ตอนที่ 1733 แวะนอกเส้นทาง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หยูจิงนั้นเป็นหญิงสาว และยังนับได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งเลยด้วย

สาวงามนั้นย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายของตัวเองอาบไปด้วยกลิ่นยาเหม็นสาบ

ทาแป้งกลิ่นและน้ำหอมทับ มันจึงช่วยลดให้กลิ่นยาสมุนไพรต่างๆ บนร่างนางนั้นเบาบางลงได้อย่างมาก

แต่ถึงจะเบาบางแค่ไหนเย่หยวนก็ยังใช้การดมแค่ครั้งเดียวแยกออกมาได้มากมายขนาดนั้น ความสามารถนี้มันจึงน่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด

“ไม่นึกเลยว่าน้องเย่จะปิดปังความสามารถไว้มากขนาดนี้!” ด้วนเผิงมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นเต้นอย่างล้นใบหน้า

เพราะการมียอดนักหลอมโอสถเช่นนี้อยู่ด้วย มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะตื่นเต้นดีใจ!

เพราะกลุ่มนักล่าที่มีเทพโอสถอยู่ด้วยนั้นมันจะเกิดการสูญเสียได้น้อยมาก

เพียงแค่ว่าเหล่าเทพโอสถนั้นมีราคาที่แพงมาก มากจนคนทั่วๆ ไปไม่มีปัญญาจ้างมาด้วย

เย่หยวนหันไปบอกหยูจิง “แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงนั้นเป็นแมลงหายากที่หาในโลกภายนอกไม่มีทางเจอ พิษชนิดนี้เองก็เป็นสิ่งที่ยุ่งยากพอๆ กับตัวเจ้าของพิษมัน มันผสานไปด้วยธาตุไฟและน้ำแข็ง สองธาตุนี้เข้าไปป่วนร่างกายทำให้หยินหยางเสียสมดุล มันเป็นพิษที่ทรมานร่างกายของนักยุทธอย่างมากชนิดหนึ่ง”

หยูจิงพยักหน้ารับ “ใช่ๆๆ ใช่เลย! เย่หยวน เจ้ารู้…รู้วิธีรักษาหรือ?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “พิษนี้มันรุนแรงจริงๆ ตอนนี้ข้าเองก็ยังทำอะไรกับมันไม่ได้”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาหยูจิงก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างไม่ปิดบัง

แต่ที่ด้านข้างลัวยองกลับหัวเราะขึ้นลั่น “ฮ่าๆ เจ้าพูดมาเกือบครึ่งวันแต่ที่แท้ก็ไม่มีปัญญาทำอะไร! ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเก่งเสียแค่ไหน ใครจะไปรู้ว่าพูดมาตั้งแต่มากมายสุดท้ายมันก็ไม่ต่างกับผายลม!”

เย่หยวนไม่คิดที่จะหันไปสนใจอะไรเขาและหันกลับไปบอกหยูจิง “พี่จิง สถานที่ๆ น้องชายท่านถูกแมลงนี้กัดเป็นที่ใดท่านพอจะรู้หรือไม่?”

หยูจิงส่ายหัวออกมา “พวกเขาถูกไล่ล่าด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจนหนีหัวซุกหัวซุนไม่รู้ทิศเหนือใต้ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองไปโดนกัดเข้าที่ใด”

เมื่อลัวยองได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาอีก

เท่านี้มันก็ไม่มีร่องรอยใดๆ แล้วใช่ไหม?

เย่หยวนไม่รู้สึกอะไรและถามขึ้นมาอีก “งั้น…พวกท่านทั้งหลายคุ้นชินกับเทือกเขาเทพอสูรนี้ดี พวกท่านพอจะรู้จักสถานที่มืดๆ ที่มันอับชื้นหน่อย เต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ แต่ก็ยังเป็นที่ๆ ไฟความร้อนจากแผ่นดินแสนรุนแรงไหม?”

หยูจิงส่ายหัวออกมาทันที แต่ด้วนเผิงกลับบอก “หากเป็นที่เช่นนั้นข้าพอรู้จักอยู่ที่หนึ่ง”

เมื่อทุกคนได้ยินพวกเขาก็หันไปหาด้วนเผิงก่อนจะได้ยินคำว่า “หุบร้ายวารี!”

คนอื่นๆ ยังอยู่นิ่งแต่เป็นลัวยองที่หน้าเปลี่ยนสีและพูดขึ้นมาก่อนใครๆ “หุบร้ายวารีในตำนานที่ว่ากันว่าไม่มีใครกลับมาได้?”

ด้วนเผิงบอก “ใช่แล้ว!”

เย่หยวนพยักหน้าและบอก “นั่นแหละ! ลองไปดูที่นั่นกันหน่อย!”

คำพูดของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนนิ่งงันไปทันที

ด้วนเผิงนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะบอกให้ออกเดินทางไปยังที่แห่งนั้นในทันที จึงได้กล่าวขึ้น “น้องเย่จะดูถูกเรื่องราวในโลกหล้าไปหน่อยไหม? การเดินทางครั้งนี้ของเราในเทือกเขาเทพอสูรนั้นมีเป้าหมายอื่นอยู่แล้ว การอ้อมไปแวะที่หุบร้ายวารีนั้นมันคงไม่เหมาะหรอกใช่หรือไม่? ที่สำคัญหุบร้ายวารีนั้นยังเป็นสถานที่แสนอันตราย มีแมลงพิษร้ายมากมายหลบซ่อนอยู่ภายใน พลาดทีเดียวคงได้ถึงชีวิตเป็นแน่”

ลัวยองเองก็เย้ยขึ้นมาตาม “เด็กน้อย กลุ่มของเรานั้นถูกหัวหน้าด้วนจ้างมา ทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าเล่า?”

เมื่อหยูจิงได้ยินคำของเย่หยวนนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจทันที

แต่เย่หยวนกลับตอบไป “เย่ผู้นี้เป็นนักหลอมโอสถ ในสายตาของข้าแล้วมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยชีวิตผู้คน นอกจากนั้น…หากให้พูดถึงอันตรายแล้ว เป้าหมายที่เราจะไปกันครานี้มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าหุบร้ายวารีใช่ไหมล่ะ?”

นั่นทำให้ใบหน้าของด้วนเผิงถอดสีทันทีและเงียบปากลง

ลัวยองเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปเช่นกันก่อนจะถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เย่หยวนยิ้มตอบไป “เปล่าหรอก หัวหน้าด้วนบอกเราว่าคราก่อนที่เขาเข้ามาในเทือกเขาเทพอสูรนี้เขาได้ไปเจอสถานที่หนึ่งที่มันมีผลภูติดินปีกเงินขึ้น แต่เขาคงไม่ได้บอกพวกเจ้าใช่หรือไม่ว่าผลภูติดินปีกเงินจะมีวานรอสูรตาม่วง สัตว์อสูรที่แสนทรงพลังขนาดนี้ปกปักอยู่ แต่ยังไม่เท่านั้นเพราะในพื้นที่นี้มันคงจะมีดอกเครือเขียวตาข่ายหยกขึ้นอยู่ด้วยแน่นอน และดอกเครือเขียวตาข่ายหยกนี้ก็จะมีค้างคาวพิษรัตติกาลปกปัก หากให้นับรวมๆ แล้วมันคงไม่ได้ดีไปกว่าหุบร้ายวารีหรอกใช่ไหมล่ะ?”

คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนสั่นสะท้านขึ้นทันที

วานรอสูรตาม่วงนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับสี่อันทรงพลัง ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ

ค้างคาวพิษรัตติกาลเองก็เป็นสัตว์อสูรที่แค่ได้ยินชื่อผู้คนก็ต้องหน้าถอดสี ที่สำคัญคือพวกมันมักอยู่กันเป็นฝูง ทางที่ดีคืออย่าไปยุ่ง

สุดท้ายแล้วนักยุทธก็ไม่ใช่เทพโอสถ พวกเขาจะไปรู้ถึงแหล่งที่อยู่ของสมุนไพรต่างๆ ได้อย่างไร?

ผลภูติดินปีกเงินนั้นเป็นสมุนไพรระดับสี่หายากที่หากได้รับมันมาแล้วคงขายได้ในราคาที่สูงลิ่ว

แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่ามันจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่

ใครจะไปรู้ว่าสถานที่แห่งนั้นมันจะอันตรายได้ขนาดนี้!

“ด้วนเผิง เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?” ลัวยองหันไปถามอย่างไม่พอใจ

ด้วนเผิงเองก็มีท่าทางตอบไม่ถูก เพราะสิ่งที่เย่หยวนพูดบอกมา ตัวเขานั้นไม่รู้จริงๆ

ตอนนั้นเขาเห็นแค่วานรอสูรตาม่วงและรีบหนีออกมาอย่างไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นใดเลย

“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าสถานที่แห่งนั้นมันจะอันตรายปานนี้!” ด้วนเผิงบอก

ลัวยองจึงตอบกลับมาอย่างเย็นชา “เจ้าไปมาแล้วมีหรือที่จะยังไม่รู้? ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังจะคิดว่าพวกเราโง่นักอีกหรือ? พ่อเจ้าไม่ไปด้วยแล้ว!”

เย่หยวนพูดแทรกขึ้น “ข้าว่าหัวหน้าด้วนอาจจะไม่รู้จริงๆ ก็ได้ ผลภูติดินปีกเงินนั้นชอบตะวัน มันคงขึ้นอยู่ที่ปากถ้ำ ส่วนดอกเครือเขียวตาข่ายหยกเป็นพืชธาตุหยินมันคงขึ้นอยู่ลึกในถ้ำ แต่หากเราไปทำให้วานรอสูรตาม่วงรู้ตัวแล้วพวกค้างคาวพิษรัตติกาลเองก็น่าจะตามออกมา”

ทำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้ทุกผู้คนรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

หากพวกเขาเดินทางต่อไปทั้งๆ อย่างนี้ หากโดนค้างคาวพิษรัตติกาลล้อมเข้าแล้วมันก็คงจบสิ้นกันอย่างไม่มีทางออก

ลัวยองหันไปด่ากราด “เจ้ารู้ก่อนแล้วเหตุจึงไม่บอก? นี่เจ้าแอบแฝงความคิดชั่วร้ายไว้ใช่ไหม!”

เย่หยวนเหลือบหางตาไปมอง “หากข้าบอกก่อนหน้านี้ เจ้าจะเชื่อ?”

เมื่อทุกคนได้ยินพวกเขาก็แทบจะสำลักออกมา เพราะหากเย่หยวนไม่ได้แสดงฝีมือด้านโอสถออกมาเช่นนี้พวกเข้าทั้งหลายย่อมไม่มีทางเชื่อแน่ๆ

เพราะแค่ราชันพระเจ้าสามดาวมันไม่มากพอจะเชื่อได้

ลัวยองทำหน้าเหยเกและตอบกลับมา “ไม่รู้ พ่อเจ้าไม่ไปด้วยแล้ว! แม้ว่าสมบัติมันจะราคาดีแค่ไหนแต่หากต้องเสียชีวิตไปแลกกับมัน พ่อเจ้าก็ไม่มีทางเอาชีวิตไปทิ้งแน่ๆ!”

พูดจบเขาก็หันหน้าจะเดินกลับจริงๆ

หัวหน้าด้วนไม่คิดจะยอมและพยายามห้ามลัวยอง “อย่าเพิ่งไป หากเราได้ผลภูติดินปีกเงินมาจริงๆ เราสองคนจะแบ่งกันหกส่วน คนอื่นๆ แบ่งกันสี่ส่วน! ตราบเท่าที่แผนเรารัดกุมพอเราก็ยังมีโอกาสที่จะเก็บมันมาได้!”

นั่นทำให้ลัวยองยิ้มมุมปากขึ้นทันที เป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นเพราะแผนร้ายของตัวเองสำเร็จผล

จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดจะกลับ แต่เขาแค่อยากจะให้หัวหน้าด้วนเพิ่มส่วนแบ่งสมบัติให้เท่านั้น

แม้ว่าพลังฝีมือของตัวเขาจะด้อยกว่าหัวหน้าด้วน แต่ตัวเขาเองก็เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวตัวจริงเสียจริง

ในที่นี้จะขาดใครไปก็ได้ แต่จะขาดเขาไปไม่ได้

ลัวยองนั้นหลุดลงตามที่หัวหน้าด้วนบอกจริงๆ “นี่เจ้าพูดเองนะ!”

ด้วนเผิงนั้นกำลังจะตอบกลับไป แต่เย่หยวนกลับแทรกขึ้นมาก่อน “งั้นเจ้าก็ไปเถอะ ข้านั้นไม่เพียงมีแผนที่จะเก็บผลภูติดินปีกเงิน แต่ยังมีแผนที่จะเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยกมาได้ด้วย! ที่สำคัญกว่านั้นหากพวกท่านยอมไปที่หุบร้ายวารีกับข้า พี่จิงและข้าจะไม่ขอรับส่วนแบ่งใดๆ ทั้งสิ้นเลย ทั้งผลภูติดินปีกเงินและดอกเครือเขียวตาข่ายหยกล้วนแล้วแต่จะยกให้พวกท่านนำไปแบ่งกันเองได้เลย!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันควัน

ด้วนเผิงกล่าวออกมาอย่างยินดี “นี่เรื่องจริง?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ตอนที่ท่านบอกข้าว่าเราจะออกมาเก็บผลภูติดินปีกเงินกัน ข้าก็ได้เตรียมการต่างๆ ไว้ตั้งแต่ในเมืองแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ย่อมไม่มีปัญหา”

ลัวยองได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าที่จะเดินกลับไป

อึดอัดเสียจริง!

………………………….