ความจริงแล้วจางจื่ออันคิดไม่ออกว่าจวงเสี่ยวเตี๋ยมีอะไรอยากถาม ความทรงจำของเขาน่าจะถูกเธอกลับตาลปัตรไปแล้ว รวมถึงความทรงจำส่วนลึกที่แม้แต่เขาเองก็ลืมไปหรือไม่อยากคิดถึงอีก ที่เขารู้เธอก็รู้ทั้งหมด ที่เขาไม่รู้เธอก็รู้ทั้งหมดเช่นกัน ยังต้องถามอะไรอีก
เขาสิที่อยากถามเธอ อย่างเช่น สิ่งที่เขาเคยเห็นและคิดว่ามีศิลปะทางความคิดมาก เหมือนภาพยนตร์ที่อยากทบทวนสักครั้งแต่ลืมรหัสประจำกองกำลังไปแล้ว…
เธอไม่ได้ถามทันที แต่เดินอ้อมหน้าผา ราวกับกำลังคิดว่าจะถามอย่างไร
จางจื่ออันอยากกลับไปที่โลกความจริงโดยเร็ว ถึงหลับอยู่ในโลกความจริงก็ยังดี แต่ก็ไม่กล้าเร่ง ทำได้แค่อดทนรอ
แค่รอก็ไม่เป็นไร เวลาช้าเร็วขึ้นอยู่กับเธอ ถึงรออยู่ในความฝันหนึ่งร้อยปี ในโลกความจริงก็อาจจะผ่านไปแค่ชั่วขณะดีดนิ้วเท่านั้น
เดินไปได้สักพักหนึ่ง อยู่ๆ เธอก็หยุดลง ลูกตาสีรุ้งสวยงามจ้องเขม็งมาที่เขา เขารู้ว่าคำถามจะมาแล้ว จึงตั้งอกตั้งใจฟังในทันที เพื่อเตรียมรับการจู่โจม
ตอนที่เขาถูกขังอยู่ในความฝันครั้งก่อน ดวงตาของเธอแตกต่างจากคนทั่วไป แต่ตอนนี้กลับมีตาดำสีรุ้งคล้ายภาพความฝัน ไม่ต้องถามก็รู้ว่า ครั้งก่อนเธอปลอมตัวเป็นคนทั่วไปเข้ามาในฝัน แต่ครั้งนี้เธอไม่ต้องปลอมตัวอีกแล้ว
“ยังมีเจตจำนงเสรี*อยู่ไหม” เธอถามคำถามแรก
เชี่ย?
จางจื่ออันได้ยินคำถามก็งงเป็นไก่ตาแตก หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงจะยิ้ม “นี่มันเกินไปแล้ว…”
เขาน่าจะนึกถึงได้ตั้งนานแล้ว เธอบุกเข้ายึดกุมความทรงจำของเขา ถ้าบอกว่าอยากถามคำถามอะไร นอกจากคำถามให้เลือกระหว่างหญิงสาวนุ่มนวลชาวตะวันออกกับพ่อหนุ่มชาวตะวันตกแล้ว ก็น่าจะเป็นคำถามลึกลับแบบนี้
“คุณยังอยากกลับไปไหม” เธอซักถาม
“เอาล่ะ…” เขาเกาหัวด้วยความกลุ้มใจ เริ่มเดินกลับไปกลับมาบนยอดเขาเหมือนเธอเมื่อครู่ ขณะที่ครุ่นคิดก็รวมรวบคำพูดไปด้วย
เจตจำนงเสรีนับว่าเป็นคำถามแนวปรัชญา แต่จากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน คำถามนี้ยังเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ด้วย
ความหมายตรงกันข้ามของ ‘เจตจำนงเสรี’ ก็คือ ‘นิยัตินิยม**’ พูดง่ายๆ คือ เจตจำนงเสรีคิดว่ามนุษย์สามารถคิดและตัดสินใจได้ตามใจปรารถนา และเลือกได้จากแบบแผนการกระทำนับไม่ถ้วน แต่นิยัตินิยมคิดว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว คุณคิดว่าตัวเองเลือกไปแล้ว แต่ความจริงนั่นเป็นแค่ตัวเลือกที่ชะตาชีวิตของคุณกำหนดให้คุณต้องเลือกต่างหาก
เปลี่ยนคำพูดก็คือ คนตัดสินโชคชะตาของตัวเองได้ไหม
สมมติว่าคุณกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ในที่สุดก็กลั้นปวดเข้าห้องน้ำไม่ไหวแล้ว หลังจากลงจากเตียงคุณเลือกเดินเท้าไหนก่อน คุณตัดสินเอง หรือโชคชะตาต่างหากที่ตัดสิน
เห็นได้ชัดว่า คนที่เชื่อในพระเจ้าและคนที่เชื่อในโชคชะตาส่วนใหญ่ยอมรับแนวคิดนิยัตินิยม แต่คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าส่วนใหญ่อาจจะชอบเจตจำนงเสรีมากกว่า ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ‘ฉันตัดสินชะตาชีวิตของตัวเอง หาใช่สวรรค์ตัดสินไม่’ จึงดูเหมือนจูนิเบียวที่สร้างความเดือดดาลเป็นพิเศษให้กับอีกฝ่าย
ความไม่แน่นอนของกลศาสตร์ควอนตัมนับเป็นตัวค้ำจุนสำคัญของเจตจำนงเสรี และหลักการเรื่องเวลาส่วนเล็กๆ ของทฤษฎีแฟร์มาต์***ก็กลายเป็นตัวสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ของนิยัตินิยม การทดลองบางอย่างของประสาทวิทยาก็เหมือนจะพิสูจน์แล้วว่าเจตจำนงเสรีเป็นรูปแบบถ่ายทอดภาษาปลอมๆ อย่างหนึ่ง
ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าไม่เล่นทอยลูกเต๋า’
คำพูดนี้แสดงทัศนคติของนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์คนนี้แล้ว
พูดในด้านปรัชญา กลศาสตร์ควอนตัมและเจตจำนงเสรีล้วนเป็นอุดมคตินิยม แต่นิยัตินิยมกลับเหมาะกับทัศนคติของวัตถุนิยมที่สิ่งของตัดสินความรู้สึกมากกว่า
ไม่ว่าด้วยวิทยาศาสตร์หรือปรัชญา เจตจำนงเสรีและนิยัตินิยมต่างก็เป็นศัตรูคู่แค้นกัน
ด้วยความสามารถอันเล็กน้อยของจางจื่ออัน เขาจะกล้าท้าทายกับปัญหาของปรัชญาเมธีที่ล่วงลับไปแล้วนับไม่ถ้วนได้อย่างไร
“ฉันไม่รู้ว่าเจตจำนงเสรีมีอยู่หรือเปล่า แต่จากความคิดของฉัน ฉันชอบเจตจำนงเสรีมากกว่านะ” เขารู้ว่าคำตอบนี้ไม่มีทางทำให้เธอพอใจ แต่ไตร่ตรองอยู่นานแล้วก็ยังคงตอบได้แค่นี้
เธอขมวดคิ้วโก่งสวย ทำลายสีหน้าไร้ความรู้สึกแล้ว “เพราะซิงไห่เหรอ เพราะมันให้จ้าวฉีเดินเข้ามาในร้านของคุณเหรอ”
เขาเข้าใจความหมายของเธอทันที ซิงไห่ทำให้อนาคตหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดแบบที่จ้าวฉีจะผ่านร้านขายสัตว์เลี้ยงแต่ไม่เข้ามาในร้านหายไป และเปลี่ยนอนาคตหนึ่งแบบที่จ้าวฉีตัดสินใจเข้ามาดูในร้านกลายมาเป็นความจริง เขามักจะบอกว่าเรื่องนี้เปลี่ยนโชคชะตาของเขา แต่ใครจะรู้ว่าโชคชะตาของเขาอาจจะไม่ใช่แบบนี้ หรือมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน
“อนาคตหนึ่งร้อยเจ็บสิบแปดแบบนั้น อาจจะไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ เป็นแค่ความคิดเพ้อฝันเหมือนภาพลวงตา แต่อนาคตที่มันเลือกนี้ ก็คือสิ่งที่ชะตาของมันกำหนดไว้ว่าต้องเลือก” เธอมองตรงมาที่เขาพลางพูดว่า “ชะตากำหนดให้เจอมัน ชะตากำหนดให้มันตัดสินใจช่วยคุณ ชะตากำหนดให้มันเลือกอนาคตนี้ ไม่ใช่สิ มันไม่ได้เลือกอนาคตนี้ แต่กำหนดเอาไว้ให้เกิดขึ้น จ้าวฉีต้องเข้ามาในร้านของคุณ กระบวนการเลือกของมันก็แค่ส่วนหนึ่งในเส้นทางที่กำหนดเอาไว้”
หากให้พูดตรงๆ เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่จากหลักการ เขาไม่มีทางโต้แย้ง
เธอไม่ได้กำลังโกรธแค้น และไม่ได้ตีค่าความหมายของซิงไห่ให้ต่ำลง แค่บอกความเป็นไปได้อย่างหนึ่งอย่างเย็นชา โดยใช้นิยัตินิยมเป็นตัวตัดสินความเป็นไปได้
ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา ทุกอย่างล้วนเป็นประวัติศาสตร์ที่ลิขิตไว้แล้ว
ซิงไห่เป็นผู้สังเกตการณ์โชคชะตา คำพูดนี้มีนัยของความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือการสังเกตการณ์ของมันทำให้ดวงชะตานับไม่ถ้วนหายไปและหดเล็กลง และเลือกดวงชะตาอย่างหนึ่งในนั้น สองคือมันแค่สังเกตการณ์โชคชะตา เพียงแค่โชคชะตาเดียว มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แค่เห็นโชคชะตาที่กำลังจะเกิดขึ้นล่วงหน้า
อย่างไหนถึงจะเป็นความจริงล่ะ
จางจื่ออันมองไปทางตำบลปินไห่อีกครั้ง
ขบวนส่งตัวเจ้าสาวเข้าเมืองไปแล้ว นอกเมืองระเกะระกะกันไปหมด มีผ้าคลุมปืนใหญ่สีแดงที่ขาดวิ่นกระจายอยู่ทั่ว ทุกอย่างค่อยๆ กลับสู่ความสงบแล้ว มีเพียงประชาชนอดอยากสองสามคนที่พยายามตามหาเหรียญทองแดงหรือเหรียญกษาปณ์ที่ขบวนส่งตัวเจ้าสาวโปรยเอาไว้
ในเมืองคึกคักขึ้นมาทันตา ตรงที่ขบวนส่งตัวเจ้าสาวผ่านไป ทั้งถนนจะประดับประดาไปด้วยโคมและธงหลากสี ผู้คนพากันเบียดเข้ามาต้อนรับ ตำบลปินไห่เล็กๆ ไม่ต่างอะไรกับเทศกาลตรุษจีนเลย
ในที่สุดขบวนส่งตัวเจ้าสาวก็เข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่แล้ว ในเมืองปินไห่ไม่ค่อยมีคฤหาสน์หลังใหญ่ให้เห็นมากนัก พอประตูคฤหาสน์ปิด ก็เริ่มเตรียมพิธีการแต่งงานอันยิ่งใหญ่ได้
ประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วตรงหน้านี้ เป็นสิ่งที่ลิขิตไว้ให้เกิดขึ้นจริงๆ เหรอ
พวกข้ารับใช้ลูกน้องพ่อเจ้าสาวอยู่ต่อหน้าสินเดิมมหาศาลของฝ่ายหญิง แต่ไม่เกิดความคิดชั่วร้ายระหว่างการเดินทาง หรือพยายามจะครอบครองสินเดิมของฝ่ายหญิงเลยงั้นเหรอ
ความร่ำรวยเปลี่ยนใจคน พวกเขาอาจจะเคยคิด แต่ไม่ได้ทำ พวกเขาไม่ได้ลงมือ ผลลัพธ์นี้เป็นเจตจำรงเสรีของพวกเขาเอง หรือโชคชะตากำหนดไว้
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ จางจื่ออันก็เช่นกัน
เขาถอนหายใจ รู้สึกว่าคิดจนหัวจะล้านแล้ว
“เพราะงั้น ช่วงนี้ที่เธอไม่ได้โผล่มาเลย ก็เพราะคิดถึงเรื่องนี้จนหัวแทบแตกน่ะเหรอ” เขามองจวงเสี่ยวเตี๋ย
“ใช่”
เธอพยักหน้า คิดไม่ถึงว่าในดวงราจะปรากฏความงุนงงที่ไร้ซึ่งความมั่นใจใดๆ
*เจตจำนงเสรี คือการกำหนดการเลือกตัดสินใจในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าเป็นความดี และจงใจกระทำเพื่อบรรลุถึงความดีของตัวเองนั้น การเลือกและเจตนาเกิดจากตนเอง ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาบังคับหรือกำหนด
**นิยัตินิยม คือลัทธิความเชื่อที่ว่าการกระทำทุกอย่างของมนุษย์ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
***ทฤษฎีแฟร์มาต์ คือกฎของธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้