ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 951 เจ้านกแร้ง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 951 เจ้านกแร้ง

เสียงเย็นชานั้นราวกับเสียงของปีศาจที่กำลังกัดฟันในเวลากลางคืน ทำให้หวังเปี้ยนจื่อรู้สึกกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว

“อย่านะ!”

“อย่าฆ่าฉันเลย!”

“ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นจริงๆ!” เขาขาอ่อนปวกเปียกด้วยความตกใจกลัว จนต้องคุกเข่าลงไปกับพื้น มือไม้ไร้เรี่ยวแรง แถมยังหลับตาตะโกนส่งเสียงดังลั่น

ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ และไม่ได้ลงมือจัดการอะไรกับเขา

บริเวณรอบข้างเงียบสงัดลง ราชาเปี้ยนใช้ความกล้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาเห็นผู้อาวุโสหัวโล้นคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

เบ้าตาลึก จมูกโด่งเป็นสัน หน้าผากโหนกนูน

แววตาคู่นั้น ราวกับนกเหยี่ยวที่โหยหิวมานาน ราวกับกำลังจ้องมองนกกระจอกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อ จ้องมองเขาลงมาจากด้านบนด้วยสายตาอันเย็นชา

หวังเปี้ยนจื่อตัวสั่นเทาอีกครั้งและรีบพูดต่อว่า “นายท่าน ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยจริงๆ”

“ได้โปรดเชื่อฉันด้วยเถิด!”

“เฒ่าแร้ง อย่าหุนหันพลันแล่นราชาเปี้ยนเป็นคนกันเองนี่แหละ” ในที่สุดเซี่ยหมิงที่อยู่บนโซฟาก็เปิดปากพูด เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ครับ คุณชาย” ผู้อาวุโสหัวโล้นที่ถูกเรียกว่า เฒ่าแร้ง พยักหน้าตอบรับ เขาขยับขาเบาๆ ก็ถอยกลับมาอยู่ด้านหลังของเซี่ยหมิงแล้ว

“เฒ่าแร้ง เป็นอาจารย์ของฉันเอง เพราะเขารักฉันมาก เมื่อครู่เลยหุนหันพลันแล่นเกินไปหน่อย จนทำให้ราชาเปี้ยนต้องตกใจไปด้วย”

“ฉันต้องขอโทษด้วย”

เซี่ยหมิงพูดจบ เขาก็ยื่นมือออกมาประคองราชาเปี้ยนท่าทางอันสง่างามของเขา เห็นได้ชัดว่าได้รับการเลี้ยงดูมาจากตระกูลใหญ่

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ!”

หวังเปี้ยนจื่อรู้สึกประหลาดใจจากความเอาใจใส่นั้น เขารีบลุกขึ้นและพูดด้วยความกลัวว่า “คุณชายเซี่ยเป็นมังกรเทพแห่งสรวงสวรรค์ ส่วนตาแก่อย่างฉันเป็นเพียงเศษหญ้าเน่าๆ เท่านั้น”

“เมื่อครู่ที่รีบร้อนเข้ามา เป็นข้าเองที่หุนหันพลันแล่น”

“ข้าหวังซ่างชิง ขอคารวะคุณชายเซี่ย” เขาแสดงความเคารพอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

เซี่ยหมิง หัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกเซี่ยหมิงเป็นแขกผู้มาเยือน ที่นี่เป็นอาณาเขตของท่านราชาเปี้ยนถึงจะถูก ”

“พูดตามตรง หลังจากที่ได้ดูภาพภ่ายและคลิปวิดีโอที่ทางราชาเปี้ยนส่งให้มาแล้ว ฉันก็ไม่เคยลืมคุณหนูใหญ่ของพวกเธอได้เลย”

“การเดินทางครั้งนี้ ถึงไกลก็ไม่กลัว ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคุณอีกเยอะ”

“ฉันยังยืนยันคำพูดเดิม ตราบใดที่การแต่งงานเสร็จสิ้น ในอนาคตทั้งตอนเหนือและคุณราชาเปี้ยนก็ถือว่าเป็นคนกันเองแล้วนะ”

“ราชาเปี้ยน มานี่สิ พวกเรามานั่งคุยกันดีกว่า”

เซี่ยหมิง ทำตัวสนิทสนมอย่างมาก เขาจับมือของราชาเปี้ยน และพาเขามานั่ง พร้อมกับพูดเสียงดังว่า “ถงอาน ไปเชิญคนของราชาเปี้ยนลงเรือ พวกเราจะออกเดินทางสู่เกาะหวัง”

“จำไว้ว่า คนสนิทของราชาเปี้ยนจะต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี”

“อ่อแล้วก็ไปเอาชาชั้นเลิศมาชงให้ราชาเปี้ยนด้วยนะ!”

“ครับ คุณชาย ฉันจะรีบไปจัดการทันทีครับ”ถงอาน ที่ยืนเคารพนบน้อมอยู่หน้าประตูมาตลอดนั้น รีบรับคำสั่งด้วยความยินดีทันที

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เขายิ่งรู้สึกภูมิใจมากขึ้นอย่างหาคำไหนมาอธิบายไม่ได้จริงๆ

เจ้านกแร้ง คือผู้มีฝีมืออันดับหนึ่งข้างกายของเซี่ยหมิงเขาจู่โจมราชาเปี้ยนอย่างกะทันหัน พร้อมกับส่งเสียงดังสั่นสะเทือนไปทั่ว จนทำให้ เจ้าเปี้ยนแก่ตกใจกลัวถึงกับต้องคุกเข่าลงและร้องขอชีวิต

ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นความตั้งใจของเซี่ยหมิงจุดประสงค์ก็เพื่อสร้างอำนาจบารมี

พอได้เห็นราชาเปี้ยนที่อายุมากขนาดนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายของตนแล้ว กลับมีท่าทีหวาดกลัวราวกับเด็กนักเรียนชั้นประถมคนหนึ่งถงอาน ยิ่งรู้สึกหยิ่งผยองขึ้นมาทันที แถมยังคิดอีกด้วยว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นเจ้านายที่แท้จริง

พื้นที่เล็กๆ ของตงไห่ เปรียบเสมือนลูกบอลลูกหนึ่ง

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดก็คือ เมื่อคืนนี้ที่โรงแรม เขากับบอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่ล่วงหน้ามาพร้อมกับเขา ถูกคนที่ชื่อว่าฉินเทียน กับพวกของเขาอีกสองสามคนซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ

ถงอานโกรธมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

เขาสาบานว่า รอให้ได้ครอบครองตงไห่เสียก่อน จะอาศัยกำลังพลของตงไห่ พลิกแผ่นดินตามล่าหาฉินเทียนและพวกของเขาให้เจอจงได้ จากนั้นจะจับพวกเขาไว้ริมทะเลแล้วใช้ดาบทื่อๆ แล่เนื้อของพวกเขาออกและโยนให้ปลากินให้หมด

เซี่ยหมิง นั่งจิบชาอยู่ในห้องโดยสารเรือ เขาถามขึ้นลอยๆ ว่า “ราชาเปี้ยนเคยพบกับคุณลุงเฮยสุ่ยมาก่อนแล้วใช่ไหม”

ราชาเปี้ยนตกใจไปครู่หนึ่งและรีบตอบอย่างยิ้มๆ ว่า “ใช่ครับ”

“ท่านอาวุโสเป่ยจุน ตอนนี้ยังอยู่บนเกาะของฉัน เดิมทีคิดจะชวนเขามาต้อนรับคุณชายด้วยกัน เขาบอกว่า เขากับคุณชายคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

“เขาบอกว่าเขามีธุระนิดหน่อย อีกทั้งสถานะของเขาเองก็ไม่สะดวกที่จะเปิดเผย แต่เขาบอกให้ฉันเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายทุกอย่างก็พอ”

เซี่ยหมิง หยีตาลง เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ราชาเปี้ยนจะบอกว่า อุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับการแต่งงานในครั้งนี้ ก็คือจินยีโหวกับราชาจั่วเจียน สินะ”

“พวกเขารังเกียจตระกูลเซี่ยตอนเหนือของพวกเราอย่างนั้นหรือ”

“ฉันขอพูดตามตรงนะ หากถึงเวลานั้นพวกเขาเกิดขัดขวางขึ้นมาราชาเปี้ยน เธอว่าฉันควรจะจัดการยังไงดี?”

ความโหดร้ายปรากฏขึ้นในแววตาของราชาเปี้ยนเขากัดฟันและพูดว่า “ผู้ทำการใหญ่ จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ!”

“มีคำกล่าวว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด หากพวกเขามองข้ามความหวังดีของคนอื่น ใจกล้าถึงขนาดทำให้คุณชายต้องเสียเกียรติเสียหน้าหล่ะก็ เช่นนั้นขอให้คุณชายสั่งการ ทำการเชือดไก่ให้ลิงดูได้เลย!”

เซี่ยหมิง เลิกคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ฉันมาเพื่อขอแต่งงาน หากให้ลงมือฆ่าคน คงไม่เหมาะสมหรอกมั้ง?”

ราชาเปี้ยนกัดฟันและพูดว่า “ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม คนโลกนี้ เหล้าคารวะไม่ดื่ม ชอบดื่มเหล้าปรับโทษ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“พูดตามตรงนะคุณชาย เดิมทีฉันเตรียมคนเอาไว้เพื่อออกหน้า แต่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างทาง เกรงว่าคนผู้นั้นจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว”

“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่า ด้วยศักยภาพของเฒ่าแร้งแล้ว ทั่วทั้งตงไห่ คงไม่มีใครสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน!”

เมื่อเห็นเจ้านกแร้งที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังของเซี่ยหมิงแล้ว ราชาเปี้ยนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง จากเหตุการณ์อันไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้ว่า เจ้านกแร้งผู้นี้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของเซี่ยหมิงอย่างแน่นอน

ทั่วทั้งตงไห่ อาจจะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อกรกับ เจ้านกแร้ง ได้เลย

เขาเกลียดพวกหวังเหมี่ยนกับหวังเจี่ยนเอามากๆ เมื่อถึงเวลานั้นแทบจะอยากให้เจ้านกแร้งลงมือสั่งสอนพวกเขาหนักๆ สักหน่อยด้วยซ้ำไป

ใบหน้าอันโอหังอวดดีของ เจ้านกแร้ง พูดอย่างเย้ยหยันว่า “หากคุณชายต้องการหล่ะก็ ในสายตาของฉัน ทั่วทั้งตงไห่ มันก็แค่ฝูงปลาเล็กปลาน้อยเท่านั้นเอง”

“ใช่ใช่ใช่ ศิลปะการต่อสู้ทางตอนเหนือ ตงไห่ไม่มีทางเทียบได้เลย”ราชาเปี้ยนพูดจาเป็นบ่าวประจบนาย เขาเป็นถึงรัฐบุรุษอาวุโสขององค์กรในตงไห่แท้ๆ แต่กลับเห็นแก่ความเกลียดชังและเรื่องส่วนตัว ถึงขนาดยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองและทำเรื่องไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้

เซี่ยหมิงยิ้มและพูดว่า “เฒ่าแร้งเป็นผู้มีฝีมืออันโดดเด่นทางตอนเหนือจริงๆ แต่ยังไงซะ ในเมื่อเป็นงานมงคลเช่นนี้ หากไม่ลงมือได้ ก็อย่าลงมือเป็นดีที่สุด”

“ราชาเปี้ยน มาดื่มชากันดีกว่า”

“ครับ ขอบคุณคุณชาย”ราชาเปี้ยนรีบหยิบถ้วยชาขึ้นด้วยความหวาดกลัว

ตอนนี้เขาอายุจะแปดสิบอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยหมิงที่อายุเพียงยี่สิบกว่าๆ ทำให้เขาดูกลายเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมไปเลย ในอีกแง่หนึ่งเขาก็แสร้งทำเป็นเคารพได้อย่างสมจริงสมจัง

และอีกเหตุผลหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เขารู้สึกกลัวเซี่ยหมิงจริงๆ นั่นเอง

เซี่ยหมิงผู้นี้ อายุยังน้อย ดูยิ้มแย้มตาหยีแบบนี้ แต่ท่ามกลางสิ่งที่มองไม่เห็นนั่น กลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงภัยอันตราย

เช่นเดียวกับรอยยิ้มของเขา ที่ลุ่มลึกอย่างไร้ก้นบึ้ง หากใครก็ตามที่ไม่ระวัง ไม่เชื่อฟังเขา เขาก็จะใช้หลุมดำอันลุ่มลึกนี้ บีบให้เขาตายอย่างไร้ความปรานี

นี่คือนิสัยพื้นเพของคุณชายสายตรงของตระกูลใหญ่นี้ ไม่ใช่เล่นเลยจริงๆ!

เรือสำราญสุดหรูแล่นไปตามสายลมและเกลียวคลื่น มุ่งหน้าสู่เกาะหวังสิบนาทีต่อมาถงอานรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนเสียงดังว่า “เรียนคุณชาย มีเรือสำราญลำหนึ่งอยู่ทางด้านหน้าซ้ายมือของพวกเรา ดูเหมือนว่าจะมุ่งหน้ามาทางเราด้วย”

“ฉันมองผ่านกล้องส่องทางไกล เห็นบนธงของพวกเขาเขียนคำว่า นายพลเกา”

เซี่ยหมิงหัวเราะและหันไปทางราชาเปี้ยน“ใช่คนของราชาเปี้ยนหรือเปล่า?”

ราชาเปี้ยนรีบตอบทันทีว่า “เป็นคนของฉันเอง ฉันจะรีบจัดการทันที”

เขารีบโทรศัพท์หาเกาเหมิ่งพร้อมกับพูดเสียงดังว่า “ฉันสั่งให้นายรีบเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปทางเกาะหวังเดี๋ยวนี้”

“เธอบอกหวังเหมี่ยนไปว่า คุณชายเซี่ยแขกผู้มีเกียรติของพวกเรากำลังจะถึงในอีกไม่ช้า ให้เขานำเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมด มาคอยต้อนรับที่ท่าเรือ ห้ามมีความผิดพลาดใดใดเกิดขึ้นเป็นอันขาด!”