ตอนที่ 794 งามล่มเมือง ProjectZyphon

อาจารย์?

หลินสวินอึ้งงัน อดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ บัดนั้นนัยน์ตาพลันหรี่ลง รู้สึกตื่นตกใจนัก

นั่นคือหญิงนางหนึ่งที่เรียกได้ว่างามล่มเมือง เรือนผมดำของนางปานน้ำตก ดวงหน้างามทรงเสน่ห์ คิ้วดำขลับดุจสีหมึก ดวงตาเรียวชี้ดั่งพญาหงส์เป็นประกายวาววับ รูปโฉมชวนพิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกไหวหวั่นอย่างหนึ่ง

นางแต่งกายเรียบง่ายนัก ปิ่นไม้หยาบเสื้อผ้าธรรมดา แต่งกายสมถะ ทว่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มสมบูรณ์ ผิวพรรณพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลาราวกับหยกมันแพะ แวววามสวยงาม

แม้นางจะเงียบๆ ทว่าทุกท่วงท่าอิริยาบถกลับมีมาดสง่างามและชวนมองประการหนึ่ง

อะไรที่เรียกว่างามล้ำไร้ที่เปรียบ

ก็นี่อย่างไรเล่า!

งามจนเป็นเหตุแห่งเภทภัย ทรงสง่าหาตัวจับยาก ทำให้ผู้คนนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว โลกปรากฏหญิงงาม ละโลกแลสันโดษ ผู้ซึ่งงามล่มเมือง ซ้ำงามล่มแคว้น!

แม้ว่าหลินสวินฝึกปราณมาจนป่านนี้จะพบเห็นสาวงามมาทุกรูปแบบ อีกทั้งแต่ละนางต่างมีความงามและทรงเสน่ห์แตกต่างกัน

ทว่าเวลานี้กลับยังไม่อาจไม่ตื่นตกใจ คิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย ว่าอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงถึงกับเป็นหญิงที่รูปโฉมไร้ที่เปรียบคนหนึ่งเช่นนี้

อีกทั้งหลินสวินสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในโรงเตี๊ยมแปลกประหลาดนัก สายตาของแขกละแวกใกล้เคียงต่างจับจ้องไปที่ร่างหญิงอรชรทรงเสน่ห์ผู้นั้นโดยพร้อมเพรียง สีหน้าท่าทางต่างทอแววหลงใหล และมีเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นเป็นระยะ…

แต่หญิงผู้นั้นกลับสีหน้าแน่วนิ่ง ยกถ้วยจิบชา ริมฝีปากแดงเอิบอิ่มสัมผัสกับถ้วยกระเบื้องมันวาวสีอ่อนแผ่วเบา เม้มปากเล็กน้อย เรียวฟันผุดเผยรางๆ ภาพนั้นถึงกับชวนพิศและน่าตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก

เสมือนไม่ว่าการเคลื่อนไหวจะธรรมดามากเพียงใด เมื่ออยู่บนร่างของหญิงนางนี้ ก็พาให้เกิดเสน่ห์และความงามสง่าเป็นพิเศษอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

หลินสวินไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าซย่าเสี่ยวฉงที่ใสซื่อไร้เดียงสาเช่นนี้ อาจารย์ของนางกลับเป็นถึงหญิงงามระดับล่มเมืองล่มแคว้นคนหนึ่ง

แตกต่างมากเกินไปแล้ว!

พลันเห็นฟางหลินหานที่แต่เดิมกำลังสนทนากับหลินสวิน เวลานี้ก็ยิ้มน้อยๆ ส่งสายตาเป็นนัยคลุมเครือมาให้หลินสวินพลางกล่าว “รู้สึกว่างามจนน่าตะลึงหาที่เปรียบไม่ได้ใช่หรือไม่”

หลินสวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยสุดซึ้ง

“ดูข้านะ”

ฟางหลินหานที่แต่เดิมยังคิดจะคุยอะไรบางอย่างกับหลินสวิน ทว่าเวลานี้กลับเปลี่ยนใจกะทันหัน จัดแจงเสื้อผ้าแล้วสาวเท้าเดินไปที่หน้าโต๊ะของหญิงผู้นั้น

เขาไม่เกรงใจอย่างยิ่ง นั่งลงข้างๆ ตามอำเภอใจ ดวงหน้าหล่อเหล่าและร้ายกาจปรากฏรอยยิ้มน่าหลงใหล กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ดื่มชาตามลำพังไม่น่าเบื่อเกินไปหรือ ไม่สู้ให้ข้าร่วมดื่มกับแม่นางสักหนว่าอย่างไร”

แววตาของเขาจริงใจยิ่ง ไม่มีแววลวนลามแต่อย่างใด ห้าวหาญและสุขุม ท่วงท่ามีภูมิ รับกับดวงหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนั้นของเขา มีคุณสมบัติให้ภาคภูมิโดยที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนใจร้ายปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยได้

หลินสวินมองจนปากอ้าตาค้าง ลอบนับถืออยู่ในใจ อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่า เจ้าคนบ้าระห่ำและดื้อด้านคนนี้ถึงกับไร้ยางอายได้ขนาดนี้!

ซย่าเสี่ยวฉงเองก็อึ้งงันไปเช่นกัน ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ นางลุ่มหลงในรูปโฉมของฟางหลินหานตลอดมา ทว่าตอนนี้เจ้าหมอนี่กลับถึงขั้นจะเรียกร้องความสนใจจากอาจารย์ของนาง!

สิ่งนี้ทำให้นางโกรธมาก ดวงหน้าน้อยไร้เดียงสาแต้มไปด้วยเดือดดาล พึมพำอย่างหัวเสียในใจ ฟางหลินหานหนอฟางหลินหาน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนพรรค์นี้เสียได้!

กลับเห็นอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงวางถ้วยชาลง เรียวปากแดงเรื่อปรากฏเส้นโค้งประหนึ่งยิ้มเยาะขึ้น ดวงตาเรียวชี้คู่นั้นปรายตามองฟางหลินหานแล้วกล่าวว่า “พ่อหนุ่ม แง่อายุ ข้าเป็นแม่เจ้าก็ยังเหลือเฟือ ในแง่รูปโฉม เจ้าหน้าขาวเช่นเจ้าข้าก็เห็นมามากแล้ว ในแง่ความแข็งแกร่ง ดูแล้วเจ้าก็ไม่เท่าไร แต่เจ้ากลับมีความกล้ามาเกี้ยวข้า ช่างบ้าตัณหา ไร้ซึ่งความกริ่งเกรงเสียจริง”

น้ำสียงของนางเจือแววแหบพร่า แผ่วต่ำและเกียจคร้าน ทั้งที่กำลังยิ้มเยาะและเอ่ยเตือนอยู่แท้ๆ แต่กลับเจือความไพเราะประหนึ่งดึงดูดวิญญาณประการหนึ่ง

หลินสวินลอบเหงื่อตก ถ้อยคำอาจารย์ของซย่าเสี่ยวฉงช่างตรงไปตรงมานัก เปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงยอมจำนนอย่างขายขี้หน้าตั้งนานแล้ว

แต่ฟางหลินหานดันไม่ไหวติง รอยยิ้มยังคงเปล่งประกายพาให้ผู้คนมัวเมา แววตามองไปยังหญิงผู้นั้นอย่างจริงใจ และกล่าวจริงจังว่า “ไม่มีอะไรเลย? ไม่สิ ข้ายังมีหัวใจรักหญิงงามหนึ่งเดียวที่ต่างจากผู้อื่น ไร้ซึ่งทัดเทียม ฟ้าดินมียอดหญิงงามมากมายไม่กล่าวถึง ในสายตาของข้า ท่านก็คือสุดยอดหญิงงามที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้า”

กล่าวถึงตอนสุดท้ายเสียงของเขายิ่งทุ้มต่ำและจริงจังมากขึ้น เจือแววสุจริตใจ “นับประสาอะไรกับในใจข้ารักความงามของท่าน เหตุใดปากต้องแสร้งว่าไม่ชมชอบด้วยเล่า”

‘อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ’ หลินสวินเบิกตากว้าง ‘ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง’

‘ชิ! หน็อยแน่เจ้าคนหน้าด้าน คิดไม่ถึงว่าเจ้าฟางหลินหานถึงกับเป็นคนพรรค์นี้!’

แขกบางส่วนบริเวณใกล้ๆ ลอบดูถูก ในใจกลับอิจฉาฟางหลินหานมากที่สามารถพูดคุยกับหญิงงามคนนั้นได้อย่างเปิดเผยและจริงใจเช่นนี้

ส่วนผู้ฝึกปราณบางคนที่อ้างตัวว่าเจนสนามรักก็ได้เปิดโลกทัศน์ ถูกวิธีการของฟางหลินหานกำราบโดยสิ้นเชิง อะไรที่เรียกว่ายอดฝีมือระดับเทพนักรัก ก็นี่อย่างไรเล่า!

คำพูดที่เสแสร้งหวานเลี่ยนปานใด ก็ยังถูกพูดออกมาด้วยเสียงจริงใจและเยือกเย็นได้ แต่ดันไม่ดูเสแสร้งแกล้งทำ มีรูปแบบเป็นของตัวเอง ทำให้ผู้คนต้องร้องอุทาน

กลับเห็นหญิงงามคนนั้นยิ้มน้อยๆ เรียวปากแดงเอิบอิ่มผุดเส้นโค้งสายหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อ้อ อย่างนั้นหรือ หัวใจของเจ้าข้ามองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าต้องควักออกมาให้ข้าดูหน่อยหรือ”

ในดวงตาเรียวชี้ที่คลื่นน้ำพราวระยับคู่นั้นของนางก็เปี่ยมแววจริงจังด้วยเช่นกัน ไม่เหมือนการล้อเล่น หมายความตามที่เอ่ย มีกลิ่นอายเหยียดหยามอยู่ในที

คล้ายกำลังบอกว่าลูกไม้เช่นนี้นางเห็นมามากแล้ว ถ้าเป็นแม่นางน้อยคงพอไหว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางกลับยังไม่เพียงพอ

ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้กระทบถึงฟางหลินหานแต่อย่างใด พลันเห็นเจ้าหมอนี่หัวเราะอย่างแจ่มใสกล่าวว่า “แม่นาง นี่คือเสียงหัวใจ ถ้าท่านยินดี ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน ให้ท่านได้ฟังชั่วชีวิต หากควักหัวใจออกมาคงเป็นฉากน่าขยะแขยงใหญ่หลวงแล้ว”

“เจ้าไม่กล้า?” หญิงผู้นั้นตรงไปตรงมายิ่งนัก

สีหน้าของฟางหลินหานไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวพลางยิ้มอย่างสุขุม “ไม่กล้า”

บัดนั้นผู้คนทั้งดูถูกและผิดหวัง ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะหน้าด้านแค่ไหน ท้ายที่สุดก็ยังปอดแหกอยู่ดี

อาจารย์ซย่าเสี่ยวฉงเองก็หัวเราะ “เจ้าหนูน้อย ฝีไม้ลายมือเจ้าตื้นเขินเกินไป คิดอยากเกี้ยวข้ายังละอ่อนเกินไป กลับไปฝึกฝนอีกหน่อยเถิด”

กลับเห็นฟางหลินหานทอดถอนใจกล่าว “แม่นางท่านเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าไม่กล้าเพียงเพราะเมื่อทำเช่นนี้แล้ว ข้ายังจะเอาอะไรไปรักท่านเล่า เมื่อนึกว่าหัวใจข้าไม่อยู่แล้ว คงสูญเสียความสามารถในการรักท่าน แม้จะมีชีวิตอยู่ มันจะต่างอะไรกับซากศพเดินได้กันเล่า”

กล่าวถึงตอนสุดท้ายเขาก็ทอดถอนใจอีกครั้ง เอ่ยพึมพำ “โลกใบนี้มีสิ่งใดได้ทั้งสอง ไม่เสียทั้งพุทธองค์ ไม่เสียทั้งนาง”

น้ำคำจริงใจ ท่าทางหว่านเสน่ห์หลงใหลลึกซึ้งเป็นที่สุด

พริบตานี้แม้แต่หลินสวินก็ยังเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง ไม่พูดถึงว่าความแข็งแกร่งของหมอนี่เป็นอย่างไร ลำพังแค่ความสามารถด้านไร้ยางอายอย่างที่สุด ก็ทำให้เขาเลื่อมใสจากใจจริงแล้ว ละอายแก่ใจที่ตนด้อยกว่า

“ฟางหลินหาน! เจ้ามันหน้าด้าน!”

ซย่าเสี่ยวฉงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตะโกนอย่างโกรธกรุ่นฉุนเฉียว จากนั้นก็หมุนกายเดินไปทางห้องชั้นสองด้วยความโมโห

ประโยคเดียวพลันทำลายบรรยากาศคลุมเครือที่สร้างขึ้นในตอนแรก ทำให้ฟางหลินหานมีท่าทางนิ่งงันไปเล็กน้อย รับมือไม่ทันอยู่บ้าง รีบร้อนยกชาขึ้นดื่มอย่างบ้าคลั่งเพื่อซุกซ่อนความอักอ่วน

หลินสวินเกือบส่งเสียงหัวเราะออกมา ซย่าเสี่ยวฉงไม่เสียแรงที่เป็นซย่าเสี่ยวฉง ประโยคเดียวกระจ้อยร้อย เรียบง่ายหยาบๆ ซัดโจมตีปางตาย สนกลเม็ดเคล็ดวิธีอะไรของท่านอยู่ไย ข้าจะทลายด้วยประโยคเดียว มีอานุภาพรุนแรงแห่ง ‘หนึ่งพลังพังสิบฝ่าย’!

“ดูเอาเถิด ศิษย์ผู้นี้ของข้าทำเอาเจ้าเสียอาการ ยังจะมาเกี้ยวข้า? พ่อหนุ่ม เจ้าออกจะมักใหญ่ใฝ่สูงไปหน่อยแล้ว”

อาจารย์ซย่าเสี่ยวฉงยิ้มบางๆ หยัดกายขึ้นอย่างนวยนาด เรือนร่างอรชรรูปโฉมชวนพิศ ย่างเท้าเดินตามซย่าเสี่ยวฉงออกไป

เพียงแต่ระหว่างทางนางเหลียวหลังมองมายังหลินสวิน ดวงตาพราวระยับงดงาม กล่าวเสียงเบา “ให้เจ้ารอตั้งหลายวัน คิดว่าคงรอจนร้อนรนแล้ว ข้าจะอยู่ในห้องรอเจ้า”

กล่าวจบพลันหมุนกายจากไป

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องแสนธรรมดายิ่งเรื่องหนึ่ง ทว่าเมื่อพูดออกจากเรียวปากเรื่อแดงของนางกลับเจือกลิ่นอายที่ดลให้จิตใจผู้คนไหวกระเพื่อม ทำให้ผู้คนคิดเตลิดเปิดเปิงไม่ขาดสาย

หลินสวินอึ้งงัน ตระหนักได้อย่างว่องไวว่าสีหน้าของผู้ฝึกปราณทั้งหมดในละแวกใกล้เคียงเปลี่ยนเป็นคลุมเครือขึ้นมา สายตาที่มองมาทางเขาเจือแวววาววับแห่งความประหลาดใจ อิจฉา ริษยา

ส่วนฟางหลินหานกลับมีท่าทางเหมือนได้รู้จักหลินสวินใหม่ จดจ้องมองสำรวจอย่างจริงจังอยู่เป็นนาน คราวนี้จึงถอนหายใจกล่าวด้วยความจริงใจว่า “น้องหลิน เมื่อครู่พี่ใหญ่ทำเรื่องขายหน้า ทำให้เจ้าชมเรื่องตลกเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าต่างหากที่เป็นมือฉมังสนามรักที่คมในฝักที่สุด พี่ชายอย่างข้าทั้งละอายทั้งเลื่อมใสแล้วจริงๆ อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”

มุมปากของหลินสวินกระตุกน้อยๆ อย่างยากสังเกตเห็น เห็นได้ชัดว่าเจ้าสารเลวคนนี้คิดมาก ซ้ำยังเกิดความเข้าใจผิดต่อตนแล้ว!

เพียงแต่ไม่รอหลินสวินอธิบาย ฟางหลินหานก็ตบบ่าเขาเบาๆ กล่าวทอดถอนใจว่า “ไม่ต้องอธิบาย พี่ใหญ่อย่างข้าเข้าใจทั้งหมด บุปผาเบ่งบานถึงเพลาย่อมควรเด็ดดอม ไปเถิด อย่าปล่อยให้สาวงามรอนาน ประเดี๋ยวจะเสียช่วงเวลาดีงามแสนยิ่งใหญ่นี้”

หลินสวินมองท่าทางเปลี่ยวเปล่าเศร้าโศกของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกอยากซัดคนขึ้นมาอย่างแรงกล้า เจ้าหมอนี่คิดไปถึงไหนแล้ว

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ตัดสินใจไม่สนใจเจ้าสารเลวคนนี้ ก่อนหมุนกายจากไป

กลับได้ยินฟางหลินหานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทอดถอนใจปลงอนิจจัง “ไม่ว่าการเกิดการตายและความไม่เที่ยง จมลึกในสิเน่หาเกินไปทำลายหนทางแห่งมรรค ฉลาดล้ำจำอวดใช้ผิดทาง เฮ้อ ข้ามัวแต่งุนงงหลงทางได้อย่างไร…”

ฝีเท้าหลินสวินโงนเงนเกือบหัวทิ่ม ข่มกลั้นแรงปรารถนาในการเหลียวหลังมอง เป็นห่วงว่าครั้นตนมองเหลียวหลังไป อาจจะอดไม่ไหวฆ่าเจ้าสารเลวจอมเสแสร้งเป็นที่สุดคนนี้

และยามที่เงาหลังของหลินสวินหายเข้าไปในห้อง ผู้ฝึกปราณในโรงเตี๊ยมพลันเหยียดกายลุกขึ้น ปรบมือกล่าวชื่นชม “วันนี้ข้าเพิ่งรู้ว่าอะไรคือเทพนักรัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โอบหญิงงามกลับเสียแล้ว สิ้นเรื่องก็สลัดอาภรณ์จากไป ชื่อเสียงความสำเร็จซ่อนไว้อย่างลุ่มลึก ประหนึ่งลมวสันต์ผันผ่านสู่ราตรี ยังความชุ่มชื้นแก่สรรพสิ่งโดยไร้สำเนียง”

ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างเห็นด้วยสุดซึ้ง

หญิงงามเลิศล้ำไร้ที่เปรียบประหนึ่งล่มเมืองล่มแคว้นคนหนึ่ง กลับถูกเด็กหนุ่มเชื้อเชิญเข้าห้องโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง สิ่งนี้ยากทำให้ผู้คนไม่คิดชื่นชม

และเมื่อเปรียบเทียบกัน พฤติกรรมเจ้าชู้ของฟางหลินหานเมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดว่าพยายามและเสเสร้ง ร่องรอยชัดเจนเกินไป จึงตกสู่สภาพเป็นรอง

อะไรที่เรียกว่ามือฉมังนักรัก ก็นี่อย่างไรเล่า!

……

หลินสวินเดินเข้าห้อง ก็เห็นหญิงผู้นั้นนั่งอยู่หน้าโต๊ะอย่างเกียจคร้าน แขนดั่งรากบัวหิมะข้างหนึ่งเท้าใบหน้าเอาไว้ ดวงตาเรียวชี้ที่สว่างพราวและงามวิไลมองสำรวจเขา กล่าวรำพึงรำพัน “ให้ข้าเดา พ่อหนุ่ม เกรงว่าเจ้าคงเป็นเด็กอ่อนหัดในสนามรักคนหนึ่ง ไม่เคยลุ่มหลงรักใครอย่างแท้จริง”

ประโยคเดียวก็เปิดโปงรายละเอียดของหลินสวินเสียแล้ว นี่ถ้าหากผู้ฝึกปราณในโรงเตี๊ยมเหล่านั้นได้ยินเข้า กลัวว่าคงไม่พ้นต้องหลั่งน้ำตานองหน้าเป็นแน่

บุคคลระดับเทพนักรักที่ได้รับการเทิดทูนบูชาจากพวกเขา ไฉนจึงเป็นแค่เด็กอ่อนหัดคนหนึ่ง

ช่างทำให้มุมมองของผู้คนพังทลายเกินไปแล้ว!

หลินสวินรู้สึกอักอ่วนระลอกหนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาถูกฟางหลินหานเข้าใจผิดจนคิดอยากฆ่าคน แต่ตอนนี้ถูกหญิงผู้นี้เปิดโปงตื้นลึกหนาบางซึ่งๆ หน้า จึงชักเริ่มปั้นหน้าไม่ไหว นึกอยากพุ่งชนประตูออกไปอีกครั้ง

หญิงงามเป็นเหตุแห่งเภทภัย งามล่มแคว้นล่มแดนจริงๆ ด้วย!

เพราะผู้หญิงคนนี้ ฟางหลินหานเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน แลดูตกประหม่า และก็เพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้ตนตกที่นั่งลำบาก!

——