ตอนที่ 531 คุณปู่คุณย่าที่น่ารัก + ตอนที่ 532 ไม่ใช่โรคร้ายแรงอย่างที่คิด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 531 คุณปู่คุณย่าที่น่ารัก + ตอนที่ 532 ไม่ใช่โรคร้ายแรงอย่างที่คิด โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 531 คุณปู่คุณย่าที่น่ารัก

เป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากมาก ที่จะเห็นว่าคุณปู่จ้าวและคุณย่าคุยโทรศัพท์กับหลานสาวได้เนิ่นนานแบบนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าอิงหัวบอกถึงสาเหตุและความเป็นมาอย่างชัดเจน จนคุณปู่ด่าออกมาด้วยความเดือดดาล “ไสหัวไปให้หมดไอ้พวกของเล่นชั้นต่ำ ขโมยหลานสาวข้าไป ยังจะรังแกและทำร้ายเธออีก เสี่ยวซาน ไอ้พวกคนตระกูลอู่อย่าคิดว่าคนอย่างพ่อจะเห็นใจ บอกให้พวกมันรอการต้อนรับที่ดีจากพ่อก็แล้วกัน!”

มุมปากของอู่เหมยกระตุกยิ้ม เธอพยายามฝืนแรงอย่างมากเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะ เสี่ยวซาน?

ชื่อของพ่อเธอทำไมน่ารักได้ถึงเพียงนี้!

จ้าวอิงหัวพูดอย่างอ่อนน้อม “ครับพ่อ วางใจได้เลย ผมไม่มีทางปล่อยพวกมันไว้เด็ดขาด!”

คุณปู่อู่ค่อยวางใจได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “รีบจัดการเรื่องทางนั้นให้เสร็จโดยเร็ว แล้วพาหลานสาวของข้ากลับมา พ่อกับแม่รอจนร้อนใจแทบแย่แล้ว!”

คุณปู่ยังคอยย้ำกับจ้าวอิงหัวอีกว่า “ทะเบียนบ้านของหลานสาวย้ายมาให้พ่อที่นี่ พรุ่งนี้พ่อจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้เอง แกไม่ต้องยุ่งหรอก”

เจ้าอิงหัวพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง “พ่อครับ เหมยเหมยเรียนหนังสือที่เมืองจิน ทะเบียนบ้านจะต้องขึ้นกับที่เมืองจิน ย้ายไปที่บ้านของพ่อจะได้อะไรล่ะครับ!”

“แกไม่ต้องยุ่งน่า หลานสาวพ่อก็ต้องย้ายมาไว้ที่นี่ เรื่องนี้ถือว่าเอาตามนี้แหละ!”

คุณปู่อู่พูดไม่กี่คำก็ตัดปัญหาเรื่องทะเบียนบ้านของอู่เหมยไป จ้าวอิงหัวแย้งเขาไม่ได้ จึงทำได้แค่ทำตามที่เขาพูด ส่วนอู่เหมยไม่ได้ติดอะไร อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน อีกอย่างค่าเงินตามทะเบียนในเมืองหลวงก็แพงมากด้วย ไม่กี่ปีข้างหน้า คงจะหาซื้อทะเบียนบ้านในเมืองหลวงได้ยาก!

คนแก่ทั้งสองยังคงถามสารทุกข์สุขดิบกับอู่เหมยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่นานสองนาน กว่าจะยอมวางสายได้ เธออยากจะเจอกับผู้อาวุโสทั้งสองท่านมาก สงสัยวันนี้คงจะนอนไม่หลับแน่ๆ

“พี่อิงหัว พี่คิดจะจัดการกับตระกูลอู่ยังไงเหรอ?” จ้าวอิงหนานถาม

อู่เหมยนั่งขดตัวดูหนังอยู่บนโซฟากับสยงมู่มู่ เธอในตอนนี้ใจเต้นระรัว ทำหูผึ่งเพื่อตั้งใจฟังประโยคที่จ้าวอิงหัวจะพูด

“ฉันไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่ เรื่องนี้ฉันมีวิธีจัดการอยู่แล้ว พาเหมยเหมยกลับไปถึงเมืองหลวงก่อนค่อยว่ากัน” จ้าวอิงหัวมีท่าทีเคร่งขรึม

เหยียนซินหย่าพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “อู่เจิ้งซือ เหอปี้อวิ๋น สองคนนี้ฉันแทบอยากจะฉีกเนื้อพวกมันออกมากินให้ได้”

จ้าวอิงหัวตบไหล่ของภรรยาเบาๆ และพูดปลอบใจ “วางใจเถอะ ผมไม่มีทางปล่อยให้พวกมันได้อยู่เป็นสุข เหมยเหมยต้องเจ็บปวดทุกข์ทนอยู่ในบ้านหลังนั้น ผมจะต้องให้พวกนั้นชดใช้คืนเป็นร้อยเท่า”

จ้าวอิงหนานพูดเตือนสติ “แต่ที่น่าโมโหที่สุดคืออู่เยวี่ย เหมยเหมยต้องเจ็บปวดทรมานอยู่ในกำมือเธอมาไม่น้อย เรื่องราวส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะอู่เยวี่ย”

จ้าวอิงหัวยิ้มเยาะและพูด “ขนาดพ่อแม่ยังไม่มีอะไรดีเลย แล้วลูกสาวอย่างเธอจะมีอะไรดีได้ล่ะ? คนที่กล้ารังแกลูกสาวของฉัน ยังไงก็จบไม่สวยแน่!”

เหมยเหมยรู้สึกวางใจขึ้นมา อย่างน้อยพ่อแม่ของเธอก็สนับสนุนเต็มที่ ต่อไปนี้เธอจะมีแต่ความสุข ชีวิตคงหวานกว่าน้ำผึ้งเป็นไหนๆ!

ในตอนกลางวันได้เกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะมากมาย เหมยเหมยจึงเข้านอนให้เร็วขึ้น แม้จะนอนอยู่บนเตียงต่างที่ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกถึงความต่าง นอนลงได้ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่นานความฝันอันแสนหวานๆ ก็ได้เดินทางเข้ามา

ในฝันนั้นเธอสวมใส่กระโปรงเจ้าหญิง รอบตัวเธอมีชายร่างกำยำดูมีภูมิฐานยืนอยู่ ทุกคนต่างมีท่าทีที่พร้อมปรนนิบัติรับใช้เธอ มีตั้งแต่เสิร์ฟน้ำชา รินน้ำ ปอกองุ่น จัดเตรียมของอย่างขะมักเขม้น เพียงแต่…

ทำไมพี่หมิงซุ่นถึงถูกพวกเขากันท่าให้ออกไปอยู่ด้านนอกล่ะ?

“น้องเล็ก ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ใช่คนดี มีแต่พวกพี่ๆ ที่เป็นคนดี” ชายร่างกำยำแต่ละคนพูดขึ้นอย่างจริงจัง พร้อมกับผลักเหยียนหมิงซุ่นออกไปอย่างไม่ไยดี

อู่เหมยร้อนรนและวิ่งตามเหยียนหมิงซุ่นออกไป แต่ไม่ว่าจะวิ่งยังไงก็ตามเขาไปไม่ได้ เพราะถูกชายร่างกำยำด้านหลังฉุดดึงเอาไว้

เหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัวค่อยๆ ย่องเดินเข้าไปในห้องนอน จับเอาชายผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ พร้อมกับนั่งมองอู่เหมยด้วยความอ่อนโยน มองอย่างไรก็เหมือนยังมองไม่พอ

“เอ๊ะ เหมยเหมยกำลังฝันร้ายอยู่หรือเปล่า? ดูเหงื่อผุดเต็มหน้าผากเลย ลูกสาวผู้น่าสงสาร!” เหยียนซินหย่าเช็ดเหงื่อออกให้อู่เหมย เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และรู้สึกโกรธเกลียดต่อตระกูลอู่ยิ่งกว่าเดิม เธอคิดว่าช่วงที่อู่เหมยต้องอยู่ที่บ้านตระกูลอู่ เธอได้รับความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานมากเกินไป แม้แต่ตอนนอนยังหลับไม่สนิท!

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 532 ไม่ใช่โรคร้ายแรงอย่างที่คิด

จ้าวอิงหัวและเหยียนหมิงซุ่นนัดตรวจกับคุณหมอในช่วงเช้าตอนเก้าโมงครึ่ง สูตินรีแพทย์ท่านนี้พักอยู่ในเขตชานเมืองทางตอนใต้ ไม่ไกลจากตลาดหนานสุ่ยนัก และเธอก็มีความสนิทสนมกับลุงหมิงพอสมควร

“หมอกู้มีนิสัยที่ดูแปลกไปบ้าง คำพูดคำจาก็ไม่ค่อยน่าฟังนัก ลุงจ้าวกับป้าเหยียนก็อย่าใสใจนักเลยนะครับ” เหยียนหมิงซุ่นพูดเตือนล่วงหน้า

เหยียนซินหย่าพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะส่วนใหญ่ต่างก็อารมณ์แปรปรวนกันทั้งนั้น พวกเราจะไม่คิดมาก เสี่ยวเหยียนวางใจเถอะ”

เหมยเหมยคิดว่าหมอกู้เป็นคนมีอายุ มีผมขาวเต็มหัว แต่ที่ไหนได้หมอกู้ไม่ได้อายุมากแต่อย่างใด อย่างมากก็คงราวๆสี่สิบปี รูปร่างผอมเพรียว ดูมีสง่าราศี ราวกับมีกลิ่นหนอนหนังสือกระจายออกมาจากตัวเธอ

เหยียนหมิงซุ่นแนะนำเธอให้กับเหยียนซินหย่าและคนอื่นๆ หมอกู้มีท่าทีเฉยเมย และไม่ได้ทักทายอะไรพวกเขา แม้แต่หันมามองพวกเขายังไม่มองเลย สั่งแค่ให้เหยียนซินหย่ายื่นแขนออกไปเพื่อวัดชีพจร

“สภาพจิตใจอ่อนแออย่างมาก เรื่องปัญหาในใจหนักหนาเกินไป ต่อไปพยายามเลือกคิดให้น้อยลง ยิ้มให้มาก กินให้เยอะและพักผ่อนให้มากขึ้น ฉันจะจัดยาสองอย่างให้ไปกิน พอกินไปแล้วค่อยกลับมาตรวจอีกครั้งนะ”

น้ำเสียงการพูดจาของหมอกู้ไพเราะมาก ราวกับเสียงกระแสน้ำพัดไหลในลำธารมิปาน สดใสไพเราะเสนาะหู หากให้ฟังแค่เสียงโดยไม่เห็นหน้า คงจะคิดว่าอีกผ่ายมีอายุเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้น!

จ้าวอิงหัวมีแววตาเกลี้ยงเกลาปรากฏ คำพูดคำจาของหมอกู้ต่างกับหมอคนก่อนๆ ลิบลับ ที่ทำราวกับไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับอาการป่วยของเหยียนซินหย่าสักนิด น้ำเสียงที่ดูเชื่องช้าแต่เหมือนไม่ได้ใส่ใจ ทำให้ในใจของจ้าวอิงหัวแอบมีความหวัง

“หมอครับ อาการภายในของโรคร้ายแรงไหม?” เขาถามขึ้นอย่างเลียบเคียง

หมอกู้ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย เธอก้มหน้าเพื่อสั่งจ่ายยา และค่อยๆ พูดถึงเหตุผล “แค่สภาพร่างกายอ่อนแอเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอาการป่วยไข้ใดๆ จะรุนแรงได้ยังไง ลองกินยาไปก่อน ไม่ต้องกินมังสวิรัติหรอก ไม่ใช่นักบวชสักหน่อย จะกินมังสวิรัติไปทำไม!”

อู่เหมยที่ได้ยินคำตอบของหมอได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อก่อนเคยได้ยินสยงมู่มู่พูดประจำว่าอาสะใภ้ของเขาร่างกายอ่อนแอ อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เธอเองก็นึกเป็นกังวลตั้งแต่เมื่อวาน!

เธอเพิ่งจะได้แม่คืนกลับมา เธอไม่ยอมเด็ดขาดที่จะเสียแม่ไปทั้งที่อยู่ด้วยกันได้เพียงไม่กี่ปี!

ตอนนี้ได้ฟังคำพูดของหมอกู้ เหยียนซินหย่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงนี่!

หมอที่เธอเคยไปตรวจสมัยก่อนต้องเป็นนักต้มตุ๋นแน่นอน อาการอ่อนแอเธอเองก็รู้จัก แต่นั่นก็เป็นอาการปกติทั่วไปของผู้หญิง แค่ปรับสมดุลในร่างกายก็ดีขึ้นได้แล้ว ทำไมจะรักษาไม่หายล่ะ?

เหมยเหมยกลับไม่รู้มาก่อน หมอที่เหยียนซินหย่าเคยไปหามาแม้จะไม่ได้มีชื่อเสียง แต่ถึงยังไงก็ถือได้ว่าเป็นหมอที่มีความสามารถ ซึ่งพวกเขาไม่ได้พูดอะไรผิดไป ก่อนหน้านี้เหยียนซินหย่ามีอาการที่เรียกได้ว่ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน แต่ในตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ตามหาลูกสาวเจอ ฝันร้ายในช่วงสิบสองปีที่ผ่านมาของเหยียนซินหย่าได้สิ้นสุดลงแล้ว เธอตามหายารักษาใจเจอแล้ว อาการป่วยของใจจึงหายได้ เหยียนซินหย่ายังอยากเติบโตไปพร้อมกับลูกสาว และอยากจะสวมใส่ชุดแต่งงานให้ลูกสาวด้วยตัวเธอเอง!

เธอจะยอมตายง่ายๆ ได้อย่างไร?

แม้จะต้องแย่งชิงกับเหยียนหลัวหวัง[1]ก็ตาม เธอจะต้องแย่งช่วงเวลาหลายสิบปีมาเพื่อให้เธอมีอายุยืนยาวกว่าเดิม!

อู่เหมยที่หายกังวลใจแล้ว จึงนั่งลงภายในห้องรับแขกและนับจำนวนรูปที่แขวนอยู่บนผนังด้วยความเบื่อหน่าย แม้ว่าบ้านของหมอกู้จะเป็นเพียงแค่บ้านสวนขนาดเล็ก แต่ยังถือว่าเธอได้คงความโบราณเอาไว้ ในบริเวณสวนปลูกยาสมุนไพรไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนบนผนังในห้องรับแขกมีภาพวาดแขวนไว้จำนวนไม่น้อย และนั่นจึงทำให้บ้านสวนหลังเล็กๆ นี้ดูมีสไตล์ขึ้นมามากกว่าเดิม

เดิมทีอู่เหมยแค่สำรวจบ้านอย่างผ่านๆ ตา แต่พอได้มองภาพวาดไม่กี่ภาพก็ทำให้เธอเกิดหลงใหล ภาพวาดพวกนี้ต้องเป็นคนคนเดียวกันที่วาดเป็นแน่ ลายเส้นและลักษณะการวาดไม่ต่างกันมากนัก หากมองแบบผ่านๆ อย่างไม่ใส่ใจนักจะคิดว่าภาพวาดพวกนี้ไม่มีความโดดเด่น แต่หากตั้งใจมอง จะรู้สึกได้ว่าภาพวาดมีความน่าสนใจ เหมยเหมยมองภาพวาดไปด้วยพร้อมกับยกมือขึ้นทาบใบหน้า จนทำให้ลืมความเป็นตัวเองไปโดยสิ้นเชิง

เหยียนหมิงซุ่นที่ยืนมองท่าทีของยัยตัวแสบกลับไม่ได้รู้สึกน่าขำขัน แต่เขาเลือกที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อดูว่าเป็นภาพวาดอะไร ถึงทำให้ตัวแสบของเขาเกิดความหลงใหลได้ถึงเพียงนี้

…………………………………………………………………………………………..

[1] พระยม ผู้เป็นเจ้าแห่งนรก เขาคือหัวหน้านรกทั้งสิบขุม และทำหน้าที่คุมนรกขุมที่ห้าด้วยตัวเอง