ตอนที่ 2743 Upper Zone ที่น่าอัศจรรย์

ตอนนี้ซือเฟิงนั้นอยากรู้อยากเห็นมากๆเกี่ยวกับเรื่องของ Upper Zone ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเครุย เขาจึงเริ่มจะเดินตามเธอไปติดๆทันที

“เดี๋ยวก่อน !!”

เจ้าของเสียงนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเด็กหนุ่มผมสั้นที่ชื่อหยานหวู่หมิง

“คุณต้องการอะไร ?” ซือเฟิงถามด้วยความงงงวย

ซือเฟิงนั้นค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตน และนิสัยจริงๆของหยานหวู่หมิงเช่นกัน ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หยานหวู่หมิงนั้นเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ใน God domain และพูดกันง่ายๆเขาก็เหมือนกับเทพสงครามที่สามารถมองข้ามทุกชีวิตได้ แต่ถึงกระนั้นตอนนี้เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม เด็กที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่รุนแรง ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง

“คุณชื่ออะไร ?” หยานหวู่หมิงถาม

“ซือเฟิง” ซือเฟิงตอบอย่างห้วนๆ

“ซือเฟิง ? ฉันจะจำไว้ !!” หยานหวู่หมิงทวนชื่อของซือเฟิงซ้ำๆในใจหลายครั้ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือเฟิง และพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าฉันจะแพ้คุณในการแข่งขันด้านความแข็งแกร่งทางจิตใจในวันนี้ แต่ฉันก็จะพยายามไปถึงเกรดพิเศษให้ได้อย่างรวดเร็ว และในเวลานั้นฉันจะกลับมาท้าทายคุณอีกครั้ง !!!”

“ท้าทายฉัน ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว และพูดว่า “ฉันกลัวว่า ฉันจะไม่มีเวลาทำแบบนั้นน่ะสิ ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีงานยุ่งน่ะ ….”

ซือเฟิงไม่ได้โกหกเด็กหนุ่ม เขาไม่เพียงแต่จะต้องแก้ปัญหาที่เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสกำลังเผชิญอยู่เท่านั้น แต่เขายังต้องเข้าร่วมกิจกรรมและจัดการกิลในเรื่องต่างๆด้วย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องราวอีกมากที่เขาต้องทำให้เสร็จ

ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นสี่แล้ว และมันก็มีหลายเรื่องที่เขาสามารถจะทำให้เสร็จได้
ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาจะมาสนใจกับคำท้าทายของหยานหวู่หมิง

“นั่นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ !!!” หยานหวู่หมิงกล่าวอย่างไม่สนใจความคิดของซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังและทรงพลังว่า “หนึ่งในเป้าหมายของฉันคือการเป็นที่หนึ่งใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน และคุณคืออุปสรรคแรกของฉัน หลังจากเอาชนะคุณได้ มันก็จะแปลว่าฉันสามารถเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเองไปได้อีกก้าวหนึ่ง !!!”

“ดูเหมือนว่าคุณจะชอบความท้าทายนะ” ซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับคำประกาศของหยานหวู่หมิง หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็พูดว่า “เอาอย่างนี้ไหม …. ฉันจะให้โอกาสคุณสักครั้งที่จะท้าทายฉัน ตราบใดที่คุณสามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขของฉันได้ คุณก็สามารถจะมาท้าทายฉันได้ทุกเวลา คุณคิดว่าไง ?”

“พูดมา” หยานหวู่หมิงกล่าวอย่างมั่นใจ

“คุณเล่น God domain รึปล่าว ?” ซือเฟิงถาม

“ฉันเล่นมันมาระยะหนึ่งแล้ว ….” ตอนนี้หยานหวู่หมิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือ
เฟิงอย่างประหลาดใจและถามว่า “คุณต้องการให้ฉันเอาชนะคุณใน God domain งั้นหรอ ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยานหวู่หมิง เครุยที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองเด็กหนุ่มคนนี้

“คุณจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยมั้ง …. คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ? คุณต้องการจะเอาชนะเขาใน God domain งั้นหรอ ?” เครุยกล่าวเย้ยหยันหยานหวู่หมิง

“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็จะเอาชนะเขาให้ได้ !!!”

หยานหวู่หมิงโต้ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะเริ่มสงสัยถึงตัวตนของซือเฟิงขึ้นมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ถือว่าเรื่องพวกนี้มันเล็กน้อยมากๆ และเขาต้องทำตามเป้าหมายของเขา ซึ่งนั่นก็คือการเอาชนะซือเฟิงให้ได้

“ ไม่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ….” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่ต้องการให้คุณเอาชนะฉันใน God domain แต่ฉันต้องการให้คุณเอาชนะเพื่อนของฉัน ….”
“ได้เลย !!!” หยานหวู่หมิงพยักหน้า “บอกชื่อคนๆนั้นมา เมื่อฉันไปถึงขั้นสาม ฉันจะสามารถเอาชนะเพื่อของคุณได้ในเวลาไม่นานแน่นอน !!! และเมื่อตอนนั้นมาถึง ฉันก็จะรีบมาท้าทายคุณเลย !!!”

“ชื่อของเธอใน God domain คือไวโอเล็ตคลาวด์” ซือเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าหยานหวู่หมิงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา “คุณสามารถจะไปที่เมืองปีกสีเงินเพื่อตามหาเธอได้ ตราบเท่าที่คุณเอาชนะเธอได้ ฉันก็จะยอมรับคำท้าทายของคุณ”

เนื่องจากผู้มีพรสวรรค์อย่างหยานหวู่หมิงได้มาเคาะประตูหน้าบ้านของเขาแบบนี้แล้ว ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสหลุดรอยไป หากเขาสามารถผูก Invincible Swallow เข้าสู่สภาสิบแปดปีกได้ มันก็จะคล้ายการเพิ่มปีกให้กับเสือ ความแข็งแกร่งโดยรวมของกิลเขาจะพุ่งทะยานขึ้นแน่นอน

“ไม่มีปัญหา !! เดี๋ยวฉันไปถึงขั้นสามเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปตามหาเธอเลย !!!” หยานหวู่หมิงตอบโดยไม่ลังเล ในขณะที่การแสดงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นเดิม

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินข้อเสนอของซือเฟิง เครุยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหยานหวู่หมิงด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย

ตอนนี้มันมีความรู้สึกสงสารปรากฎขึ้นในใจของเธอ ฉันหวังว่าคุณจะไม่สิ้นหวังมากเกินไปนะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับไวโอเล็ตคลาวด์ เครุยอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานเรื่องนี้อย่างเงียบๆเพื่อหยานหวู่หมิง

เครุยได้เห็นไวโอเล็ตคลาวด์ต่อสู้มาแล้ว แม้แต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ของซุเปอร์กิลก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะเธอได้ ในความเป็นจริง แม้แต่เดมอนเร็คก็ยังทำได้แค่เสมอกับเธอเท่านั้น

ในเวลานี้มันมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถเอาชนะไวโอเล็ตคลาวด์ได้

“ไปกันเถอะ”

ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นเครุยอธิษฐานให้หยานหวู่
หมิงในเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็เดินไปยังถนนที่ห่างไกล
เมื่อซือเฟิงบอกว่าเขาต้องการจะไปลงทะเบียนในตอนนี้ทันที ใบหน้าของเครุยก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเธอก็ลากซือเฟิงไปยังอาคารที่สูงที่สุดซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขา ขณะที่หยานหวู่หมิงนั้นยังคงรออยู่ที่เดิมเพื่อให้ใครบางคนมานำทางเขาไป

ในขณะที่ซือเฟิงเดินไปตามถนนบนภูเขาที่ลอยอยู่ เขาก็รู้สึกว่าจิตใจและร่างกายของเขาได้รับการเติมเต็มมากๆ ตอนนี้เขาเริ่มปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าในโลกภายนอกสามเท่าได้แล้ว

“นี่คือ Upper Zone ที่แท้จริงงั้นหรอ ?”

ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

คนทั่วไปนั้นจะประสบกับความยากลำบากมากๆ แม้กระทั่งเรื่องของการเคลื่อนไหว เมื่อพวกเขามาอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าในโลกภายนอกสามเท่า สำหรับซือเฟิงเขาสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ก็เพราะสมรรถภาพทางกายที่น่าอัศจรรย์ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรู้สึกลำบากอยู่เล็กน้อยในสภาพแวดล้อมแบบนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากก้าวขึ้นมาบนภูเขา ความรู้สึกลำบากเล็กน้อยนี่ก็หายไป มันราวกับว่ามีแหล่งพลังงานพิเศษคอยเข้ามาช่วยเสริมพลังให้กับร่างกายของเขาตลอดเวลา แถมพลังงานนี้มันก็ยังช่วยให้เขาหายเหนื่อยล้า และช่วยสร้างกับเติมเต็มร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

ระบบการฝึกที่ยากลำบากที่เขาเจอมาในโลกภายนอกนั้นกลายเป็นเรื่องตลกไปเลยเมื่อเทียบกับใน Upper Zone

หากผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เป็นกิจวัตรจนชิน และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย พวกเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆที่จะมีชีวิตยืนยาวมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปี

“ตอนนี้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนหรือยังว่า Upper Zone นั้นแตกต่างจากโลกที่คุณรู้จัก ?” เครุยถามด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีการเติบโตทางร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกวินาที แม้จะไม่ต้องฝึกอย่างหนักก็ตาม …. และแม้จะไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ แต่สมรรถภาพทางกายของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็จะสามารถขึ้นไปเทียบกับปรมาจารย์เหิงเหลียนได้อย่างรวดเร็ว”
“ตามข่าวลือที่ว่ากันในโลกภายนอกนั้นอายุขัยของคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone นี่เฉลี่ยอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบปีแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นเพียงอายุขัยของคนที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานของ Upper Zoneเท่านั้น คุณลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นไหล่เขา และยอดเขาด้วย นั่นคือชั้นกลาง และชั้นบนสุด ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีสมรรถภาพทางกายและอายุขัยที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนในชั้นกลางนั้นอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบปี ขณะที่ในชั้นบนสุดนั้นอยู่ที่สองร้อยปี ซึ่งสิ่งนี้มันเกิดขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป ไปไกลมากทีเดียว”

“ในสมัยโบราณสองร้อยปีนั้นมันก็มากเพียงพอแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์หนึ่ง ในทางกลับกันผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone นั้นจะนับว่าเริ่มแก่จริงๆก็หลังจากอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีหรือมากกว่านั้นแล้วเท่านั้น”

เมื่อพูดถึงจุดนี้เครุยก็จ้องมองไปยังยอดเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปราถนา

“บ้านของ Upper Zone ยังมีการแบ่งชนชั้นกันอีกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างประหลาดใจ

“แน่นอน ภูเขานี้มันมีพื้นที่ค่อนข้างมาก และแม้จะมีความมั่งคั่งและฐานะของบริษัทโบลเดอร์ เราก็ยังอยู่กันได้แค่ในชั้นพื้นฐานเท่านั้น ชั้นกลางมันไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะไปอยู่ก็ได้โดยมีเพียงแค่สถานะและความมั่งคั่ง” เครุยบ่นอย่างหงุดหงิด “ถ้าคุณต้องการจะขึ้นไปอยู่ชั้นกลาง อำนาจของคุณใน Upper Zone จะต้องเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก่อน ตัวอย่างเช่นตัวคุณนั้นมีอำนาจเกรด 1 อยู่แล้ว ซึ่งมีอำนาจเกรด 1 นั้น นับว่ามีอำนาจมากที่สุดในชั้นพื้นฐานแล้ว หากคุณสามารถยกระดับอำนาจของตัวเองขึ้นไปกลายเป็นผู้มีอำนาจขั้นสูงได้ คุณก็จะสามารถขึ้นไปอยู่ที่ชั้นกลางได้”

“ระดับอำนาจที่คุณพูดถึงนี้มันหมายถึงอะไรบ้าง ?” ซือเฟิงถามด้วยความสับสน

เขาเริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของระดับอำนาจคร่าวๆใน Upper Zone แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงไม่ทราบรายละเอียดที่แน่นอน

“โอ้ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกรายละเอียดที่แน่นอนกับคุณนี่นา ….” หลังจากหยุดพักไปเล็กน้อย เครุยก็กล่าวต่อว่า “เงินและสถานะนั้นเป็นสิ่งสำคัญน้อยที่สุดใน Upper Zone สิ่งสำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งทางจิตใจและระดับอำนาจของคุณ”

“อำนาจในชั้นพื้นฐานนั้นแบ่งออกเป็นสามระดับ และยิ่งคุณมีระดับอำนาจสูงเท่าไหร่ ไอเทมที่คุณจะสามารถซื้อและแลกเปลี่ยนได้จากบริษัทกรีนก๊อดก็จะยิ่งดีขึ้น คุณสามารถพูดได้ว่า Upper Zone นั้นเป็นตลาดการค้าของบริษัทกรีนก๊อด โดยผู้มีอำนาจเกรด 3 นั้นอยู่ต่ำที่สุด และสินค้าที่คุณจะสามารถซื้อได้ในระดับอำนาจเกรด 3 นี้มันก็จะจัดว่ามีคุณภาพต่ำที่สุดในหมู่สินค้าของ Upper Zone อย่างไรก็ตามมันก็จะยังดีกว่าคนที่ไม่ได้รับระดับอำนาจหลายเท่า เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้มีอำนาจเกรด 3 ก็มีสิทจะซื้อที่อยู่อาศัยพื้นฐานในชั้นฐานได้ ผู้มีอำนาจระดับนี้หรือสูงกว่าขึ้นไปจะไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเป็นราคามหาศาล”

“หลังจากกลายเป็นผู้มีอำนาจเกรด 2 แล้ว คุณก็จะสามารถซื้อไอเทมที่ปกติไม่มีในโลกภายนอกได้ ตัวอย่างเช่นโพชั่นแห่งชีวิต ที่จะปรากฎในระหว่างงานประมูลของบริษัทกรีนก๊อดเท่านั้น และในฐานะผู้มีอำนาจเกรด 2 คุณก็จะสามารถซื้อวิลล่าส่วนตัวที่ชั้นฐาน และมีพื้นที่ส่วนตัวอิสระสำหรับตัวเองได้”

“ขณะที่หลังจากกลายเป็นผู้มีอำนาจเกรด 1 นั้นสิ่งต่างๆก็จะเริ่มน่าทึ่งมากขึ้น ไม่เพียงแต่มันจะมีสินค้าให้ซื้อมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณยังจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บสะสมของบริษัทกรีนก๊อดที่จะจัดขึ้นทุกๆสามเดือนได้ และตราบใดที่คุณอยู่ในสามอันดับแรกของการแข่งขัน คุณก็จะได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ชั้นกลางได้เป็นเวลาสามเดือน”

“คุณก็ได้เข้าใจถึงประโยชน์ของการได้เข้ามาที่ Upper Zone ชั้นพื้นฐานแล้ว ขณะที่ฉันต้องบอกคุณเลยว่าข้อดีของชั้นกลางนั้นมันเกินที่จะจินตนาการมากๆ ใครก็ตามที่ได้เข้าไปชมชั้นกลางสักครั้งหนึ่งก็จะไม่อยากกลับออกมา เช่นเดียวกับตัวคุณในปัจจุบันที่หลังจากได้ลิ้มรสและรู้ถึงประโยชน์ของชั้นพื้นฐานแล้ว คุณก็จะไม่อยากกลับไปอยู่ในโลกภายนอกอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังจะสามารถซื้อไอเทมที่เหนือจินตนาการอย่างมากได้ในชั้นกลาง ตามข่าวลือดูเหมือนว่าเราจะสามารถซื้อน้ำแห่งชีวิตจากบริษัทกรีนก๊อดได้ที่นั่น”

“น้ำแห่งชีวิตนั้นให้ผลที่ดีกว่าโพชั่นแห่งชีวิตมากๆ มันสามารถจะซ่อมแซมความเสียหายใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมันยังจะช่วยเพิ่มอายุขัยของคนๆนั้นที่ใช้มันด้วย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้เครุยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และถอนหายใจออกมา

สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ความปราถนาของพวกเขาที่จะเข้าไปยังชั้นกลางให้ได้นั้น มันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผู้ที่อยู่ในโลกภายนอกปราถนาจะเข้ามาอาศัยใน Upper Zone อย่างไรก็ตามนับประสาอะไรกับการขึ้นไปสู่ชั้นกลาง แค่การจะได้รับอำนาจเกรด 1 มา มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว

น้ำแห่งชีวิต ? ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอะไรที่มันทรงพลังไปกว่าโพชั่นแห่งชีวิตอีก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสิ่งที่สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากเขาได้รับมันมา การจะรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตของเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

“ฉันจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมได้อย่างไร ?” ซือเฟิงถามเครุย

ตอนแรกเขาคาดเดาไว้ว่า Upper Zone น่าจะมีวิธีรักษาอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว ได้ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้แล้วว่าเรื่องนี้มันจะทำได้ง่ายมาก หากเขาได้รับน้ำแห่งชีวิตมา

“คุณต้องการจะเข้าไปมีส่วนร่วมงั้นหรอ ?” เครุยตกตะลึงกับคำถามของซือเฟิง “คุณรู้ไหมว่าคนแบบไหนกันที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ?”

“แบบไหน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย

“เกือบทุกคนนั้นล้วนเป็นทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังถือว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดในรุ่นเดียวกับพวกเขา (เจเนอเรชั่นเดียวกันอะละ ถ้าเป็นคำอังกฤษพิมไว้เผื่อบางคนไม่เข้าใจ)” เครุยกล่าวอย่างช้าๆ “คุณไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการได้ถึงทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่ภายใต้การครอบครองของพวกเขา ปัจจุบันคุณไม่มีคะแนนการค้าถึงหนึ่งล้านแต้มเพื่อจะซื้อบ้านทั่วไปในชั้นพื้นฐานได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงคะแนนสะสมจากบริษัทกรีนก๊อดเลย”

“ผู้มีอำนาจเกรด 1 จะสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนการค้าได้หนึ่งพันแต้มต่อวัน โดยมันจะมีราคาเป็นเงินหนึ่งหมื่นเครดิตต่อแต้ม นอกจากนี้คุณก็สามารถจะหางานทำใน Upper Zone และทำงานให้เสร็จเพื่อจะหาคะแนนการค้าเพิ่มเติม ให้ได้มากกว่าอัตราการแลกเปลี่ยนต่อวันด้วย”

“คุณรู้ไหมว่าการจะได้รับคะแนนสะสมจากบริษัทกรีนก๊อดนั้นมันยากแค่ไหน ? นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถซื้อได้ด้วยเงินเลย คุณต้องแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่หายาก หรือไม่ก็ช่วยบริษัทกรีนก๊อดค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษเพื่อรับเอาคะแนนเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคุณ”

ซือเฟิงนั้นรู้สึกปวดหัวมากๆเมื่อได้ยินคำอธิบายของเครุย เขาไม่นึกเลยว่ามันจะมีความยากในการแข่งขันสูงขนาดนี้

สำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน การจะได้รับทรัพยากรที่หายากในโลกแห่งความเป็นจริงมานั้นมันเป็นเพียงความฝัน สำหรับการช่วยบริษัทกรีนก๊อดค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษ มันก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้นมากๆ “อย่าพึ่งท้อใจ ไม่ใช่ว่ามันก็จะไม่มีวิธีเลยซะทีเดียว” เครุยกล่าวหลังจากครุ่นคิด ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “เมื่อเร็วๆนี้บริษัทกรีนก๊อดได้ทำการรับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ของ God domain จำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นเรทการรับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาหนึ่งชิ้นยังสูงมากด้วย โดยมันมีราคาเป็นคะแนนการค้าหนึ่งพันแต้ม และคะแนนสะสมสิบแต้ม อย่างไรก็ตามสำหรับการแข่งขันสำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน การเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมนั้นเป็นได้แค่ความฝัน”

“การแข่งขันในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว โดยผู้เข้าร่วมที่มีที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับสุดท้ายนั้นมีคะแนนที่หนึ่งหมื่นหกพันแต้ม ขณะที่อันดับหนึ่งมีคะแนนที่หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแต้ม แม้ว่าคุณจะขายสภาสิบแปดปีกทั้งหมด แต่คุณก็ยังจะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไม่มากเพียงพอที่จะใช้เพื่อให้ตัวเองติดอันดับหนึ่งในสามแน่นอน”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทหลายแห่งได้ตัดสินใจเข้าสู่ God domain ที่แท้พวกเขาก็ทำเพื่อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นี่เองสินะ …. เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเฉลิมฉลองอยู่ภายในใจให้กับการค้นพบนี้

สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เงินนั้นไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตามแม้จะมีเงินแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เข้าสู่ Upper Zone ชั้นกลางได้ ทรัพยากรหายากต่างๆเป็นสิ่งจำเป็น ในขณะเดียวกันคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ใน God domain นั้นก็หาได้ง่ายกว่าทรัพยากรหายากต่างๆในโลกแห่งความจริงที่บริษัทกรีนก๊อดต้องการอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เมื่อเห็นว่าซือเฟิงยังคงมีท่าทีไม่ยอมแพ้ เครุยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ก่อนที่เธอจะชี้ไปอาคารหนึ่งร้อยชั้นที่อยู่ใกล้ๆ และกล่าวว่า “หากคุณต้องการจะเข้าร่วม คุณก็สามารถจะไปลงทะเบียนได้ที่นั่น เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ลงทะเบียนจะบอกคุณเองว่า คุณจะสามารถรับคะแนนสะสมมาได้อย่างไร”

ซือเฟิงพยักหน้าตอบสนองคำพูดของเครุย ตอนนี้เขาได้เริ่มร่างแผนการต่างๆขึ้นในใจแล้ว

หากเป็นไอเทมอื่นๆใน God domain เขาก็จะมีปัญหาแน่นอนในการจะปฎิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทกรีนก๊อด อย่างไรก็ตามสำหรับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป แม้ว่าการจะได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีวิธีซะทีเดียว ….

หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินตามเครุยเข้าไปในอาคารสำนักงานของบริษัทกรีนก๊อดในชั้นพื้นฐาน อาคารสำนักงานของบริษัทกรีนก๊อดนั้นมีคนอยู่น้อยมากๆ และแม้ว่าเขาจะมาถึงพื้นที่ลงทะเบียนชั้นสองแล้ว แต่ซือเฟิงก็พบว่ามีคนอื่นๆนอกจากเขาอยู่เพียงสองคนเท่านั้น โดยหนึ่งในนั้นคือหญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบหกปี และอีกคนหนึ่งก็คือหงซินหยวน จากวิธีที่หงซินหยวนใช้ในการพูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้อย่างอ่อนน้อม มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอมีตำแหน่งสูงกว่าหงซินหยวนแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแม้แต่สายตาของหงซินหยวนก็ยังเต็มไปด้วยความเคารพขณะที่เขามองไปยังหญิงสาวคนนี้

“เครุย ในที่สุดเธอก็มาถึงสักที” หงซินหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเขาเห็นเครุยและซือเฟิงเดินเข้ามาในพื้นที่ลงทะเบียน จากนั้นเขาก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “แล้วมู่ฉินอยู่ที่ไหน ? ไม่ได้มาด้วยกันงั้นหรอ ?”