ตอนที่ 777 คำสารภาพรักที่มาช้า(2)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 777 คำสารภาพรักที่มาช้า(2) โดย Ink Stone_Romance

 “ซู่ซู่…” ริมฝีปากเขาแนบชิดติดริมฝีปากเธอ เอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ หนึ่งที

“หืม?” เธอหลับสะลึมสะลือแต่ยังตอบกลับโดยอัตโนมัติ สองมือคล้องลำคอเขาคล้ายออดอ้อน

หัวในเขาสั่นไหว กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “อย่าหักหลังผมอีก”

เหมือนว่าไป๋ซู่เย่จะหลับสนิทแล้วเลยไม่ได้ตอบกลับประโยคนี้ของเขา แค่ครางเสียงฮึมเบาๆ เป็นการตอบแทน เย่เซียวไม่ได้ปลุกเธอ แค่จูบใบหูเธอ กระซิบพูดชิดหูเธอ “ถ้าคุณหักหลังผมอีก เราก็จะลงนรกไปด้วยกัน”

 “ชาติหน้า เรามาคอยทรมานกันและกันอีก ชาติหน้าผมก็ไม่มีวันปล่อยคุณไป”

ใช่ ต่อให้ชีวิตนี้จะเจ็บปวดทรมานมากเพียงใด ชาติหน้า…ชาติหน้าหน้า ทุกชาติทุกภพ เขาก็ไม่มีวันปล่อยเธอไป…

ไป๋ซู่เย่หลับสนิทไม่ตื่นมากลางคันอีก

………………

เมื่อเธอหลับสนิทแล้วเย่เซียวถึงลุกจากเตียงหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงเดินไปที่ระเบียง

ผ่านไปสักพักมีเสียงเกียจคร้านของถังเจวี๋ยแว่วมาจากอีกฟากของสาย

 “ทำไมดึกขนาดนี้?”

 “มีเรื่องสำคัญ”

 “อือฮึ นายว่ามาเลยฉันฟังอยู่”

——————

ระยะเวลาต่อมาก็ผ่านพ้นไปอย่างราบเรียบสงบสุข เย่เซียวออกสัมมนางานเป็นบางครั้งบางคราวแต่ส่วนใหญ่ตอนกลางคืนมักมานอนเป็นเพื่อนเธอที่โรงแรม

ชั่วขณะเธอรู้สึกว่าพวกเขาได้กลับไปยังเมื่อสิบปีก่อน—เดตเป็นปกติ ทำทุกอย่างเป็นปกติ ชมพลุดอกไม้ไฟในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นปกติ ไปทานข้าวกับคุณแม่เขาบ้าง…

ทุกอย่างดีเหลือเกิน ดีเสียจนเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน บางครั้งกังวลว่าจะตื่นจากความฝันนี้เร็วเกินไป

หากไม่ใช่เพราะมีสายจากกระทรวงความมั่นคงล่ะก็ เธอจะคิดจริงๆ แล้วว่าตัวเองได้ทิ้งทุกเรื่องไว้ด้านหลังหมดแล้ว

เธอถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น

ข้างกายเย่เซียวไม่อยู่

เขาไปสัมมนา

ไปแล้วสามวันเต็มๆ

สามวันนี้ไป๋ซู่เย่เกิดคิดถึงเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความคิดถึงที่ทำให้เธอรู้สึกว่าวันเวลาทุกวันมันช่างยาวนาน

โทรศัพท์กำลังแผดเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง

เธอได้สติ หยิบมาดูเบอร์บนหน้าจอแล้วเงียบไปชั่วขณะ แต่ก็กดรับมาแนบไว้ข้างหู

 “นี่มันเรื่องอะไรกัน?” จากเสียงพอฟังออกถึงอารมณ์ที่ไม่คงที่ของปลัดกระทรวง “นอกจากจะไม่มีอะไรคืบหน้าแล้วตอนนี้สถานการณ์กลับเลวร้ายลง—เย่เซียวคิดจะเลื่อนเซ็นสัญญาให้เร็วกว่าเดิมชัดๆ รัฐมนตรีไป๋ หรือว่าคุณยังมีความรู้สึกส่วนตัวต่อเย่เซียวเลยมัวแต่เดตกับเขา? คุณอย่าลืมล่ะ ตอนนั้นคุณได้ขอยื่นหมายทหารด้วยตัวเองนะ!ถ้าคุณกล้าทิ้งประเทศชาติ ทิ้งองค์กรเพียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็รับผิดชอบผลเองละกัน!”

ไป๋ซู่เย่ไม่ได้พูดแทรก แค่กอดผ้าห่มค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น รออีกฝ่ายตะคอกพูดจนจบถึงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตอบเสียงเรียบ“ยังมีเวลา ฉันจะทำให้ได้ค่ะ”

 “…” ปลัดกระทรวงเงียบไปชั่วครู่คล้ายรออารมณ์สงบลงหน่อยถึงได้กล่าวช้าๆ “ที่ผมโมโหใส่คุณก็หวังว่าคุณจะเข้าใจได้ เรื่องนี้ทุกคนกำลังเป็นกังวล เบื้องบนนั่งกันไม่ติดเก้าอี้แล้ว”

 “ค่ะ” ไป๋ซู่เย่ไม่พูดมากไปกว่านั้นแค่กล่าวเสริมอีกประโยค “ต่อจากนี้ถ้าแค่เป็นเรื่องที่อยากจะตักเตือนฉัน ปลัดไม่ต้องโทรมาเองแล้ว เกรงว่าจะถูกคนของเย่เซียวจับได้”

 “เรื่องนี้คุณสบายใจได้ ได้ทำการปกปิดสัญญาณแล้ว”

 “งั้นก็ดีค่ะ”

ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรอีกก่อนวางสายไป เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง มองเพดานห้องเหนือศีรษะนิ่ง

ความจริงถ้อยคำที่ว่ากลัวคนของเย่เซียวจับได้อะไรนั่นเป็นส่วนเกินอยู่แล้ว จุดประสงค์ของเธอ เย่เซียวรู้ดีอยู่แก่ใจ พวกเขาแค่ไม่พูดมันออกมาเท่านั้น

ที่จู่ๆ เย่เซียวก็เลื่อนวันเวลาเซ็นสัญญาให้กระชั้นชิดเข้ามามากขึ้น คงอยากจะลองใจเธอเพื่อดูจุดยืนให้เร็วที่สุดกระมัง!

อารมณ์…

อึมครึมขึ้นทันที

เธอหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเย่เซียวแต่โทรไม่ติด

ความอึมครึมในใจนั่นชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม ความจริงตอนนี้เธอกับเย่เซียวคล้ายคนที่ยืนบนเส้นโลหะที่คอยหวาดระแวง ลองเชิง ก้าวไปข้างหน้าอย่างดื้อรั้นแต่ใครก็ไม่กล้ายืนยันว่าก้าวต่อไปจะตกหลุมอากาศทันทีหรือไม่ ล้มกระแทกให้กายแตกสลายอีกครั้ง

ฉะนั้นคอยระแวงกันและกันไม่หยุดหย่อน…

ยิ่งหวาดผวาเช่นนี้ วันเวลาที่เหลืออยู่ถึงได้มีค่ามาก

จู่ๆ ไป๋ซู่เย่ก็คิดถึงเขาคิดถึงเขามาก…

ความคิดถึงนั่นพอได้ผุดขึ้นมาก็ลามอย่างรวดเร็ว เธอโทรหาเย่เซียวอีกทีแต่สุดท้ายก็โทรไม่ติด

วางสายช้าๆ ลุกจากเตียง ความรู้สึกที่คิดถึงใครสักคนมันแย่มาก เธอจำเป็นต้องหาเรื่องทำเพื่อหักล้างอารมณ์นี้ลงไปบ้าง

………………

ช่วงบ่ายไป๋ซู่เย่ซื้อตั๋วหนังใบหนึ่งไปดูหนังเอง

โซน VIP

กว้างขวางอย่างมาก โซฟาทุกตัวเทียบเท่าเตียงเล็กๆ

ไม่ใช่เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์เลยมีคนประปราย แต่คนที่มาดูหนังในโซน VIP นี้ล้วนเป็นคู่รัก คนที่มาเดี่ยวๆ อย่างเธอน้อยมากจริงๆ

เธอเลือกตำแหน่งมุมหลังสุด คอยมองคู่รักที่กระจายตามมุมในห้องก็แอบรู้สึกอิจฉาในใจเช่นเดิม

เย่เซียวไม่ชอบดูละครอะไรด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนังเลย คิดจะลากเขามาดูหนังสงสัยยากยิ่งกว่าให้บินขึ้นฟ้า

อีกทั้งเวลาที่เหลือระหว่างเธอกับเขาไม่มากแล้ว…

คิดว่าชีวิตนี้คงไม่สามารถกอดถังป๊อปคอร์น ดื่มน้ำอัดลม ดูหนังไร้สาระสักเรื่องกับเขาเหมือนคู่รักทั่วไปได้อีกแล้ว…

คิดถึงนี่ก็แสบจมูก พอมานึกดูแล้วความจริงยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ทันได้ทำด้วยกันกับเย่เซียว

……

แสงไฟในโรงดับลง หนังเริ่มฉาย ซึ่งเป็นหนังรักทั่วไป

ไม่นับว่าสนุกมาก อย่างไรเรื่องก็คือการพัวพันถึงขั้นแลกด้วยชีวิตระหว่างชายหนุ่มผู้รักเดียวใจเดียวกับหญิงสาวที่เกลียดชัง แต่จุดจบของตัวเอกนั้นเธอกลับอยากรู้เหลือเกิน

เธอหวังว่าในโลกของผู้อื่นจะเป็นจุดจบที่ดีเสียส่วนมาก

เธอรับชมอย่างตั้งใจ

โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าที่นั่งข้างๆ ถูกอีกคนจับจองไป

เธอดูต่อ

บางครั้งหยิบป๊อปคอร์นแต่เอื้อมไม่ถึงแล้วคลำหาน้ำดื่มขึ้นมายกดื่มสองอึกถึงพบความผิดปกติ เธอซื้อน้ำส้มเย็นมาแท้ๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่เข้าปากกลับเป็นนม แถมยังเป็นนมอุ่น

นี่มัน…อะไรกัน?

คิ้วเรียวงามของเธอมุ่นเข้าหากัน เบนหน้าไปมองอย่างระแวงว่าใครกลั่นแกล้งหรือเปล่า?

 “อากาศเย็นขนาดนี้ห้ามดื่มของเย็น” เสียงเย่เซียวดังขึ้นในโสตประสาท “ดื่มนม”

 “…” ไป๋ซู่เย่จับแก้วนมนิ่งชะงักค้างอยู่ตรงนั้น มองเขาแล้วเส้นหัวใจที่แน่นตึงในตอนแรกคลายลงในพริบตา ถูกอารมณ์บางอย่างซัดกระหน่ำ

แสงไฟมืดมน พอเห็นโครงหน้าเด่นชัดของชายหนุ่มท่ามกลางความมืดเลือนราง มองไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่สายตาล้ำลึกคู่นั้นกลับเป็นประกายสว่างคล้ายกลุ่มดาวในยามมืดค่ำ

คิดถึงมาก คิดถึงเหลือเกิน…

ฉะนั้นการปรากฏตัวที่ฉุกละหุกของเขา ทำให้เธอทั้งดีใจทั้งเสียใจ

เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างมาก

……………………