บทที่ 195 ชิงบาร์!

อาหลี่สัมผัสไปที่ท้องของตัวเอง จริงๆก็หิวนั่นแหละ…

“อาหลี่ยังไม่หิวค่ะ” ตงฮวงหลี่พูดด้วยเสียงหวานและเขยิบตัวเข้าไปใกล้กองไฟ

หลายวันมานี้สองพี่น้องผมแดงผมเขียวเรียนรู้นิสัยของอาหลี่มามากพอสมควร มากขนาดที่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างแถมยังคอยดูแลอีกด้วย

อาหลี่ลุกขึ้นจากจุดที่นั่งอยู่ก่อนจะเดินไปหาพี่ใหญ่ จากนั้นก็นั่งลงไปข้างๆเขาและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุงผมเขียว วันนี้ลุงขับมอเตอร์ไซค์มาทั้งวันเพราะงั้นอาหลี่นวดไหล่ให้นะ”

“ขอบคุณมากเลยอาหลี่ แต่ว่าลุงไม่เหนื่อยหรอก ทำด้วยใจล้วนๆ ฮี่ๆ” พี่ใหญ่ผมเขียวจริงๆแล้วก็เจ็บหัวไหล่ไม่น้อยแหละ เหมือนว่ามันจะเคล็ดด้วยหล่ะมั้ง

อย่างไรก็ตามอาหลี่ก็ยังนวดไหล่ให้พี่ใหญ่ผมเขียวอยู่ดี

น้องเล็กอย่างผมแดงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธนิดๆ “พี่ใหญ่ คนในตระกูลเนี่ยก็เหลืออดเหลือทนจริงๆนะ เขาแจ้งความจับพวกเรา แถมยังบอกว่าเราขโมยไก่จากหมู่บ้านข้างๆเมื่อปีก่อนอีก!”

“เฮ้ ฉันรู้น่าว้าเราไม่ผิด เพราะงั้นถึงได้ออกมาจากตระกูลไง” ผมเขียวหยิบบุหรี่มาจุดสูบ

“แจ๋วไปเลย! ถ้างั้นเรามาตั้งตระกูลใหม่เป็นไง? ชื่อตระกูลเป็นอะไรดี?” ผู้เป็นน้องนั้นดูตื่นเต้นเอาเสียมากๆ

ผมเขียวพ่นควันออกมาก่อนจะพูดแบบเรื่อยเปื่อย “ฝังมันไปเถอะ ตระกูลอะไรนั่น”

“อื้อหือ! เป็นชื่อที่ดีมากๆเลย! ลึกล้ำ อาร์ตแตก โคตรสร้างสรรค์!”

“อาหลี่ก็จะร่วมด้วยนะ!” อาหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมโตเองก็ยิ้มจนเป็นดั่งเสี้ยวจันทร์เลย

พี่ใหญ่ผมเขียวพูดพร้อมรอยยิ้ม “เธอน่ะยังเด็ก ไว้โตก่อนเถอะ”

“ฮึ่ม~เดี๋ยวอาหลี่ก็โตแล้วน่า~”

“ฮ่าๆๆ มีคนสามคนในตระกูล แล้วงี้ใครจะเป็นนายใหญ่ดีล่ะ?” ผมแดงยืนขึ้นพูด และแน่นอนว่าจงยกย่องเขาเป็นหัวหน้าซะ!

อาหลี่ยกมือขึ้นฉับพลัน “อาหลี่เป็นเอง!”

พี่ใหญ่ผมเขียว “…”

น้องเล็กผมแดง”…”

ผมแดงพูดทั้งที่ยังยืนอยู่ “อาหลี นายใหญ่น่ะต้องดีในทุกๆด้านนะ ดูอย่างลุงผมแดงนี่ เดี๋ยวจะแสดงวิชาเด็ดๆที่เห็นแล้วต้องเจ็บจี๊ดลงกระดูกดำเลยให้ดู”
กระตุ้นตราประทับ…

ในตอนนั้นเหล่าฝุ่นที่อยู่ในบ้านเริ่มลอยขึ้นแล้ว มันติดปากจนทั้งผมเขียวและอาหลี่ต้องแบะปาก ณ ตอนนั้นเลย

“หยุด วิชา นั่น ซะ! ไม่งั้นเดี๋ยวที่พักเราจะกลายเป็นผงกันพอดี” ผมเขียวไม่สามารถยืนขึ้นได้

เมื่อได้ยินดังนั้น ผมแดงก็ค่อยๆปัดมือไปมาเบาๆและเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ เมื่อตอนแข่งรวมญาติปีที่ผ่านมา พี่เป็นอันดับหนึ่งในวิชานี่เลยนะ”

“ว้าววว ลุงผมเขียวเป็นอันดับหนึ่งเลยเหรอ? สุดยอดไปเลยยย” อาหลี่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เธอรู้สึกว่าการเป็นอันดับหนึ่งนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

ผมเขียวนั้นพอเอาเข้าจริงก็เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เหมือนกัน “มันเป็นเรื่องในอดีตน่า แล้วก็นะ ฮีโร่น่ะเค้าไม่อวดความกล้าหาญของตัวเองในปีก่อนๆหรอก”

“พี่ใหญ่ มองไปที่อาหลี่สิ”

อาหลี่เองก็คะยั้นคะยอตามที่ผมแดงเชิญชวน “ลุงผมเขียว อาหลี่อยากเห็นบ้าง”

“ก็ได้ๆ ถ้างั้นลุงผมเขียวจะโชว์ให้อาหลี่ดู”

ทันใดนั้นผมเขียวก็ปัดก้นแล้วเดินไปยังจุดที่น้องเล็กของเขายืนอยู่

กระตุ้นตราประทับ…

นี่คือสิ่งที่เจ๋งที่สุดของผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันในตระกูล ทันใดนั้นฉากตรงหน้าก็เต็มไปด้วยระเบิดควันมากมายทำให้ผมเขียวกลายเป็นเพียงเงาก่อนจะหายไปเลย

อาหลี่ “แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก ”

น้องเล็กผมแดง “แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก …”

ผมแดงคิดในใจว่า อันที่จริงคนที่สามารถทำให้ที่อยู่อาศัยพังได้น่ะ มันคือพี่ใหญ่ต่างหาก ไม่ใช่เขา

เวลาแห่งความสุขนั้นผ่านไปเร็วเสมอ ทั้งสามค่อยๆหลับไปและเริ่มต้นวันใหม่อย่างรีบร้อนเมื่อตื่นมา

10 วันให้หลัง…

ทั้งสามยืนอยู่ท่ามกลางจตุรัสในเมืองหลงอันและมืองไปยังรูปปั้นขนาดใหญ่บริเวณนั้น

คุณป้าที่เดินผ่านมาคนนึงมองไปยังสาวน้อยก่อนจะยื่นเงิน 5 ดอลล่าร์ให้ที่พื้น

“คุณป้า! คุณป้าวกกลับมาล่ะ~ สายตาของคุณป้า…กำลังมองหนูเป็นดอกไม้ใช่ม้า~” อาหลี่ตะโกน

คุณป้าผู้ใจบุญหันหลังกลับและหลบสายตา “ใช่ซะที่ไหน ก็แค่ทำเงินตกหรอก”

น้องเล็กผมแดงปากกระตุกนิดหน่อย ยัยป้านี่ พูดอะไรออกมารู้ตัวมั้ยเนี่ย!

อาหลี่ปล่อย 5 ดอลล่าร์ไว้กับพื้นตามเดิมก่อนจะเดินไปหาคุณป้า “ขอบคุณค่ะ คุณป้า”

ความน่ารักของเธอทำให้คุณป้าคนเดิมหันกลับมาแล้วยื่นให้เธออีก 10 ดอลล่าร์ “เด็กน้อย ไปซื้ออะไรกินซะนะ”

มอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ใช้กันมาหลายวันนั้นจอดเทียบอยู่ข้างถนน มันยังคงแย่ลงเรื่อยๆผนวกกับการเงินที่เริ่มติดขัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้น พี่ใหญ่ผมเขียวก็ยืนยันว่าจะไม่ถอนเงินเด็ดขาด มันจำเป็นจริงๆที่จะต้องรอให้ถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องไปถอน

เด็กสาวกำเงินในมือก่อนจะว่างมาหาลุงๆของเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณลุง อาหลี่รวยแล้ว จะกินอะไรก็กินเลย”

2 พี่น้องผมเขียวผมแดงแตะหัวเธอเบาๆก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ลุงยังไม่หิว เพราะงั้นเรากินก่อนได้เลย”

“ไม่ ถ้าคุณลุงไม่กิน อาหลี่ก็จะไม่กิน!” อาหลี่แก้มป่องน้อยๆมันเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าถ้าไม่ยอมกินล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองก็มองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

พวกเขาตัดสินใจซื้อขนมปังมาและแบ่งมันออกเป็น 3 ส่วน แต่ก็เลือกที่จะแบ่งครึ่งก่อนและให้ครึ่งนั้นแก่อาหลี่ไป ส่วนพวกเขาทั้งสองก็แบ่งครึ่งอีกทีจากครึ่งที่แบ่งไว้ตอนแรก

สายตาเหลือบหาสวนสาธารณะและนั่งลงไปบนม้านั่ง ทั้งสามค่อยๆลิ้มรสชาติของโลกใบนี้ช้าๆปล่อยเวลาไหลไปเรื่อยๆ

“อาหลี่ ตอนนี้เราอยู่ในหลงอันแล้ว หนูอาศัยอยู่ที่ไหนล่ะ?” พี่ใหญ่ผมเขียวถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน ให้อารมณ์เหมือนย้อนไปเมื่อปี 1989 เลย แต่นี่มันต่างกับตอนที่ส่งบรรพบุรุษกลับบ้านเก่าอยู่เหมือนกันแฮะ

“อืมมมมมมม ชิง” อาหลี่พูด

ทั้งสองได้แต่สงสัย ว่ามันหมายความว่าอะไรน่ะ? อีกรอบได้มั้ย?

“ที่ชิงบาร์!” เธอพูดย้ำด้วยสำเนียงชัดเจน

“พี่ใหญ่ ฉันเคยได้ยินชื่อบาร์นั่นอยู่นะ แต่ไม่ค่อยรู้รายละเอียดซักเท่าไหร่” ผมแดงประหลาดใจ

ผมเขียวตะโกนดัก “เจ้าโง่ แกก็เช็คเอาจากแผนที่ในโทรศัพท์สิฟะ!”

“อ่า โทรศัพท์ของฉันไปแล้ว…”

“งั้นก็เดินหามัน”

น้องเล็กโล่งใจ แต่เราจะให้บาร์อะไรนั่นในเมืองใหญ่นี่จริงๆเหรอ? นี่เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ ถ้าไม่เจอเข็มนี่ได้กลายเป้นอาหารฉลามแน่ๆ

หลังจากที่กินเสร็จแล้ว ทั้งสามก็เริ่มเดินหาสิ่งที่เรียกว่า ชิงบาร์ แต่ทันใดนั้นก็พบบางสิ่งบางอย่าง มันดูเหมือนว่าจะปิดระหว่างวันและเปิดในเวลากลางคืน เพราะงั้นพวกเขาทำได้แค่รอจนเวลากลางคืนมาถึงเท่านั้น

เดินตรงไปเรื่อยๆตามถนนที่คึกคัก พวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน และทันทีทันใดก็ได้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด แน่นอนว่ากลิ่นนั้นแรงพอที่จะทำให้พวกเขาหยุดและหันมองทางขวา

“ซง หวังเฟย ร้านอาหารกะทะร้อน”

สองพี่น้องเลียริมฝีปากส่วนอาหลี่ก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงไป

“คนต่อแถวยาวเหยียดเลย” อาหลี่เอ่ย

“พี่ใหญ่ ดูท่าว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ” น้องเล็กน้ำลายไหล

“ใช่แล้ว” อาหลี่พูดเสริม

ทันใดนั้น ชายในชุดสูทที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูก็มองมาที่พวกเขาพร้อมทั้งขมวดคิ้ว “เฮ้ พวกนาย 3 คนน่ะ สาวน้อยที่ยืนอยู่กับพ่อตรงนั้น ช่วยเขยิบออกไปได้มั้ย มันค่อนข้างจะรบกวนความอยากอาหารของลูกค้าร้านฉันน่ะ”

เด็กสาวเมื่อได้ยินดังนั้นก็ลากลุงๆทั้งสองออกไป “ไปกันเถอะคุณลุง อย่าไปสนใจอาหารเขาเลย”

พี่ใหญ่ผมเขียวนั้นไม่พอใจมากๆ “ตะโกนอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า? ถนนนี่เป็นบ้านของนายหรือไง? หรือว่าของพ่อนายนะ? บอกเลย ต่างจังหวัดน่ะ ดีกว่านี้อีกจะบอกให้ หึ!”

“โฮ่ กล้าที่จะปากเก่งกลับมาแบบนี้คงไม่อยากกลับไปแบบครบ 32 ส่วนล่ะสิท่า! ออกไปเลยไป๊ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะโว้ย!”

อาหลี่เพ่งมองไปที่ผู้จัดการร้านก่อนจะพูดโต้ตอบ “คุณลุงเป็นคนไม่ดี!”

“เห้ยๆ ยัยเปี๊ยก ปากไม่มีหูรูดเลย เป็นพวกไม่มีการศึกษาหรือไงฮะ!”

สองพี่น้องที่ได้ยินดังนั้นก็ตาแดงกล่ำและระเบิดปะทุออกมา พวกเขาถกแขนเสื้อขึ้นและด่าทอกลับไป “ไอ้แม่เยอะเอ้ย! แกกล้าดียังไงมาพูดแบบนี้ใส่เด็กวะ!”

มองไปยังสองพี่น้องที่แสดงท่าทีดุดันออกมา ผู้จัดการร้านดังกล่าวก็รีบกลับเข้าไปหลบในร้าน “ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าพวกแกยังไม่ออกไป!!”

“ไอ้เจ้าผู้จัดการนั่น! อย่าห้ามฉันนะพี่ใหญ่ วันนี้ฉันจะอัดมัน!” น้องเล็กผมแดงเดินดิ่งเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็วสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่ต่อคิวจนวิ่งหนีกันไปหมด

พี่ใหญ่เองก็ตามเข้าไปด้วย แต่พอเข้าไปได้ยินเสียงไม่เสนาะหูภายใน เขาก็รีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจทันที

ทั้งสองวิ่งตรงกลับมายังอาหลี่ และสิ่งที่เธอเห็นก็คือเชฟกว่า 12 คนในร้านถือมีดทำครัวให้เห็นจะๆเลย

“พี่ใหญ่ มาทางนี้ มีซอยให้หลบ!”

ผมเขียวตะโกนถามอย่างรวดเร็ว “ถ้าเกิดซอยนั่นไม่ได้ผลจะทำยังไงเล่า วิ่ง!”

“ความคิดดีมากเลยพี่!”

ทั้งสามวิ่งกลับไปทางเดิมที่มาอย่างรวดเร็ว