ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 538 ใจเย็นอย่าหงุดหงิด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ไม่ใช่แค่เขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิตเท่านั้น ในตอนนี้ยอดฝีมือระดับสูงจากสำนักอื่นต่างก็มองไปที่เฉินอิ๋ง

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงพลังอำนาจออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่ครั้นถูกยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์จำนวนมากมองเช่นนี้ แรงกกดดันที่เกิดขึ้นก็มากพอจะทำให้จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ผู้หนึ่งต้องกลั้นหายใจ

เฉินอิ๋งในตอนนี้เหมือนเรือแจวที่อยู่ท่ามกลางห่าฝนพายุคลั่ง ดูบอบบางเป็นอย่างยิ่ง

ริมฝีปากของนางสั่นไหว เงยหน้ามองรอบๆ สิ่งที่เห็นคือสายตาที่เป็นห่วงและกระวนกระวายของผู้อาวุโสในสำนัก

ไม่รอนางตอบ ครั้งนี้สวีเฟยพลันส่งเสียงถามขึ้น “ขอถามว่าแม่นางเฉิน ตอนนี้ร่างกายยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่”

อาจารย์ของเฉินอิ๋งถามขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร?”

สวีเฟยกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าไม่คิดจะล่วงเกินศิษย์ของท่าน เพียงแต่จอมยุทธ์อย่างข้าปรับลมปราณหยินหยางให้สมดุลกัน สตรียังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ ผ่านเรื่องราวชายหญิงมาหรือไม่ ล้วนมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเส้นลมปราณหยินหยางในร่าง อีกทั้งผลกระทบยังไม่อาจทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้”

คนในสำนักมังกรโลหิตจิตใจสั่นสะท้านพร้อมกัน รู้ว่าสวีเฟยคิดพูดอะไร

เขามองสือจวิน จากนั้นก็มองเฉินอิ๋ง “ถ้าหากศิษย์ข้าเป็นคนที่กระทำเรื่องชั่วร้าย ลักพาตัวและสังหารคนเพื่อเรื่องชู้สาว ทั้งสองคนหายไปด้วยกันนานถึงเพียงนี้ มีเวลามากพอให้ทำเรื่องมากมาย”

“แต่ตามที่ข้าสังเกตดูจากภายนอก แม่นางเฉินยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ แน่นอนว่าการมองของข้าอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ขอแค่ดูการเคลื่อนไหวของเส้นลมปราณในร่างก็ใช้ได้แล้ว”

สวีเฟยกับเฉินอิ๋งมีพลังฝึกปรือห่างกันเกินไป ถ้าหากเขาต้องการ ทิศทางการเคลื่อนไหวของเส้นลมปราณ และการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยางในร่างนี้ เขาแค่มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้ว

แต่ว่าสวีเฟยมิได้ทำ เพียงกวาดมองรอบๆ “ยอดฝีมือผู้สูงส่งจากแต่ละสำนักที่อยู่รอบๆ มีสตรีอยู่ด้วย สามารถขอให้พวกนางช่วยตรวจสอบ เช่นนี้จะยุติธรรมมากกว่า”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง ครั้งนี้ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงมองคนของสำนักมังกรโลหิต ‘อย่าเล่นตุกติก ทุกคนกำลังมองอยู่’

คนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าเฉินอิ๋งใช้ปราณจิตราญาณจริงแท้ของตนใส่เข้าไปในร่างของนาง สามารถเปลี่ยนแปลงความสมดุลในการไหลเวียงระหว่างลมปราณหยินหยางในร่างได้ชั่วคราว

แต่ว่าเพราะเหนียนเชินไม่อยู่ จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตที่อยู่รอบๆ จึงไม่มีใครมีความสามารถปิดบังหูตาของคนจำนวนมาก

อาจารย์ของเฉินอิ๋งขมวดคิ้ว ความจริงแล้วเมื่อเฉินอิ๋งกลับมาข้างกาย นางก็ได้ตรวจสอบคร่าวๆ แล้ว ยืนยันว่าศิษย์ของนางยังคงบริสุทธิ์

นางระบายลมหายใจเงียบๆ ในตอนนี้กลับเป็นเพราะคำพูดของสวีเฟย จิตใจจึงตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

สวีเฟยเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่ถูกพวกท่านตามล่าจนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน หากศิษย์ข้าเป็นคนโหดร้ายจริงๆ ลักพาคนคิดประพฤติชั่ว ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ ยิ่งสะกิดความดุร้ายขึ้นมาโดยง่าย”

เขามองสือจวิน “อีกฝ่ายไล่ตามเจ้าจนไม่ได้พักหายใจใช่หรือไม่”

“ก่อนไปถึงมิติต่างแดนมิได้ตึงเครียดมาก เพียงคิดหาเส้นทางออกจากทะเลตาข่ายดาวโดยเร็ว พอไปถึงใกล้มิติต่างแดน จึงถูกคนของสำนักมังกรโลหิตพบโดยไม่ทันระวัง” สือจวินตอบ

สวีเฟยมองรอบๆ “ดังนั้น หากคิดจะทำอะไรจริงๆ สิ่งที่มีคือโอกาสและเวลา”

คนของสำนักใหญ่ต่างกวาดสายตามองเฉินอิ๋ง

คนในสำนักมังกรโลหิตคิดห้ามปราม แต่ไม่มีอำนาจพอ มีคนคิดลงมือแต่ถูกคนจับตามอง จนไม่อาจลงมือได้

หลังจากทุกคนมองเสร็จ คนของวังผลึกวารีก็พูดขึ้นก่อน “ยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ”

คนของสำนักคืนวิญญาณพยักหน้าตาม

คนของบึงหมื่นกระบี่ สำนักพายุโหม และเกาะจิตประสานมองหน้ากันเอง ไม่ได้พูดอะไร

ครั้งนี้ ผู้อาวุโสของสำนักมังกรโลหิตคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “บางทีโจรน้อยผู้นี้ตั้งใจแต่ทำไม่ได้มากกว่ากระมัง?”

ทุกคนงงงัน ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตคนนั้นกล่าวต่อ “ในจักรวาลเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับมากมาย ข้าเคยได้ยินมาว่า มีตัวตนที่ไม่อาจพูดภาษาคนแต่ดุร้ายเป็นพิเศษ ชอบเด็ดบุปผาอย่างอำมหิต”

รอบๆ สงบลงเล็กน้อย ทุกคนมองสือจวินกับเฉินอิ๋งที่อยู่ตรงกลาง ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

ตอนนี้ในใจของทุกคนเกิดข้อสงสัยมากมาย ไม่ได้มั่นใจว่าสือจวินกระทำการชั่วร้ายเช่นก่อนหน้านี้

แต่ว่าความเหลวไหลในคำพูดของผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตผู้นี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีหลักฐานโดยสิ้นเชิง

สถานการณ์ดูประดักประเดิดเล็กน้อย เฉินอิ๋งยังบริสุทธิ์หรือไม่ ไม่อาจดูจากการเปลี่ยนแปลงของเส้นลมปราณในร่างได้

แต่ว่าสือจวินเป็นอย่างไรบอกได้ยากมาก ให้เขาพูดเอง เขาก็ไม่อาจยืนยันได้โดยการหาสตรีที่อยู่รอบๆ มาทำเรื่องเชิงชู้สาวกระมัง?

ใบหน้าของสือจวินปรากฎความโกรธ สวีเฟยกดไหล่เขาเอาไว้ หันไปมองสำนักมังกรโลหิต

ผุ้อาวุโสเขาหงส์วิเศษคนหนึ่งแค่นหัวเราะ “เฒ่าหวังเล่อ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเจ้าพูดภาษาคนไม่ได้ เจ้าจะว่าอย่างไร?”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิต หวังเล่อไม่โกรธ “ข้าอายุปูนนี้ ตั้งใจเร้นกายฝึกฝน เฉยชาต่อเรื่องชายหญิง”

เขากลับไม่ได้พูดต่อ แต่เปลี่ยนหัวข้อกล่าวว่า “เฉินอิ๋งยังคงบริสุทธิ์ มิได้ถูกโจรน้อยผู้นั้นทำให้แปดเปื้อน ข้าย่อมดีใจ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าโจรน้อยนั่นลักพาอิ๋งเอ๋อร์ไปโดยที่ไม่ได้คิดทำมิดีมิร้าย”

หวังเล่อชี้สือจวิน “กลับเป็นเขา ใส่ร้ายว่าเหนียนเหว่ยซึ่งเป็นลูกศิษย์ของสำนักทำให้เฉินอิ๋งแปดเปื้อน เป็นคำพูดโกหกทั้งเพ”

“เหนียนเหว่ยกับเฉินอิ๋งหมั้นหมายกันแล้ว เพียงแต่ทั้งสองคนรักษาจริยธรรม ขณะเดียวกันคนที่เป็นผู้อาวุโสอย่างพวกเราก็กลัวว่าพวกเขาจะมีพลังฝึกปรือไม่มั่นคง อีกทั้งคนหนุ่มสาวยังมีการควบคุมตัวเองไม่มากพอ หากทำเรื่องชายหญิงมากไปจะทำลายรากฐาน ดังนั้นจึงไม่ได้ข้ามเขตแดนนั้นไป”

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวังเล่อ คนผู้นี้นำหัวข้อสำคัญที่เป็นปัญหากลับมาแล้ว

เขากำลังพิสูจน์ว่าเหนียนเหว่ยไม่ผิด ด้วยเหตุนี้ ปัญหาย่อมตกอยู่ที่ตัวสือจวิน

อย่างไรก็ตาม สือจวินสังหารคนของสำนักมังกรโลหิตไปหลายคน แค้นนี้ยากจะชำระ ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องสู้กัน

ส่วนสือจวินมีความผิดอะไรนั้น ค่อยหาข้ออ้างว่าไปก่อน สุดท้ายความผิดพลาดจะอยู่ที่ตัวเด็กหนุ่ม สำนักมังกรโลหิตจะกลายเป็นฝ่ายมีเหตุผล

ด้วยเหตุนี้ก็สามารถสืบสวนเรื่องที่สือจวินสังหารพวกเหนียนเหว่ยได้อย่างเปิดเผยแล้ว

สิ่งที่สำนักมังกรโลหิตต้องการแย่งชิงในตอนนี้ คือการปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง และยืนกรานกับห้าสำนักในบรรดาเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะที่เหลือ

ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากบึงหมื่นกระบี่ ยามนี้มองเฉินอิ๋งพลางถามเสียงอ่อนโยน “วันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลานเฉินบอกเล่าได้หรือไม่ ข้ารู้ว่าสำหรับเด็กสาวคนหนึ่งอาจมีเรื่องที่ยากจะเอ่ยปาก แต่ข้าเชื่อว่าธิดาของเจ้าสำนักเฉินเป็นคนมีความรับผิดชอบ”

“เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงคดีหนึ่ง ในจำนวนนี้มีฝ่ายหนึ่งตายไป สุดท้ายแล้วต้องมีการตัดสินชี้ขาด”

คนของเขาหงส์วิเศษมองผู้อาวุโสบึงหมื่นกระบี่ ต่างแค่นเสียงในใจ ‘เหอะ ถือหางกันได้ประเสริฐนัก…’

ชั่วขณะนั้น สายตาของทุกคนรวมกันบนร่างของเฉินอิ๋งอีกครั้ง

เฉินอิ๋งสีหน้าซีดขาวถึงขีดสุด มองไปยังสือจวิน

สือจวินสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง พลันรู้สึกหนักใจ

จากนั้นก็ได้ยินเฉินอิ๋งลดเสียงกล่าวว่า “ศิษย์พี่เหนียนมิได้รังแกข้า…”

ความโกรธของสือจวินพวยพุ่ง เขาต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเฉินอิ๋งกลับพูดอะไรไม่ออก

ครั้งนี้เขารู้สึกได้ว่ามีมือหนึ่งกดไหล่เขาไว้ ครั้นหันไปมอง ก็พบว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ

“ใจเย็นๆ ก่อน” ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับไม่คิดว่าสถานการณ์ตรงหน้าเหนือความคาดหมาย

ขณะเดียวกัน ฟากฟ้าที่อยู่ห่างออกไปก็เกิดการสั่นสะเทือน มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายแล้วสายเล่าลอยมาจากทิศทางของทะเลตาข่ายดาว คนที่นำหน้าเหมือนกับมังกรร้ายออกจากทะเลก็ไม่ปาน

อีกฝ่ายมาถึงเกาะน้อยอย่างรวดเร็ว ปรากฏร่างออกมา เป็นพวกเหนียนเหว่ยกับเฉินซื่อเฉิง ยอดฝีมือของสำนักมังกรโลหิต