บทที่ 193 นายทำได้

เย่ฮั่วรีบตรงไปร้านขายชุดเจ้าสาวและเมื่อไปถึงก็พบว่าชิงหยานั้นนอนหลับอยู่บนโซฟาเสียแล้ว หล่อนไม่รู้หรือไงว่าถ้าง่วงต้องกลับไปที่พักน่ะ

เขาเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อยและค่อยๆอุ้มร่างของเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นเจ้าหญิง

ชิงหยาหายใจช้าๆก่อนจะยกแขนขึ้นโอบคอของเย่ฮั่วให้กระชับ “นายกลับมาแล้ว”

“ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปก่อนในเมื่อเธอเหนื่อยขนาดนี้?” เย่ฮั่วพูดราวกับกระซิบ

“ก็รอนายไง กลัวว่าถ้านายกลับมาแล้วจะหาฉันไม่เจอ”

เย่ฮั่วยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันจะไปหาเธอไม่เจอได้ยังไงกัน?”

ชิงหยาหัวเราะน้อยๆก่อนจะเอนหัวเธอไปซบกับแผงอกของเย่ฮั่ว ฮ่า ชุ่มฉ่ำหัวใจเหลือเกิน

มีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับตระกูลหยิงใน 2 วันนี้ และนี่มันคือหายนะชัดๆ!

อย่างไรก็ตาม คำสั่งแรกที่ฟ่างสั่งแก่พวกเขา นั่นก็คือห้ามให้เรื่องเมื่อคืนเล็ดลอดออกไปได้เด็ดขาด ไม่งั้นล่ะก็ทั้งตระกูลจะถูกทำลาย

ผู้วิเศษแห่งความตายที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอนั้น เพียงแค่มองการกระทำของเธอเฉยๆ ทำไมกันนะ? เพียงแค่ได้มองจากด้านหลังก็รู้สึกหลงไหลเสียแล้ว โดยเฉพาะยามที่เธอกำลังพยายามทำอะไรซักอย่าง มันช่างงดงามเสียเหลือเกิน

สิ่งก่อสร้างต่างๆของหยิงถูกสร้างขึ้นด้วยความตึงเครียด ฟ่างนั้นเคยเป็นเจ้าสำนักมาก่อน เพราะงั้นแล้วเธอรู้วิธีการจัดการเรื่องพวกนี้ ในความเป็นจริง นี่เธอก็เหมือนกำลังดูแลพลพรรคของเธออยู่เลย

หลังจากคำสั่งถูกสั่งออกไปแล้ว ฟ่างและผู้วิเศษแห่งความตายก็หาที่สงบๆที่พอจะพักอิงได้ก่อนจะเริ่มเล่นเกมของพวกเธอ

ในความเป็นจริง ฟ่างเหมือนจะลืมบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว นั่นคือเธอเป็นผู้ครอบครองเทพอสูรวารีทั้ง 8 ตนที่ซึ่งสืบทอดมาจากเย่ฮั่ว แน่นอนว่าพลังของพวกมันนั้นสูงกว่าผู้วิเศษแห่งความตายเป็นแน่แท้

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฟ่างนั้นดูท่าจะไม่ได้ใส่ใจหรือไม่ก็ลืมไปแล้วว่าเธอสามารถใช้เจ้าพวกนี้จัดการเขาไปได้

ในเวลาเดียวกัน ที่เมืองหลงอัน ชิงบาร์

เว่ยชางนำถังเว่ยออกมาจากห้องน้ำของบาร์ ถังเว่ยนั้นยังคงช็อคอยู่กับภาพของท่านผู้สูงสุดที่เหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟเลย มนุษย์ยักษ์ที่ทำลายเกาะได้เพียงแค่ต่อย นี่มันช่างเกินบรรยายสุดๆ…

ท่านผู้สูงสุดนี่ช่างทรงพลังแท้ ทรงพลังจนเธอรู้สึกอายที่ครั้งนึงเคยเขียนจดหมายรักและพยายามส่งให้เขาเลย

“ลุงเว่ย นี่มันดึกมากแล้ว ฉันไปนอนที่บ้านลุงเว่ยนะคะ” ถังเว่ยเขย่งขาและพูดด้วยความเหนียมอาย

ในใจของถังเว่ยนั้นยังลุกลี้ลุกรนอยู่และตัวเธอเองก็รู้สึกอยากทำเรื่องน่าอายกับลุงเว่ย จึงได้พูดแบบนั้นออกไป

เว่ยชางเพียงแค่สัมผัสหัวของเธอเบาๆ “ลืมเหรอว่าลุงเว่ยมีรถนะ? เพราะงั้นจะส่งกลับบ้านเอง ไม่ต้องกังวล”

ถังเว่ย “…”

จริงสินะ ลุงเว่ยนี่ก็เป็นผู้ชายที่ซื่อตรงสุดๆคนหนึ่งเลย เอาจริงๆก็ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน ย้ำว่า “ไม่เคยเจอมาก่อน”!

เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วถังเว่ยก็ดึงเว่ยชางไว้ “ลุงเว่ย…พวกเขายัง…”

เว่ยชางส่ายหน้า เพราะเขาลืมบอกท่านผู้สูงส่งเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย

“ถังน้อย ไปเปลี่ยนชุดก่อนละกัน เดี๋ยวฉันจะไปถามพวกนั้นก่อนว่ามาทำอะไร”

“รับทราบค่า~”

เว่ยชางเดินออกไปหาพวกเขา นั่งลงไปที่โต๊ะกับหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน พวกเขานั้นดูงดงามทั้งคู่

“ไม่รู้หรือไงว่าร้านปิดแล้วน่ะ?” เว่ยชางยิ้มอย่างไมตรีจิต

ชายผู้มาพร้อมกับกระเป๋ากีต้าร์ใบใหญ่หันมามอง ดูท่าว่ากระเป๋านั้นจะสำคัญกับเขาอยู่นะ

“ผมอยากจะมาพบผ้าคลุมดำครับ” ชายคนนั้นพูดจุดประสงค์ออกมาแบบตรงไปตรงมา

อ้อ ใช่แล้ว เขาคือ เสี่ยวยี่ แล้วก็ผู้หญิงคนนั้น ชูหนานสินะ

เสี่ยวยี่นั้นไตร่ตรองเรื่องนี้มานานแล้ว และเขาสรุปว่าตอนนี้ตระกูลเสี่ยวกำลังอยู่ในอันตราย!

อย่างไรก็ตาม เขาคิดถึงผู้วิเศษแห่งความตายเป็นอันดับแรก ถ้าเป็นเจ้านั่น ตระกูลยี่จะต้องยืนหยัดต่อได้แน่ๆ! ไม่ว่าผู้วิเศษแห่งความตายจะเรียกร้องอะไรในอนาคต เขาก็จะยอมรับมัน รวมไปถึงครั้งนี้ เขาเอาดาบซวนหยวนมาด้วย ชีวิตและดาบ ดาบนี่ก็เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายได้ใช้ปกป้องผู้หญิงและเด็กของเขา

ทางด้านของภรรยาเสี่ยวยี่ ชูหนาน เธอดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ครั้งหนึ่งเธอเคยขัดขวางเขาและลั่นวาจาไว้ว่าถ้าเขาไปไหนโดยไม่บอกเธอ เธอจะตายต่อหน้าเขาตรงนั้นเลย

เสี่ยวยี่เลือกอะไรไม่ได้จึงได้แต่บอกชูหนานเกี่ยวกับแผนของเขา

ชูหนานนั้นไม่ได้คิดถึงอะไรเลย เธอเพียงแค่มาที่นี่กับสามีของเธอเท่านั้น

เสี่ยวยี่ถามภรรยาของเขาเอง ณ ตอนนั้น ว่าทำไมเธอยังมากับเขา

ชูหนานยังคงยิ้มให้อย่างงดงามพร้อมกับพูดว่า “เพราะฉันเองก็มีชีวิต”

ในตอนนั้น เสี่ยวยี่ก็ได้รับรู้แล้วว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดบนโลก เพราะถ้าเขาไม่ได้โชคดีจริงๆ เขาคงไม่ได้แต่งงานกับเธอหรอก

ถึงแม้ว่าว่าเขาจะมากับภรรยา เสี่ยวยี่เองก็ไม่ได้อยากให้ภรรยาของเขาตายหรอกนะ!

“พวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ? เอาจริงๆก็ไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร” เว่ยชางแกล้งถามไปงั้นแหละ

“ผมอยากจะพบกับเจ้าผ้าคลุมดำแล้วก็มีของสำคัญมากๆอยากจะให้แล้วก็คุยด้วย” ใบหน้าของเสี่ยวยี่นั่นดูน่าสงสารเอาเสียมากๆ ราวกับว่าถ้าเขาไม่สามารถทำตามที่พูดได้ในเย็นนี้ บางทีเขาคงจะไม่ได้เห็นแสงตะวันในวันถัดไปแล้ว

ชูหนานจับมือที่เย็นยะเยือกของสามีของเธอไว้ หัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด

เว่ยชางไม่รู้ว่าท่านผู้สูงส่งเองดูแลเสี่ยวยี่ยังไง เพราะงั้นเขาจึงไม่รู้วิธีรับมือ

“พวกนายกลับไปเถอะ ไม่มีผ้าคลุมดำที่นี่” เว่ยชางพูดแบบไม่ใส่ใจ

ชูหนานขยับไปขวางหน้าเว่ยชาง “ขอร้องเถอะ ให้พวกเราได้พบกับผ้าคลุมดำด้วย สามีของฉันกำลังจะตาย! เขาเพียงแค่ต้องการอยากจะพบกับผ้าคลุมดำก่อนที่จะตาย”

เว่ยชางมองไปยังเสี่ยวยี่ก่อนจะพบว่าสิ่งที่เธอคนนี้พูดนั้นมีเค้าลางว่าจะเป็นจริง เกรงว่าถ้าเกินคืนนี้ก็คงจะสายไปเสียด้วย

จะให้ผู้วิเศษแห่งความตายมาที่นี่งั้นเหรอ? ลิมมันไปซะ ถ้าโผล่มาตอนจะตายมีหวังได้ตายก่อนพูดจบแน่ๆ

อ้อ ลืมถามท่านผู้สูงส่งไปเสียสนิทเลย

ณ ตอนนั้นเอง เย่ฮั่วกำลังหลับนอนอยู่กับชิงหยา แต่แล้วจู่ๆเสียงข้อความก็ดังขึ้น

“ท่านผู้สูงส่ง เสี่ยวยี่อยู่ที่นี่”

“เสี่ยวยี่? ทำไมเจ้านั่นไม่ยอมฝึกฝนอยู่กับบ้านแล้วพวกมันจะมาทำซากอะไรที่นี่?”

“ไม่มั่นใจครับ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่น่าจะรอดผ่านคืนนี้ไปได้แน่ๆ”

เย่ฮั่วสงสัยจึงถามกลับ “ตายแล้วเหรอ?”

“ใกล้เคียงครับ ท่านผู้สูงส่ง เอายังไงดีครับ?”

เย่ฮั่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งจะจัดการคนจากฟากใต้กับฟากเหนือไปแท้ๆ ยังมีหมอนี่เข้ามาอีก…

“รักษาเขาซะ”

“ครับ!”

หลังจากนั้นเย่ฮั่วก็กลับไปนอนซบชิงหยาต่อ ช่างสบายแท้ ไม่ให้มาขัดความสบายนี้หรอก

เว่ยชางมองไปยังเสี่ยวยี่และชูหนานที่กองอยู่กับพื้นก่อนจะกำชับ “รอที่นี่” จากนั้นก็หันกลับเข้าไปด้านใน

ชูหนานนั้นรู้สึกมีความสุขมากๆ เธอยืนขึ้นและพยุงร่างของสามีเธอไว้ “เสี่ยวยี่ อดทนไว้ก่อนนะ!”

“แค่ก แค่ก! ชูหนาน…ตระกูลของเรา…ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว…ถ้าเธอเจอใครที่ดีกว่าฉัน…ก็ขอจงอย่าลังเล” เสี่ยวยี่พูดอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเขาดูเหมือนว่าไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่คอยสนับสนุนเขาแล้วล่ะก็ บางทีอาจจะกลายเป็นศพตากเกลือไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว

ชูหนานตะโกนเสียงค่อย “เสี่ยวยี่! พูดอะไรน่ะ! ชูหนานน่ะเป็นชีวิตของนายนะ! เพราะงั้นรุ่นต่อไปน่ะ ยังไงก็ต้องเป็นนาย!”

เสี่ยวยี่อ้าปากค้างเพื่อหายใจ แม้แต่ความแข็งแกร่งที่จะพูดก็เริ่มจะไม่มีแล้ว

ทันใดนั้น!

คลื่นน้ำสีดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง ซึ่งมันยากที่จะมองเห็นเพราะปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ จึงเห็นได้แค่เงาดำๆเท่านั้น

เสี่ยวยี่และชูหนานจ้องมองไปยังเงาดำนั้น ภาพตรงหน้ายังดูสดใสเสมอ เงาดำนี่ต้องเป็นเจ้าผ้าคลุมดำแน่ๆ!

เว่ยชางนั้นเหนื่อยมากๆแถมด้วยถังน้อยที่รอด้านนอกอีก คงต้องเร่งมือหน่อยแล้ว

“มีอะไร!” เว่ยชางถามหลังจากเปลี่ยนโทนเสียงแล้ว

เขามองเสี่ยวยี่ที่ดูจะตื่นเต้นมากๆ เขาถือกระเป๋ากีต้าร์เอาไว้ ทั่วทั้งร่างนั้นสั่นเทาอยู่บนพื้นและเปิดกระเป๋านั้นออก ดาบสีทองอร่ามนามว่า ซวนหยวน ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกๆคน

“ฉัน…ฉันขอมอบสิ่งนี้…ดาบ แล้วก็ชีวิตของฉัน…นายทำมันได้…” หลังจากพูดประโยคนี้จบ เขารับรู้เลยว่าแม้แต่หายใจยังยาก ทั่วทั้งร่างมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังเสียแล้ว

ชูหนานหลั่งน้ำตาราวกับสายฝนที่สาดเทลงมา เธอกอดร่างของสามีไว้และพูดกับเว่ยชาง “ถ้าชีวิตของเขาไม่พอล่ะก็ เอาของฉันไปด้วยก็ได้!”

อีก 10… 1วัน 1 คืนที่ไม่ได้นอน…ฉันกำลังจะตาย…ฉันอยากนอน… นี่คือสิ่งที่ฉันหวนหา…