TB:บทที่ 329 นิวยอร์กซิตี้ (3)
หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ ค้างคาวห้าตัวจึงหันไปมองบอร์แมน ในเมื่อลิลิธไม่กล้าลงมือ เธอจึงยกหน้าที่นี้ให้พวกเขาป็นคนจัดการบอร์แมน
อย่างไรก็ตาม บอร์แมนเกิดมาพร้อมกับพลังเหนือมนุษยธรรมดา แม้ว่าลิลิธจะพยายามลดเสียงลงขนาดไหน เขาก็ยังได้ยินมันเต็มสองหูอยู่ดี แต่ด้วยความแข็งแกร่งนี้ บอร์แมนจึงไม่สนใจพวกค้างคาวเลยแม้แต่น้อย
บอร์แมนเสมองลิลิธแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณออกทำภารกิจในฐานะสภาแห่งศาสตร์มืด คุณก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องด้วยนะครับ ขนาดผมไม่ได้ทำงาน ผมยังได้ค่าจ้าง 50 ล้านหยวนจากบอสทุกเดือนเลย อย่าว่าแต่ทำภารกิจเลยครับ ยังมีคำกล่าวในราชวงศ์จีนว่าจักรพรรดิมิอาจทอดทิ้งให้ราษฎรอดอยาก การที่คุณปฏิบัติกับพวกเขาแบบนั้น มันไม่เกินไปเหรอครับ?”
ทันทีที่บอร์แมนพูดจบ ค้างคาวห้าตัวที่กำลังมองบอร์แมนอยู่ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเห็นลอร์ดผู้เจิดจรัส คนๆนี้น่าสดใจจริงๆ ถึงมันจะเป็นแค่คำพูดธรรมดา แต่มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจากใจ แสดงว่าแวมไพร์แบบพวกเขาก็มีหัวใจเหมือนกันสินะ
“นี่นายโง่หรือเปล่า พวกเขาเป็นคนของฉัน ฉันมีสิทธิทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ตามที่ฉันต้องการ หรือนายคิดว่าการที่ฉันให้พวกเขาหัดใช้ชีวิตในเมืองด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ฉันไม่ควรทำกันล่ะ?” เมื่อเห็นบอร์แมนพูดขัดใจ ลิลิธจึงหันไปมองบอร์แมนด้วยสายตาดุร้าย
“นี่เธอยังจะกล้าเรียกมันว่า ‘การฝึก’ อยู่อีกหรอ? เท่าที่เห็น เธอควรเรียกมันว่า ‘การปล่อยหาง’ พวกเขาซะมากกว่า” บอร์แมนพูดแดกดันลิลิธ
สิ่งที่เรียกว่า ‘การฝึกเอาชีวิตรอดในเมือง’ ของลิลิธคือการให้แวมไพร์ร้อยตัวหาที่ซุกหัวนอนในนิวยอร์กด้วยตัวเองโดยที่เธอไม่ให้เงินพวกเขาเลยสักบาท แถมยังหาคนที่หน้าตาดีกว่าเธอหรือคนที่ธอไม่ชอบหน้าให้พวกมันดูดเลือดอีกต่างหาก
ทันใดนั้นลิลิธจึงมองบอร์แมนด้วยสายตาดูถูกแล้วตอบกลับไปว่า “โอ๊ย! นายนี่มันโง่จริงๆ! ฉันอยากจะบอกว่า เงินในบัญชีของฉันมีมากมายจนนับไม่ถ้วย ปีนี้ สภามอบเงินให้ฉันมากถึง 10 ล้านเหรียญ แต่สถาได้กำหนดเอาไว้ว่า ฉันสามารถนำเงิน 40% ของเงินในปีนี้ออกมาใช้ได้ตอนสิ้นปีเท่านั้น เพราะฉะนั้นฉันมีเงิน 4 ล้านตอนสิ้นปี ฉันสามารถซื้อได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ จะบอกอะไรให้นะ ถึงฉันแทบไม่ได้เห็นเงินมาตั้งแต่เด็กแต่ฉันรวย! ทีนี่นายเข้าใจแล้วรึยัง? โตแต่ตัวจริงๆเลยนะนายเนี่ย!”
จู่ๆลิลิธก็กลายเป็นคนขี้งกขึ้นมาในทันที
เมื่อได้ฟังเหตุผลต่างๆจากลิลิธ บอร์แมนกับเฉินหลงถึงกับทึ่งในสติปัญญาอันเฉียบแหลมของลิลิธเป็นอย่างมาก ในขณะที่ค้างคาวพวกนั้นดูสิ้นหวัง
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินหลงและคนอื่นๆ ลิลิธจึงพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “เป็นยังไงล่ะ ตกใจกับความฉลาดของฉันล่ะสิ!?”
บอร์แมนจ้องมองผู้หญิงใจแคบที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครแล้วถามกลับว่า “ถ้าสิ้นปีเธอมีเงินสี่ล้านแล้วเงินที่เหลือไปไหนล่ะ?”
“เงินส่วนที่เหลือก็จะถูกส่งไปยังสภาสำหรับปีถัดไปนะสิ” ลิลิธตอบบอร์แมนกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใส บนใบหน้ามีคำว่า ‘ถามอะไรโง่ๆ’ ปรากฏอยู่
บอร์แมนเบิกตามองลิลิธแล้วตอบว่า “นี่สมองเธอกลับรึเปล่า? หรือเธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันดีแล้ว? ทำไมเธอต้องรอให้ถึงสิ้นปีแล้วค่อยรับเงินจากสภาด้วย แทนที่เธอจะนำเงินห้าล้านมาใช้แล้วแบ่งส่วนที่เหลืออีกห้าล้านให้กับค้างคาวที่น่าสงสารพวกนั้นไป ถ้าเธอทำแบบนั้น เธอก็จะมีเงินเพิ่มอีกหนึ่งล้าน แถมไม่จำเป็นต้องคืนเงินให้รัฐสภาด้วย”
“ถ้าฉันให้ พวกนายจะเอาไหม?” เมื่อคิดมาถึงนี้ ลิลิธจึงหันไปถามค้างคาวห้าตัวตรงหน้า
ค้างคาวห้าตัวพยักหน้ารับอย่างสิ้นหวังพร้อมกับสารภาพว่า “เอา เอาครับ! ถึงคุณหนูจะใช้เงินหกล้าน พวกเราก็ไม่มีปัญหาครับ”
ไม่ว่าจะเป็นกฎของสภาแห่งศาสตร์มืด หรือพวกเขาที่เป็นนักรบแห่งตระกูลวิคเตอร์ พวกเขาก็ไม่กล้าขัดใจลิลิธเป็นอันขาด ยอมนำเงินพวกนั้นมาพัฒนาคุณภาพชีวิตเสียยังจะดีกว่า
พวกเขาทั้งหมดเป็นนักรบระดับสูงในหมู่แวมไพร์ ถ้าพวกเขาเที่ยวเตร็ดเตร่เพื่อหาเลี้ยงชีพในนิวยอร์กจริงๆ มีหวังถูกสหายคนอื่นๆหัวเราะจนขาดใจตายแน่!
ลิลิธกล่าวด้วยความปิติ “ในเมื่อพวกนายรับปากแล้วก็ห้ามเปลี่ยนใจ เข้าใจไหม?”
ค้างคาวพยักหน้ารับรัวๆ
บอร์แมนเห็นลิลิธพูดแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันขนาดนี้ได้ยังไงกัน…
ห่างออกไปอีกสองกิโลเมตร บนอาคารแห่งหนึ่ง ชายร่างสูงสองคนที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดสวมกางเกงรัดรูปสีดำกำลังเฝ้าสังเกตการเหตุการณ์ต่างๆจากระยะไกล กำลังแอบฟังเรื่องเวทมนตร์โบราณแห่งตระกูลวิคเตอร์อยู่
พวกเขาคือมาร์ควิสผู้ทรงพลังแห่งตระกูลวิคเตอร์ ลิลิธเป็นธิดาคนสุดท้องของท่านชายวิคเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีองครักษ์คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยของเธอ
“ตอนนี้ทุกอย่างราบรื่น” แวมไพร์ที่เป็นมาร์ควิสคนหนึ่งกล่าวด้วยความลำบากใจ
“ไม่มีปัญหา ขอแค่ไม่ลืมมอบเงินให้พวกเขาสี่ล้านก็พอ ภารกิจของพวกเราคือการปกป้องคุณหนูอย่างลับๆ ส่วนเรื่องอื่นไม่สำคัญ” แวมไพร์ที่เป็นมาร์ควิสอีกคนตอบ
วันรุ่งขึ้น เฉินหลงชวนบอร์แมนกับจี้โม่ซีไปช้อปปิ้งกับลิลิธที่ย่านที่คึกครื้นและหรูหราที่สุดในนิวยอร์ก โดยเฉินหลงตั้งใจจะซื้อมีดสักเล่มไปฝากกวงหาน
พวกเขาและแอนเดสเดินทางไปพบผู้เฒ่าจอห์น โดยมีแวมไพร์ 100 ตัวที่ถูกส่งมาเพื่อแอนเดสร่วมเดินทางไปด้วย
บอร์แมนนั่งอยู่ในโรลส์รอยซ์ที่มีลิลิธนั่งไปกับเขาด้วย ดวงตาของคนตัวโตและคนตัวเล็กได้สบตากัน
ในขณะเดียวกัน มีค้างคาวสีทองสองตัวบินผ่านหลังคารถไป ค้างคาวสองตัวนั้นคือแวมไพร์ที่เป็นมาร์ควิสแห่งตระกูลวิคเตอร์ที่ต้องซ่อนตัวเพื่อคอยปกป้องลิลิธจากอาคารแห่งหนึ่งเมื่อคืน
เฉินหลงที่นั่งอยู่ในรถรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นค้างคาวสีทองสองตัวบินอยู่เหนือศีรษะกลางอากาศ จึงส่งจิตสังหารไปหาค้างคาวทั้งสองตัวทันที
เนื่องจากในรถคันนี้ไม่ได้มีแค่จี้โม่ซี แต่ยังมีลิลิธด้วย ถึงบอร์แมนจะดูหมิ่นลิลิธมาตลอด แต่สัญชาตญาณสั่งให้เขาปกป้องเธอจากอันตราย
เมื่อเห็นว่าลิลิธถูกรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มที่ทรงพลัง ค้างคาวสองตัวก็ส่งเสียงแหลมออกมาสองสามครั้งก่อนที่ร่างของมันจะเปล่งแสงแล้วหายวับไปในพริบตา
เมื่อเห็นค้างคาวดูดเลือดสองตัวบินหนีไป บอร์แมนก็รู้สึกโล่งใจขึ้น เขาสบถในใจว่า “คราวหน้า ถ้าฉันเห็นหน้าพวกแกอีก ฉันจะฆ่าพวกแกซะ”
เมื่อเฉินหลงและแอนเดสไปพบผู้เฒ่าจอห์น พวกเขาจึงได้เห็นอำนาจของตระกูลคาร์ลรวมถึงสถานะของพวกเขา
เมื่อลิลิธและคนอื่นๆกลับมาจากการช็อปปิ้ง ตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว
ลิลิธที่ได้ยินบอร์แมนและคนอื่นๆพูดถึงเรื่องการสังการและวางเพลิงอยู่ จึงเริ่มพูดกดดันเฉินหลงแบบหัวชนฝาว่า
“ไม่เอา! ฉันอยากไปด้วย ฉันเองก็อยากไปกับพวกนายเหมือนกันนะ! ฉันยอมถ่อมาถึงนิวยอร์กเพราะนายบอกว่านายจะไปฆ่าคนแล้วจุดไฟเผามัน ในเมื่อมันกำลังจะเกิดขึ้น ฉันเองก็อยากมีส่วนร่วมเหมือนกันนะ เพราะฉนั้นนายต้องพาฉันไปด้วย ฉันไม่ยอมนั่งดูอยู่เฉยๆอย่างสบายใจหรอกย่ะ!”
“เธออย่าเพิ่งงอแงสิ พวกเราอาจจะต้องสู้กันด้วยปืน เพราะฉนั้นมันอันตรายและไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ เข้าใจไหม?” เฉินหลงใช้เหตุผลเกลี้ยกล่อมลิลิธให้ใจเย็นลง
“อันตรายตรงไหน? เหอะ ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนอย่างฉันไม่กลัวของพรรค์นั้นหรอกย่ะ” ลิลิธตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม