’ ตัวหนึ่งซึ่งจำศีลอยู่ในแคว้นวิญญาณอัคนีเข้าเสียได้
“แม่นาง หากเจ้ามีความสามารถแค่นี้ วันนี้คงต้องร่ำไห้วอนขอความเมตตาแล้ว”
ฝั่งตรงข้าม หลินสวินส่งเสียงหัวเราะออกมา เห็นชัดว่าผยองอวดดียิ่งนัก
เด็กสาวชุดดำลอบกัดฟันกรอด นัยน์ตาสุกใสยิงแสงประหนึ่งเจตกระบี่ออกมา นางโบกมือเรียกสัญลักษณ์พิสุทธ์อันหนาแน่นปานกระแสน้ำกระบวนหนึ่งออกมา ทลายห้วงอากาศ เฉือนพิฆาตสุริยันจันทราดุจดั่งเจตกระบี่ลึกลับอันคลุมเครือกลุ่มหนึ่ง
“คิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่สามารถกำราบเจ้าได้”
เรือนร่างอรชรทรงเสน่ห์ของนางยิ่งดูพิสุทธ์มากขึ้นเรื่อยๆ เรือนผมดำรายล้อมด้วยแสงแวววาวเป็นประกาย อานุภาพไพศาล เป็นเอกเทศหาที่เปรียบมิได้
โครม!
เมื่อทั้งสองปะทะกันพลันปะทุแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาเป็นแถบๆ พลังหมัดและเจตกระบี่ลอยกระเซ็นดุจดั่งเปลวเพลิง โปรยปรายลงบนท้องฟ้า ทำให้พื้นที่แห่งนี้เจิดจ้าทุกอณู
พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ประเดี๋ยวเหมือนมังกรเทพประจันกับหงส์เพลิง ประเดี๋ยวเหมือนเทพมารและเซียนฟาดฟันกัน ต่างสำแดงวิชาน่ากลัวอันเหนือกว่าระดับเดียวกันออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เด็กสาวชุดดำชายกระโปรงพลิ้วไสว ผิวพรรณสุกปลั่งเปล่งประกาย ลอยล่องดุจเซียน ต่อสู้อย่างดุเดือดกับหลินสวิน ไม่ว่าหลินสวินจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน ตั้งแต่ต้นจนจบนางก็ไม่เคยพลาดท่าเสียทีเลย
ทว่าในใจนางกลับมีเพลิงโทสะเสี้ยวหนึ่ง ครั้งแรกในชีวิตที่นางถูกต่อต้านจนถึงขั้นนี้ ไม่อาจมีข้อได้เปรียบ เห็นได้ชัดว่ายากลำบากมาก
บริเวณใกล้ๆ นาง ห้วงอากาศพังครืนอลหม่านไม่หยุด ลุกลามแผ่ขยาย นั่นคือพลานุภาพที่แข็งแกร่งขึ้นไม่หยุดรอบตัวนาง ขวางสกัดและสลายการโจมตีแข็งแกร่งที่มาจากหลินสวินไม่หยุดหย่อน
ตูม!
ทันใดนั้นเด็กสาวชุดดำเงาร่างไหววูบ มือเรียวขาวผ่องเปลี่ยนเป็นกระบี่ ฟันเป็นร่องรอยแห่งกระบี่อันเร้นลับคลุมเครือสายหนึ่งออกมา เข้าปะทะกับพลังหมัดของหลินสวิน ลำแสงบาดตาน่ากลัวพุ่งปราด ทำให้ห้วงอากาศแถบนั้นเปี่ยมด้วยกลิ่นอายพิสุทธ์และดุดัน
ตึกๆๆ!
ร่างของหลินสวินถูกซัดถอยหลัง เขาค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นนัยน์ตาดำราวมีสายอสนี พุ่งยิงแสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ ซัดโจมตีออกไปอีกครั้ง เหี้ยมหาญทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ทุกๆ ครั้งที่ย่ำเท้า ชือน้ำแข็งสีขาวหิมะผงาดคำราม กู่ก้องทั่วสารทิศ สั่นสะเทือนภูผาวารี แข็งแกร่งถึงขีดสุด
นัยน์ตาของเด็กสาวชุดดำหดรัดทันใด ตระหนักถึงแรงกดดันอันน่ากลัว
นางไม่กล้าอืดอาด มือเรียวโบกสะบัด เจตกระบี่พิสุทธ์เจิดจ้าเป็นประกายสายหนึ่งปรากฏขึ้น สำแดงไอสังหารดุกร้าวไร้เทียมทานหาที่ทัดเทียมมิได้
พริบตานี้ห้วงอากาศหวีดคำราม ระหว่างฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดกลัว ผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้จากบนพื้นต่างตัวสั่นงันงก ขนลุกขนตั้งประดุจตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
เจตกระบี่พิสุทธ์สายนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว เพียงแค่สามชุ่น กลับบางเฉียบคมกริบไร้เทียมทาน คล้ายสามารถทะลวงผ่านกาลเวลา สังหารสรรพวิญญาณจนสิ้นซาก
‘ถึงขนาดบีบให้คุณหนูใช้ ‘ประทับกระบี่ไตรภพ’ เชียว!’ หญิงชราชุดเขียวไหวหวั่นโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาเปี่ยมด้วยแสงน่าสะพรึงกลัว
ประทับกระบี่ไตรภพ คือมรดกตกทอดไร้เทียมทานอย่างหนึ่งนับตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน สามารถตัดสิ้นกรรมแห่งชาติปางก่อน ชาตินี้ และชาติหน้าได้ ความหมายลึกซึ้งทั้งหมดขมวดรวมอยู่ในประทับเดียว เมื่อสำแดงออกมา มีพลังแห่งการผันผวนป่วนปั่นจักรวาล!
นี่เป็นถึงวิชาลับที่ถ่ายทอดจากอริยบุคคลบรรพกาลอย่างแท้จริง!
หลินสวินขนลุกขนพอง วิกฤตรุนแรงไหลเอ่อขึ้นในหัวใจ นัยน์ตาของเขาหรี่ลง ตระหนักถึงความน่ากลัวในการโจมตีครั้งนี้
เพียงแต่ยามนี้เขากลับไม่ถอยหนีแต่ยังพุ่งเข้าใส่ ส่งเสียงคำรามยาวคราหนึ่ง จิตวิญญาณและพลังทั้งหมดในร่างกายโคจรถึงสภาวะสูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งตัวปลดปล่อยกลิ่นอายเต็มสมบูรณ์ถึงขีดสุดออกมา
ตูม!
เขาซัดหมัดหนึ่งออกไป
ท่ามกลางความเลือนราง พลังหมัดดูคล้ายแหวกว่ายข้ามกาลเวลา มีกลิ่นอายทำลายล้างยิ่งใหญ่ดุจดั่งมหากาพย์อย่างหนึ่ง คล้ายสามารถสะเทือนอุปสรรคขวางกั้นแห่งเวิ้งนภา ทลายบานประตูแห่งแดนมายา
น่าตะลึงเกินไปแล้ว!
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างมีความรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก เหมือนกับมองเห็นเทพมารผู้หนึ่งกำลังซัดหมัดใส่เวิ้งฟ้า หมายทำลายบ่วงพันธนาการทั้งปวง
หยั่งถึงแล้ว!
และชั่วขณะที่ซัดหมัดนี้ออกมา หัวใจของหลินสวินกลับสงบนิ่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ปริศนาเร้นลับนานาประการของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ปรากฏขึ้นภายในใจ ท้ายที่สุดปริศนาเร้นลับเหล่านี้ผนึกรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นหนึ่งหมัดในมือ
นี่… ก็คือหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!
ในความมึนงง ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนไหนก็ตามที่จับจ้องศึกครั้งนี้ราวกับมองเห็นว่าบนท้องฟ้า จู่ๆ มีเงาร่างกำยำหาใดเปรียบสายหนึ่งปรากฏขึ้น เท้าเหยียบบนยอดพยับเมฆ ร่างกายประดุจตีหลอมด้วยเหล็กทองแดง มีกลิ่นอายแกร่งกล้าน่ากลัวพลุ่งพล่านออกมา
เหมือนดังเทพไท้ในตำนานที่หยัดกายขึ้นมาและส่งหนึ่งหมัดทะยานฟ้า
ตูม!
เสียงกระแทกลั่นฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น ประทับกระบี่ไตรภพปะทะกับหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์ ห้วงอากาศคล้ายจะถูกซัดเป็นเสี่ยงๆ แหวกเป็นรอยแยกอันน่าตกใจนับไม่ถ้วน แผ่ขยายทั่วทิศประหนึ่งใยแมงมุม
ที่นั่นดูเหมือนจะทรุดครืน เขย่าโคลงหวีดคำราม จวนเจียนร่วงหล่นลงมา
เพียงแค่คลื่นเสียงก็ทำให้ในหัวของผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้มีเสียงหึ่งๆ เบื้องหน้าแรกฏหมู่ดาราสีทอง แทบกระอักกระอักเลือดอย่างไม่อาจทานทน
พวกที่ความสามารถอ่อนด้อยบางคนทรุดนั่งยองลงบนพื้น เหงื่อเย็นท่วมกาย
นี่ยังมีม่านแสงที่ก่อร่างจากหยกสมประสงค์ซึ่งหญิงชราชุดเขียวเป็นผู้เรียกออกมากำบังไว้อยู่ด้วย มิเช่นนั้นคลื่นควันหลงของการต่อสู้ที่แผ่ซ่านออกมาคงก่อเกิดหายนะที่ไม่อาจจินตนาการได้เป็นแน่แท้
การปะทะกันครั้งนี้น่าสยดสยองตะลึงโลกเกินไป เวิ้งฟ้าถูกซัดแหลก ทรุดครืนราวกับคันฉ่องบานหนึ่ง น่าสยดยองยิ่ง
บนท้องฟ้า เงาร่างเด็กสาวชุดดำทรุดถอยออกไปหลายก้าว เรือนผมยาวดำกระเซิงเล็กน้อย เนื่องจากดวงหน้าของนางถูกหน้ากากบดบัง ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของนางได้ชัดเจน แต่จากแสงที่พุ่งปราดออกมาจากนัยน์ตาสุกใสคู่นั้นของนางก็ทำให้เห็นว่านางตกตะลึงยิ่งนัก
และขณะเดียวกัน ถึงแม้หลินสวินไม่ได้ถอยหลังไป แต่เงาร่างกลับซวนเซหลายหน บนใบหน้าหล่อเหลาเกิดสีแดงซ่านขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ทว่าเพียงชั่วแล่นก็อันตรธานไป
แม้ในใจเขาจะรู้สึกตกใจกับความน่ากลัวของเด็กสาวชุดดำ แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือความอภิรมย์
เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ วิชาลับที่ตกทอดมาจากผนึกโบราณสะเทือนสวรรค์นี้ ในที่สุดเขาก็หยั่งถึงและจัดเจนเต็มสมบูรณ์จนได้!
พลังแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
วิชาลับนี้มีทั้งสิ้นเก้ากระบวนท่า แต่ละกระบวนท่ามีความเร้นลับในตัวเอง ครั้นบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ จะสามารถซ้อนทบวิชาลับทั้งเก้ากระบวนท่าเข้าด้วยกันเป็นหมัดเดียวทั้งหมด สำแดงความเร้นลับออกมา เผยพลังน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้
แม้เป็นเพียงหมัดเดียว ทว่าเมื่อสันทัดเต็มสมบูรณ์ กลับสามารถสำแดงพลังน่าเกรงขามทั้งหมดของมันออกมาได้ โดยไม่ต้องถูกจำกัดด้วยกระบวนท่า
หลินสวินเชื่อมั่นมาก แม้เมื่อครู่จะเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ เกรงว่าก็ไม่อาจสกัดการโจมตีของหมัดนี้ได้
ทว่าเด็กสาวชุดดำคนนั้นกลับสกัดไว้ได้ สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา จะต้องเป็นพวกไร้เทียมทานที่มาน่าทึ่งเป็นแน่
“ขอบคุณมาก หากไม่ได้เจ้า ข้าคงไม่สามารถทะลวงขั้นในวิถียุทธ์ได้ภายในเวลาสั้นๆ เช่นนี้” หลินสวินคลี่ยิ้มอย่างสดใสยิ่งนัก
แต่เด็กสาวชุดดำคนนั้นกลับอึ้งงัน นัยน์ตาสุกใสเผยแสงแวววาวน่าสยดสยองเสี้ยวหนึ่ง กัดฟันกรอดกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเห็นข้าเป็นคู่ซ้อมมือมาตลอดรึ”
หลินสวินอึ้งไป “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ไม่ได้มีเพื่อฝึกฝนตัวเองหรอกหรือ”
เด็กสาวชุดดำดูภายนอกไม่มีการตอบสนองอะไร เห็นชัดว่าสงบเยือกเย็นยิ่งนัก แต่ภายในใจโกรธจนแทบกระอักเลือด การประลองที่จริงจังและขึงขังเช่นนี้ พอออกมาจากปากเขากลับกลายเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเสียได้ นี่มันน่ารังเกียจมากเกินไปแล้ว
“อ้อ เช่นนั้นอยากเล่นกันต่อหรือไม่”
เด็กสาวชุดดำโกรธยิ่งนัก นางยังมีวิชาก้นกรุที่ยังไม่ได้ใช้ ก่อนหน้านี้ยังมีความพะว้าพะวงอยู่ แต่ตอนนี้นางไม่อยากสนใจอะไรมาก แค่คิดอยากชกเจ้าคนที่น่ารังเกียจคนนี้สักครา
“ช่างเถิด วันนี้ก่อเรื่องเอะอะกันยกใหญ่เกินไปแล้ว ข้าก็ไม่อยากถูกคนเห็นเป็นสัตว์ประหลาด ถ้าเจ้าอยากเล่น หลังจากนี้ยังมีโอกาสอยู่”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ เขากับเด็กสาวชุดดำไม่ได้ผูกพยาบาทกัน ยิ่งกว่านั้นเมื่อผ่านการประลองครั้งนี้ ทำให้เขาตระหนักได้ว่ารากฐานพลังของเด็กสาวชุดดำคงไม่ได้ด้อยไปกว่าตนแต่อย่างใด สิ่งนี้ทำให้หลินสวินถึงขั้นรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนแบบเดียวกันทีเดียว
ทว่าเด็กสาวชุดดำกลับไม่ตอบตกลง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าบอกแล้ว วันนี้ต่อให้เจ้านึกยอมแพ้ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากข้าก่อน!”
“เจ้าสวมหน้ากากเอาไว้ คงต้องกังวลว่าตัวตนจะถูกเปิดเผยเป็นแน่กระมัง วันนี้ทุกสายตาในนครเตโชแห่งนี้ต่างจับจ้องอยู่ที่นี่กันหมด หากสู้กันต่อไป เจ้าจะต้องเผยพิรุธมากกว่านี้ จะต้องถูกคนที่สนใจคาดเดาตัวตนได้ เจ้าคิดว่าคุ้มหรือ”
หลินสวินกล่าวพลางยิ้มบางๆ
สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวชุดดำอึ้งไป เก็บเพลิงโทสะภายในใจ กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งและลุ่มลึก ถ้อยคำเหล่านี้ของหลินสวินพูดแทงใจดำของนางเข้าให้แล้ว
นางมั่นใจมากด้วยว่าเมื่อตัวตนของตนถูกเปิดเผย ตาเฒ่าในสำนักเหล่านั้นคงปราดเข้ามาในพริบตา แล้ว ‘เชิญ’ ตนกลับไปเป็นแน่
“เจ้าดู ตอนนี้ต่อสู้กันอีกคงไม่เหมาะสมแล้ว ทางที่ดียุติมันอย่างนี้ดีที่สุด ขอตัว”
หลินสวินแย้มยิ้ม ก่อนหมุนกายจะจากไป
สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวชุดดำชิงชังอยู่ในใจ เจ้าหมอนี่ทำท่าเหมือนควบคุมตนได้ น่ารังเกียจเกินไปแล้วชัดๆ
“คิดหนี? หยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เด็กสาวชุดดำยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ยินยอม จ้องเงาหลังของหลินสวินสักพัก ท้ายที่สุดก็กัดฟันกรอด เงาร่างไหววูบ มือเรียวคว้าไปทางไหล่ของหลินสวินราวกับสายอสนีแล่นสายหนึ่ง
หืม?
หลินสวินอึ้งงัน คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวชุดดำคนนี้ถึงขนาดยังเซ้าซี้คิดอยากสู้กันต่อไป
ยามเขาจะหันกลับไปตอบโต้ ก็เสียโอกาสเหมาะไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าหลินสวินก็ไม่ใช่พวกกินพืช ภายใต้ช่วงเวลาเช่นนี้สัญชาตญาณต่อสู้ขับเคลื่อนออกมา ทำให้แผ่นหลังของเขาโก่งนูนขึ้นราวกับมังกรตัวใหญ่ แสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน สำแดงกระบวนท่า ‘ปะทะฟู่ซี่’ ออกมา
เด็กสาวชุดดำสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจ บิดตัวตัวลงทันใด หมายจะเปลี่ยนกระบวนท่าไล่จับกุมหลินสวินต่อ
เพียงแต่แม้นางจะตอบสนองไว กลับคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าปะทะฟู่ซี่จะรวดเร็วผิดคาดเช่นนี้ ถึงขนาดเป็นวิชาลับอย่างหนึ่งที่อาศัยแผ่นหลังในการจู่โจม ขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่นางหมุนกาย ก็รู้สึกเพียงว่าบั้นท้ายอวบอิ่มดั่งจันทร์เพ็ญของตนถูกกระแทกด้วยกำลังมหาศาลเข้าอย่างจัง…
ชั่วขณะนั้นเด็กสาวชุดดำเสมือนถูกอสนีผ่าฟาด ในสมองขาวโพลน ใบหน้าไร้ที่เปรียบซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากสีเงินแข็งทื่อ การโจมตีครั้งนี้ ดันทำให้เจ้าสารเลวคนนั้นกระแทกบั้นท้ายของตนเชียว…
ความโกรธระคนอับอายรุนแรงที่ไม่อาจพรรณนาได้พุ่งทะลักภายในใจ ทำให้สภาพจิตใจเด็กสาวชุดดำเกิดความสับสนอลหม่านไปหมด โกรธจนแทบกัดฟันแตก จวนเจียนคลุ้มคลั่ง
………………………..